ตำนานอสูรกาย !! ที่อาศัยอยู่ทะเลเหนือ

 

เรื่อง เล่าขานของอสุรกายใต้ท้องทะเลในโลกนี้ คงไม่มีเรื่องใดจะสร้างความพรั่นพรึงให้ลูกทะเลอย่างเรื่องของ Kraken อีกแล้ว จากเรื่องเล่าขาน เจ้าสัตว์ยักษ์ตัวนี้มีขนาดมหึมา มีหนวดใหญ่ยุ่บยั่บ โผล่ขึ้นจากน้ำพรวดเดียวก็สูงกว่าเสากระโดงเรือ เจ้า Kraken ชอบที่จะโจมตีเรือเดินสมุทรอย่างกระทันหัน โอบหนวดของมันรัดลำเรือเอาไว้ หนวดที่เหลือมันจะรัดลูกเรือจนกระดูกแหลกเหลว บ้างก็รัดเข้ามาป้อนเข้าปากอันน่ากลัวของมัน เห็นไหมล่ะครับว่า ในบรรดาเรื่องเล่าเกี่ยวกับสัตว์ยักษ์ใต้สมุทร คงไม่มีเรื่องใดจะน่าสยดสยองเท่าความดุร้ายของ Kraken อีกแล้ว

เรื่อง ราวของ Kraken อสูรร้ายอันโด่งดังจากทะเลเหนือ ที่จมเรือเดินสมุทรไปนักต่อนัก ก็คงมีพื้นฐานมาจากเจ้าปลาหมึกยักษ์นี่เองล่ะครับ จากสถิติที่เคยบันทึกกันไว้ ปลาหมึกยักษ์ที่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ค้นพบ ถูกชาวประมงสามคนพบเห็นใน Timble Tickle เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ปี ค.ศ. 1878 ขณะนั้นพวกเขาหาปลาอยู่ไม่ห่างจากชายฝั่งมากนัก หนึ่งในนั้นสังเกตว่ามีซากอะไรบางอย่างกระจุยกระจายอยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก เมื่อเข้าไปสำรวจใกล้ๆพวกเขาก็พบกับรูปร่างที่แท้จริงของเจ้าซากนั้น ปลาหมึกยักษ์นั่นเอง

 

พวกเขาใช้สมอเรือต่างเชือกมัด และพยายามสุดฤทธิ์ที่จะลากเจ้าสัตว์ยักษ์ตัวนั้นขึ้นบนฝั่ง น่าแปลกที่กล้ามเนื้อบางส่วนของปลาหมึกยักษ์นั้นยังคงมีชีวิตอยู่ ชาวประมงทั้งสามลากมันขึ้นไปบนบกและปล่อยให้ปลาหมึกแห้งตาย หลังจากเฝ้ารออยู่นานและแน่ใจว่าสัตว์ยักษ์ตัวนี้สิ้นฤทธิ์ไปแล้ว พวกเขาก็พากันมาวัดขนาดและตัดเอาบางส่วนของเนื้อมันไปเป็นอาหารหมา จากหัวจรดหางของเจ้าปลาหมึกยักษ์มีความยาว 20 ฟุต หนวดเส้นที่ยาวสุดยาวถึง 35 ฟุต ซึ่งยุ่บยั่บไปด้วยเขี้ยวแหลมคมที่มีขนาดถึง 4 นิ้ว ดังที่กล่าวไปแล้วว่า อาหารโปรดของปลาหมึกยักษ์นั้นคือปลาวาฬเสปิร์ม

นี่ครับ ใครนึกภาพไม่ออก ปลาวาฬ เสปิร์ม นุกภาพนะครับปลาใหญ่ขนาดนี้แล้วไอตัวที่สามารถกินปลาได้ใหญ่ขนาดนี้ จะมีขนาดมหึมาหนาดไหน !!!

 

เคยมีพนักงานประภาคารในแอฟริกาใต้สองคน เห็นการล่าเหยื่ออันน่าสยดสยองนี้กับตา เมื่อเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1966 พวกเขากล่าวว่าเขาเห็นปลาหมึกยักษ์ตรงเข้าจู่โจมปลาวาฬเสปิร์มหนุ่ม การต่อสู้ตามธรรมชาติดำเนินไปถึงชั่วโมงครึ่ง และจบลงด้วยชัยชนะของนักล่า "เราคงไม่มีโอกาสเห็นปลาวาฬตัวนั้นอีกแล้วชั่วชีวิต" เจ้าหน้าที่หนึ่งในสองเอ่ยขณะให้สัมภาษณ์

 

เรื่องของ Kraken ถูกเล่าขานมานานเท่าใดไม่ปรากฏ แต่บันทึกที่เป็นหลักฐานครั้งแรก มาจากนอร์เวย์ครับ เป็นเรื่องราวที่อ้างถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเท่าเกาะ ในหนังสือชื่อ The Natural History of Norway ที่เขียนโดยบิชอปแห่งเบอร์เก้น Erik Ludvigsen Pontoppidan ท่านได้บรรยายเกี่ยวกับ Kraken เอาไว้ว่า มันเปรียบเสมือนเกาะลอยน้ำขนาดย่อม ขนาดความยาวลำตัวยาวถึงครึ่งไมล์ อะไรมันจะขนาดน้าน จริงไหมครับ? แต่เรื่องราวในช่วงถัดมาเกี่ยวกับคราเก้นก็ค่อยๆลดขนาดของมันลงเรื่อยๆ ไม่มหึมาโอฬาริกอย่างในอดีต ถึงกระนั้นก็ยังจัดเป็นสัตว์ไซส์ยักษ์อยู่ดีครับ

 

Kraken ในตำนานของ ทะเลเหนือ ในสายตาของนักชีววิทยาแล้ว มันคงเป็นสัตว์ประเภทปลาหมึกยักษ์เสียมากกว่าครับ ลักษณะของปลาหมึกชนิดนี้มักจะก้าวร้าวรุกราน และขึ้นมาหาเหยื่อเหนือผิวน้ำเมื่อแลเห็นมนุษย์ ขนาดของมันไม่ถึงกับยาวกว่าครึ่งไมล์ตามบันทึกของท่านบิชอปหรอกนะครับ ถึงกระนั้นขนาดของมันก็สูสีกับสัตว์ที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก คือปลาวาฬเสปิร์มอยู่ดี ในปี 1930 มีรายงานการโจมตีเรือของเจ้าปลาหมึกชนิดดังกล่าว นักชีววิทยาและผู้ชำนาญการคาดว่า เจ้า Kraken (หรืออาจจะเป็นปลาหมึกยักษ์ Giant Squid) นี้โจมตีเข้า เพราะเรือของมนุษย์เราดันไปมีรูปร่างคล้ายปลาวาฬ อาหารหลักของเจ้าปลาหมึกนี่เอง

 

จากรายงานของผู้ประสบเหตุ ปลาหมึกดังกล่าว มีขนาดมหึมากันเหลือเกินครับ โดยเฉลี่ยมันจะยาวประมาณ 100 ฟุต น้ำหนักประมาณ 2-3 ตัน ยังกะก็อตซิลล่าทะเลแน่ะ นึกภาพออกไหมครับว่า ถ้าเรือเดินสมุทรโดนสัตว์ยักษ์ทรงพลังขนาดนี้เข้าโจมตีแล้ว อะไรมันจะไปเหลือ และบริเวณที่เกิดเหตุส่วนมาก จะเกิดกับเรือเดินทะเลที่ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติคครับผม....

มาดู เรื่องของปลาหมึกยักษ์ อันน่าจะเป็นต้นตอของตำนาน Kraken กันบ้างดีไหมครับ? ปลาหมึกขนาดใหญ่ที่สุด เท่าที่เรารู้จักกันในระดับที่สารบบชีววิทยายอมรับอย่างเป็นทางการ เป็นปลาหมึกที่อยู่ในตระกูล Architeuthis ซึ่งหาผู้พบเห็นได้น้อยมาก และปัจจุบัน เรายังไม่ทราบลักษณะการดำรงชีวิตของมันเท่าไรนัก

 

ปลา หมึกยักษ์จริงๆแล้วไม่ใช่สัตว์ตระกูลปลานะครับ เป็นพวก mollusks หรือหอยที่กินเนื้อเสียมากกว่า มีรูปร่างคล้ายๆกับภาพจำลองด้านล่างนั่นแหละครับ ยาวแหลมเป็นตอปิโดเชียว มันมีปากที่แข็งแรงพอที่จะกระชากเคบินเรือที่ทำจากเหล็กกล้า ให้กระจุยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ หนวดของมันนั้นมีอยู่เส้นหนึ่ง ที่ยาวและเพรียวกว่าเส้นอื่นๆ มีหน้าที่จับอาหารและป้อนเข้าสู่ปากอันน่าพรั่นพรึง ถัดจากปากก็เป็นลูกกะตาล่ะครับ ถือว่าเป็นตาที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาตาของสิ่งมีชีวิตทีเดียวเลย เพราะมันมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 18 นิ้ว

 

ปลาหมึกทุกประเภทเคลื่อนที่ ด้วยการพ่นน้ำ ทำนองเดียวกับเครื่องยนต์เจ็ทล่ะครับ แต่เปลี่ยนจากเชื้อเพลิงมาเป็นน้ำแทน พวกมันท่องเที่ยวหาอาหารไปเรื่อยๆ กินปลา, ปลาหมึกด้วยกัน, และร้ายที่สุดก็คือ กินปลาวาฬครับอาหารโปรดเค้าเลย

 

เปรียบเทียบขนาด กับสิ่งที่เราคุ้นเคยครับ "ยักษ์" สมชื่อดีไหม?

เรื่อง ราวของ Kraken อสูรร้ายอันโด่งดังจากทะเลเหนือ ที่จมเรือเดินสมุทรไปนักต่อนัก ก็คงมีพื้นฐานมาจากเจ้าปลาหมึกยักษ์นี่เองล่ะครับ จากสถิติที่เคยบันทึกกันไว้ ปลาหมึกยักษ์ที่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ค้นพบ ถูกชาวประมงสามคนพบเห็นใน Timble Tickle เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ปี ค.ศ. 1878 ขณะนั้นพวกเขาหาปลาอยู่ไม่ห่างจากชายฝั่งมากนัก หนึ่งในนั้นสังเกตว่ามีซากอะไรบางอย่างกระจุยกระจายอยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก เมื่อเข้าไปสำรวจใกล้ๆพวกเขาก็พบกับรูปร่างที่แท้จริงของเจ้าซากนั้น ปลาหมึกยักษ์นั่นเอง

พวกเขาใช้สมอเรือต่างเชือกมัด และพยายามสุดฤทธิ์ที่จะลากเจ้าสัตว์ยักษ์ตัวนั้นขึ้นบนฝั่ง น่าแปลกที่กล้ามเนื้อบางส่วนของปลาหมึกยักษ์นั้นยังคงมีชีวิตอยู่ ชาวประมงทั้งสามลากมันขึ้นไปบนบกและปล่อยให้ปลาหมึกแห้งตาย หลังจากเฝ้ารออยู่นานและแน่ใจว่าสัตว์ยักษ์ตัวนี้สิ้นฤทธิ์ไปแล้ว พวกเขาก็พากันมาวัดขนาดและตัดเอาบางส่วนของเนื้อมันไปเป็นอาหารหมา จากหัวจรดหางของเจ้าปลาหมึกยักษ์มีความยาว 20 ฟุต หนวดเส้นที่ยาวสุดยาวถึง 35 ฟุต ซึ่งยุ่บยั่บไปด้วยเขี้ยวแหลมคมที่มีขนาดถึง 4 นิ้ว

 

ดังที่ กล่าวไปแล้วว่า อาหารโปรดของปลาหมึกยักษ์นั้นคือปลาวาฬเสปิร์ม เคยมีพนักงานประภาคารในแอฟริกาใต้สองคน เห็นการล่าเหยื่ออันน่าสยดสยองนี้กับตา เมื่อเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1966 พวกเขากล่าวว่าเขาเห็นปลาหมึกยักษ์ตรงเข้าจู่โจมปลาวาฬเสปิร์มหนุ่ม การต่อสู้ตามธรรมชาติดำเนินไปถึงชั่วโมงครึ่ง และจบลงด้วยชัยชนะของนักล่า "เราคงไม่มีโอกาสเห็นปลาวาฬตัวนั้นอีกแล้วชั่วชีวิต" เจ้าหน้าที่หนึ่งในสองเอ่ยขณะให้สัมภาษณ์

อย่าว่าแต่ลูกปลาวาฬ แรกรุ่นเลยครับ ขนาดปลาวาฬเสปิร์มตัวที่โตเต็มที่หนักราว 40 ตัน ก็ยังเสร็จปลาหมึกยักษ์มาแล้ว เรื่องนี้ถูกรายงานโดยนักล่าปลาวาฬชาวรัสเซีย เมื่อปี 1965 พวกเขาพบปลาวาฬเสปิร์มตัวหนึ่งลอยเท้งเต้งแบบแปลกๆ จึงเข้าไปสำรวจดูในระยะใกล้ และพบว่ามันตายเสียแล้ว รอบตัวของมันถูกรัดด้วยหนวดของปลาหมึกยักษ์ ทว่าเจ้าปลาหมึกตัวดีก็ตายแล้วเช่นกันครับ มีคนพบหัวของมันอยู่ในกระเพาะปลาวาฬเสียด้วย นี่ล่ะมั้ง ที่เค้าเรียกว่าชีวิตแลกชีวิต

 

เป็นโชคร้ายของนักวิทยาศาสตร์ แต่ก็นับเป็นโชคดีสำหรับชีวิตมนุษย์มาก เพราะเราไม่ค่อยจะมีโอกาสได้เผชิญกับเจ้าปลาหมึกยักษ์เหล่านี้มากนัก เพราะตามธรรมชาติของปลาหมึกยักษ์ มันชอบที่จะอาศัยอยู่ตามน้ำลึกและบริเวณน้ำที่มีอุณหภูมิต่ำเอามากๆมากกว่า จากงานวิจัยของ Dr. Ole Brix แห่งมหาวิทยาลัย Bergen ได้รับผลจากการวัดเลือดของปลาหมึกยักษ์ว่า เลือดของมันฟอกออกซิเจนได้ไม่ดีในที่ๆอุณหภูมิสูงปลาหมึกยักษ์มักจะหายใจไม่ ออกและขาดอากาศหายใจเอาได้ง่ายๆ หากต้องอยู่ในบริเวณที่ความกดต่ำและอุณหภูมิสูงนานๆ อุณหภูมิยังมีผลกระทบเกี่ยวกับการลอยตัวของปลาหมึกยักษ์ในน้ำด้วยนะครับ น้ำอุ่นๆมักจะทำให้สัตว์มหึมาเหล่านี้ลอยตัวขึ้นมาสู่เบื้องบนและหมดปัญญา ที่จะดำกลับลงไปยังจุดปลอดภัยได้ตามเดิม ยิ่งร้อนเท่าไหร่ โอกาสที่ปลาหมึกยักษ์จะขาดออกซิเจนและตายก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น ส่วนใหญ่ ในบริเวณที่พยานได้พบเห็นปลาหมึกยักษ์กัน มักจะเป็นบริเวณที่กระแสน้ำอุ่นกับกระแสน้ำเย็นมาตัดกัน ซึ่งจุดนั้น จะเป็นจุดที่ปลาหมึกยักษ์ปรับตัวไม่ทัน และเผอิญโผล่ขึ้นมา ให้ประชาชียลโฉมกันด้วยความพรั่นพรึงเล่นบ่อยๆด้วย

 

แล้วขนาดโตเต็ม ที่ของปลาหมึกยักษ์เหล่านี้ จะเติบโตได้สูงสุดขนาดไหนกันนะ? บางท่านอาจถามในใจอยู่แบบนี้ นักชีววิทยาก็ยังให้คำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ เพราะปัจจุบัน เราก็ยังรู้เรื่องเกี่ยวกับมันน้อยมาก ไม่แน่ว่า ตัวเต็มที่ที่มีอายุเยอะๆของปลาหมึกยักษ์ อาจจะมีขนาดที่ใหญ่โตเกินกว่าจินตนาการของเราก็ได้ ลองมาฟังเรื่องของ A. G. Starkey หนึ่งในลูกเรือเดินสมุทรที่บังเอิญพบเห็นมัน ขณะโดยสารเรือข้ามมหาสมุทรอินเดียดูสิครับ

"มันลอยเทียบขนานมากับลำ เรือ" เขากล่าว "ผมไม่แน่ในทีแรกว่า สิ่งที่ผมเห็นนั้นมันคืออะไรกันแน่ มันเรืองแสงได้ครับ คล้ายๆกับสัตว์ประเภทปลาหมึก ตอนนั้นผมตกใจและนึกถึงคำเล่าขานของชาวเรือขึ้นมา ผมลองเดินจากอีกด้านของดาดฟ้าเรือ ไปจนกระทั่งถึงปลายสุดอีกข้างของร่างที่เรืองแสงได้นั้น มันแทบจะสุดลำเรือเลยทีเดียว ขอบคุณพระเจ้า ที่มันไม่นึกสนุกอยากจะปล้ำกับเรือโดยสารของเราขึ้นมา" A. G. Starkey กล่าวทิ้งท้ายไว้ในที่สุด

 

ครับ.. คงต้องขอบคุณพระเจ้าอย่างที่เขาว่า เพราะลงถ้าตัวของมันยาวแทบจะเท่าลำเรือขนาดนั้นแล้วล่ะก็ เกิดโดนโจมตีขึ้นมา ก็นึกภาพไม่ออกล่ะครับ ว่าบรรดาลูกเรือทั้งหลาย ใครจะมีโอกาสรอดได้บ้าง ก็เรือลำนั้นความยาวตลอดลำตั้งร้อยกว่าฟุตนี่ครับ บรื๋อ พูดแล้วสยอง !!!!

 

ที่มา: http://www.soccersuck.com/boards/topic/1308693

Credit: http://board.postjung.com/934176.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...