เรื่องที่ 1 : ทันทีที่เด็กรู้จัก การบวก ลบ เลขเป็น ผู้ปกครองต้องรีบสอนเรื่องการเงินแบบง่าย ๆ ให้เด็กได้ทันที ไม่ต้องรอให้โตเป็นผู้ใหญ่ สอนให้เค้ารู้จัก การออมเงิน คุณค่าของเงิน การประหยัดมัธยัสถ์ ตั้งแต่เด็ก ๆ ให้เป็นนิสัย อย่างรอให้โตเป็นวัยรุ่นก่อนแล้วค่อยสอน เพราะอาจจะไม่ทันกับพฤติกรรมการใช้เงินของเด็ก และการยากในการอบรมสอนเรื่องพวกนี้ในวันข้างหน้า
เรื่องที่ 2 คนโดยทั่วไปมักจะมีวิธีลดหย่อนภาษีอย่างชอบธรรม และวิธีการส่วนใหญ่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น การซื้อประกัน การซื้อกองทุนต่าง ๆ เพื่อไปลดหย่อนภาษี หรือแม้แต่บริษัทองค์กรใหญ่ ๆ ก็มักจะนำเงินบางส่วนออกมาช่วยบริจาคตามองค์กรการกุศลเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่ได้บอกว่าผิด แต่เป็นกระบวนการที่ถูกต้องในการลดการจ่ายภาษีเท่านั้นเอง คนไทยไม่รู้ มักจะไม่เข้าใจ และไม่เคยหาคำตอบว่าทำไม ต้องจ่ายภาษีแพง ๆ ทุกปี
เรื่องที่ 3 ระบบการสอนเรื่องการเงิน การออม ของการศึกษาไทย นั้น ไม่มีและยังไม่มีวี่แวว จะถูกบรรจุเข้าไว้ในระบบการศึกษาไทยเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นส่วนที่สำคัญสำหรับเด็กไทย และอนาคตของเยาวชนไทยด้วยซ้ำ !! น่าเศร้าตรงที่ เด็กไทยที่ผ่าน ๆ มาต้องโตขึ้นมา โดยเรียนรู้เรื่องการเงินเอาเองตอนเป็นผู้ใหญ่ และบางครั้งก็ไม่ทันกับสถานการณ์ เพราะบางคนเป็นหนี้หัวโต การเงินติดลบตัวแดง แทบล้มละลาย ไม่สามารถทำอะไรต่อไปได้ เพราะเพิ่งจะมาเข้าใจตอนเป็นผู้ใหญ่ และต้องใช้เวลาในการจัดการหนี้สินให้จบ ทำไมการศึกษาไทยบ้านเราไม่บรรจุสิ่งเหล่านี้ไปไว้ในบทเรียนเพื่อสอนให้เด็ก ๆ ของเรา เติบโตขึ้นมาพร้อมกับความรู้ทางการเงิน ไม่ใช่แค่เรียนเพียงบัญชี อย่างเดียว !!!
เรื่องที่ 4 เงินออม เป็น "ต้นน้ำ" ที่สำคัญที่จะขาดไม่ได้เลยสำหรับการมีความมั่งคั่งในด้านการเงินต่อไปในอนาคต เงินออมเกิดขึ้นได้โดย การมี "วินัย " อย่าง " สม่ำเสมอ " .... กับพฤติกรรมการใช้เงิน กล่าวคือ ใช้จ่ายเงินเฉพาะเรื่องที่จำเป็น รู้จักประหยัด ไม่สุรุ่ยสุร่ายจ่ายเงินอย่างโงเขลาในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องทำเป็นนิสัย เมื่อมีเงินออมแล้ว นำไปลงทุนต่อ ทำให้เกิดการ ออกลูกออกหลาน ของเงินออม และนำเงินที่ได้ ไปลงทุนต่อให้ให้เกิดการพอกพูนของความมั่งคั่งต่อไปเรื่อย ๆ
เรื่องที่ 5 ความมั่งคั่ง ควรมีก่อน ความมั่นคง ... โดยพฤติกรรมส่วนใหญ่ของคนไทย ชอบที่จะมีความมั่นคงก่อน ความมั่งคั่ง นิสัยคนไทยเราชอบอะไรที่สะดวก สบาย จ่ายเงินซื้อความมั่นคงให้ตัวเองก่อนเพราะคิดว่านี้คือรางวัลของการทำงานหนัก เช่น ซื้อบ้าน มือถือใหม่ ๆ รถหรู ๆ ซื้อสิ่งของแพง ๆ หรือแม้แต่เลือกที่จะผ่อนจ่ายสบายๆ ไม่มีดอกเบี้ย เพื่อให้ตัวเองครอบครอง สมบัติ สิ่งของ ที่บางครั้งไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวเอง ... ไม่ได้บอกว่าผิดถ้ารู้จักการบริหารเงินเป็น แต่บางคนเลือกที่จะไม่ ออมเงินไว้ก่อน เพื่อความสร้างมั่งคั่ง แล้วควรจะมีอิสระในการซื้อ ความมั่นคงทีหลัง ....
เรื่องที่ 6 บัตรเครดิต เป็นเครื่องมือทางการเงินของคนที่รู้จักใช้มัน ให้กลายเป็น ทาสที่ดีของการบริหารเงิน แต่สำหรับคนที่ไม่รู้จักการรใช้บัตรเครดิต มันจะกลายเป็นปีศาจที่ทำให้คนใช้กลายเป็น " ทาสดอกเบี้ย" มันทันที เพราะดอกเบี้ยจะเป็นตราบาปที่เกาะติดผู้นั้นไปยาวนาน กว่าจะใช้หนี้ได้หมด อาจจะทำให้ผู้ใช้บัตรเครดิตบางคน กลัว และขยะแขยง " บัตรเครดิต " ไปอีกนาน แสนนาน บางคนถึงกับหักหรือตัดบัตรเครดิตให้เสียไปเลย เพื่อไม่ต้องมีโอกาสได้ใช้มันอีก นั้นอาจจะไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีนัก เพราะอย่างที่บอกว่า ถ้าใช้บัตรเครดิตให้ถูกวิธี มันจะกลายเป็น " เครื่องมือ " ทางการเงินที่ดีอันหนึ่ง
เรื่องที่ 7 เราต้องการเงิน เพื่อสำหรับการใช้จ่ายสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต และเราก็ควรหาหนทางเพื่อให้ได้มันมาอย่างถูกต้อง ไม่ทำร้ายหรือรบกวนคนอื่น แต่เงินโดยตัวมันเอง " ไร้คุณค่า" มันคือสิ่งสมมติให้มีมูลค่าในการแลกเปลี่ยนกับสิ่งอื่น ๆ คุณค่าของเงินเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราได้ใช้เงินในการแลกเปลี่ยนกับสื่งอื่น ๆ เรื่องนี้สำคัญมาก ก็เพราะว่าคนมากมายไม่เข้าใจ ว่าจริง ๆ แล้วพวกเขาต้องการมันมากแค่ไหน ดังนั้นควรมองว่า เงินเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้สิ่งที่คุณต้องการ ( ในสิ่งที่ดี ) แต่ไม่ใช่เป้าหมายโดยตัวมันเอง ... เพราะหากมองเงินเป็นเป้าหมายใหญ่ในชีวิต คุณจะทำทุกอย่างให้ได้มันมามากที่สุด แล้วก็ไม่เคยพอ ซะที
เรื่องที่ 8 สถาบันการเงินทั้งหลายของไทยเรา มักจะมีเงื่อนไขที่เอาเปรียบเสมอกับลูกค้า โดยกำหนดสัญญาค่อนข้างเอาแต่ได้ไปหน่อยทำให้ ลูกค้าที่ใช้บริการซึ่งไม่เข้าใจ " ภาษาการเงิน" ที่ระบุไว้ในสัญญาค่อนข้างเสียเปรียบ... ทำให้เวลามีปัญหา มักจะตกเป็นรองเสมอกับ ดังนั้น ก่อนทำสัญญาซื้อขาย ขอสินเชื่อ ซื้อประกัน หรือทำสัญญาจำนอง แม้แต่ทำบัตรเครดิตกับสถาบันการเงินทุกที่ ต้องอ่านและเข้าใจในเงื่อนไขให้ดีเสมอ อย่าประมาท เพราะท่านจะโดนเงื่อนไขที่บอกว่า " ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า" หรือ เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด หรือแม้แต่ข้อความที่ระบุให้ผู้ลงนาม ยินยอมรับรู้ และให้ไปเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญานั้นทุกประการ จงระวังให้ดี !!!!!
เรื่องที่ 9 ค่าของเงินลดลงเรื่อย ๆ เงินเฟ้อมีอยู่จริง แม้มองไม่เห็นด้วยสายตา แต่สัมผัสได้เสมอ มาทุกยุค ทุกสมัย ไม่ต้องค้นหาคำตอบว่าทำไม หรือจะป้องกันยังไง ทางเดียวเท่านั้นคือ เอาชนะเงินเฟ้อด้วยการลงทุน และออมเงินเก็บสำรองไว้สำหรับเรื่อง "ฉุกเฉิน" ให้เพียงพอ ... ค่าครองชีพในอนาคตสูงกว่านี้แน่นอน สังเกตจาก ราคาข้าวแกงทุกวันนี้ ราคา 20-30 บาท หาแทบไม่ได้แล้ว หรือแม้แต่ทุกอย่างเวลามันขึ้น มันขึ้นยกแผง อาหาร ค่าพลังงาน ค่าเดินทาง ค่าทางด่วน ค่ายารักษาโรค ราคากระดาษ ราคาวัตถุดิบ
เรื่องที่ 10 สถาบันการเงินในปัจจุบันทั้งในระบบและนอกระบบ ส่งเสริมให้คนไทยสร้างหนี้เพิ่มขึ้นในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะหนี้สินสำหรับการบริโภคผ่านบัตรเครดิตและสินค้าเงินผ่อนทั้งหลาย โดยเฉพาะ 0% ( ไม่ได้บอกว่าไม่ดี มันขึ้นอยู่กับคนใช้สินเชื่อมากกว่า ว่ามีวินัยแค่ไหน ) ซึ่งต้องเข้าใจว่าหนี้สินเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้คนมีรายได้เพิ่มหรือมีความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มขึ้นในอนาคต บัตรเครดิตสามารถผ่อนมือถือ ค่าสมาชิกฟิตเนส ค่าเทอมการศึกษา ผ่อนทองคำ ผ่อนอะไรก็ได้ที่ เป็นการใช้จ่ายได้แทบทุกอย่าง !!! ปัญหาหนี้สินของภาคประชาชนส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจเรื่องเงินของคนไทยและปัญหาเหล่านี้เป็นต้นตอที่สำคัญของปัญหาความเลื่อมล้ำ และบั่นทอนให้สังคมไทยอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ....
เรื่องที่ 11 ก่อนที่จะลงทุนอะไรก็ตาม โดยเฉพาะเรื่องการเงิน สำคัญที่สุดคือ ลงทุนกับตัวเอง ในการหาความรู้ เรื่องการเงินให้เพียงพอ และรอบด้าน ก่อนที่จะลงมือทำอะไรลงไปกับ "เงินออม" ของเรา อย่าไปตามกระแส อย่าให้ความโลภ เข้าครอบงำสติ ทำให้ขาดการพิจารณาเรื่องการลงทุน และการเดิมพันกับเงินออมของตัวเอง ฉะนั้น เรื่องการเงิน หากไม่รู้ ก็ให้หาหนังสือมาอ่าน เข้าอบรม สอบถามผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ค้นหาเอาจาก อินเตอเนท ทำทุกอย่างให้ตัวเองมีความรู้ในระดับที่ จะมองภาพกว้าง ๆให้เห็นว่า ตัวเองควรลงทุนอย่างไร ให้เข้ากับ ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ให้มากที่สุด แล้วชีวิตการเงินของคุณจะมีความสุข ......
เรื่องที่ 12 การยืมเงิน เป็นสาเหตุหลักของการ ผิดใจกัน ระหว่างเพื่อนฝูง คนรัก ครอบครัว พี่น้อง การยืมเงินควรเป็นทางเลือกสุดท้ายจริง ๆ เมื่อถึงทางตัน โดยต้องรับผิดชอบต่อ หนี้สินที่ตัวเองก่อขึ้นกับคนรู้จัก การยืมเงินกับคนใกล้ชิด บ่อยครั้ง เป็นการพิสูจน์ใจของกันและกัน ระหว่างผู้ให้ยืม กับผู้ขอยืมเงิน ซึ่งส่วนใหญ่คนมักจะไม่อยากคุยเรื่องนี้ ไม่อยากให้ใครมายืม แต่บางครั้งด้วย บทบาทหน้าที่ในสังคม ทำให้จำเป็นต้องให้ยืม ฉะนั้น ผู้ยืม ทุกท่าน โปรดอย่าทำร้ายความน่าเชื่อถือของคุณเอง ด้วยการจ่ายล่าช้า หรือ เบี้ยวชำระหนี้ หากไม่มีจะจ่าย หรือจะขอเลื่อนการจ่าย กรุณาแจ้ง เจ้าของเงินให้ทราบด้วยถึงสาเหตุ เพื่อให้ตัวเองมีเครดิต สำหรับเรื่องนี้ ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อมิตรภาพที่มีต่อกัน เรื่องนี้สำคัญมาก ๆ ..........
เรื่องที่ 13 สำหรับการเงินของคนวัยทำงาน ซึ่งยังมีงานทำ และสามารถหารายได้อยู่ จงอย่าประมาท ในเก็บเงินออมไว้ยามฉุกเฉิกของชีวิต ซึ่งไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น โดยทั่วไป คือ ควรจะมีเงินออมสำรองสำหรับ ค่าใช้จ่ายรายเดือน 6 - 10 เดือนล่วงหน้า เก็บไว้ก่อนเลย และมีเงินสดสำรอง Cash flow ไว้หมุนเวียนพร้อมใช้สำหรับตัวเองในแต่ละเดือน แต่ละเดือนที่หามาได้ เก็บออมไว้ 10 % ก่อน จากนั้น เหลือเท่าไหร่ ก็ค่อยใช้จ่ายตามกำลังที่มี ทำแบบนี้ได้ทุกเดือน ชีวิตจะมีความสุข หากมีเงินเดือนมากขึ้น สามารถเก็บออมไว้เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ยิ่งดี อย่าไปคาดหวังว่า รัฐบาลจะมาอุดหนุนช่วยเหลือยามแก่ชรา เลิกฝันหวานไปได้เลย เพราะกองทุนประกันสังคม ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของคนทำงานแน่ ๆ และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ แต่โดน ละเลยมากที่สุดก็คือ การทำประกันชีวิต หรือประกันสุขภาพไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต หลายคนมัวแต่ทำงานหนัก มุ่งเน้นลงทุน ลืมใส่ใจสุขภาพ และอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ ปลายทางเอาเงินที่หามา จ่ายให้หมอซะงั้น !! ฉะนั้น เรื่องประกันชีวิตสำคัญอย่าลืม !!
เรื่องที่ 14 สำหรับหนี้ก้อนโต ที่หลายคนมีอยู่ และอยากจะปลดหนี้ แต่ไม่กล้าเผชิญหน้าความจริงของชีวิต ขั้นตอนแรกหากอยาก ปลดหนี้ จริง ๆ จงกล้ายอมรับความจริง และทำรายการหนี้สินทั้งหมด ( ขอย้ำ ว่าทั้งหมด และแจกแจงรายละเอียดให้มากที่สุด เพื่อให้เห็นภาพรวมของหนี้สินที่มี ) แล้วจัดอันดับว่าควรจ่ายก้อนไหน ก่อนหลัง ตามลำดับความสำคัญ.. เจรจาต่อรองเจ้าหนี้ ขอ Refinance หรือจะ ขายของที่มีอยู่ เช่น รถยนต์ ทอง ของสะสม อะไรที่ตัวเองมี แล้วตัดใจขายได้ เพื่อเอาเงินมาชำระหนี้ได้ ต้องตัดใจทำ เพื่อลดภาระดอกเบี้ย ... จากนั้น พยายามหาช่องทางรายได้เพิ่ม และอย่าก่อหนี้เพิ่ม จากที่มีอยู่ ที่สำคัญ ห้ามเอากดเงินสดจากบัตรเครดิตมาโป๊ะหนี้สินเดิมเด็ดขาด เพราะจะทำให้วรจรหนี้ เพิ่มขึ้น และยุ่งยากในการจัดการ ต้องมีวินัยอย่างเด็ดขาดกับตัวเอง ..........
เรื่องที่ 15 " เงินทองเป็นของนอกภาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ " เป็นเรื่องที่ถูกต้องครึ่งหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้ เงิน ในการขับเคลื่อนทุกกิจกรรมของชีวิต เงินมีความสำคัญและทวีความจำเป็นตามกลไกลของโลกทุนนิยมที่เข้มข้นเรื่อย ๆ หากแต่ ต้องเข้าใจ รู้จักใช้ และรู้จักออมเงิน ให้เหมาะสมกับช่วงวัยชีวิต และรู้เท่าทันตัวเองให้ดี อย่าให้เงินมาใช้งานเราแทน ...!! และกลายเป็นทาสของเงินอย่างไม่ลืมหู ลืมตา ขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักใช้เงินให้ทำงานแทนเราด้วย เพื่อให้สามารถต่อกรกับ เงินเฟ้อ หรือ รองรับ "เหตุฉุกเฉิน" ของชีวิต ที่ไม่รู้จะเข้ามาวันใดของชีวิต เรื่องการเงินเป็นเรื่องที่เรียนรู้ได้ตลอดเวลาอย่าเบื่อหน่าย หรือ หันหนีปัญหาการเงิน เพียงเพราะข้ออ้างว่า คุณไม่เคยเรียนรู้มาก่อน ปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา หรือกรรมเวรที่เคยก่อขึ้นมา อย่าลืมว่า หนี้สิน ก็ต้องตามใช้ หากคุณไม่ใช้ คนข้างหลังคุณก็ต้องชดใช้แทน ....
หวังว่าทั้ง 15 ข้อที่กล่าวมาแล้วนั้น น่าจะสร้างข้อคิดและให้มุมมองบางประการที่ช่วยให้คนไทยอีกหลายคน ได้เริ่มตระหนักและมองเห็นแนวทางในการเริ่มต้น ปรับตัวเองในการใช้เงิน การรู้จักบริหารการเงินอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ....
ขอบคุณบทความสาระดีดีจาก คุณ Panda Smile สมาชิก pantip.com
ที่มา: http://variety.teenee.com/foodforbrain/73625.html