เรื่องจริงของอาถรรพ์และตำนานดาบซามูไร

http://teen.mthai.com/variety/75894.html

เรื่องจริงของอาถรรพ์และตำนานดาบซามูไร

เรื่องจริงของอาถรรพ์และตำนานดาบซามูไร ของประเทศญี่ปุ่นมาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ เข้ากับละครที่กำลังออนแอร์อยู่ในตอนนี้ อย่าง The rising sun รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน และ รอยฝันตะวันเดือด เลย ซึ่งเรื่องราวดาบอาถรรพ์ของ 3 ตระกูลในญี่ปุ่นที่เราจะทราบนี้ไม่ใช่ตามในละครที่สองหนุ่ม มาริโอ้ กับ ณเดชน์ เล่นนะคะ เพราะเรื่องนี้มันมีอยู่จริง และจะน่าสนใจขนาดไหน ไปติดตามพร้อมๆ กันเลยค่ะ…

อาถรรพ์ของดาบซามูไรชั้นยอดที่มีอยู่จริงและสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันอย่างดาบอาถรรพ์ของทั้ง 3 ตระกูลในญี่ปุ่นคือ

ตระกูลมาซามุเนะ

ตระกูลมุรามาสะ

และตระกูลโยชิมัทสึ

ซึ่งดาบของทั้งสามตระกูลนี้ก็ยังคงมีหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันอีกด้วย ว่ากันว่าเรื่องอาถรรพ์ของดาบพวกนี้นั้นคือมนตราหรือพลังอำนาจลึกลับที่มีทั้งดีและไม่ดีปนกันไป ที่ผู้สร้างนั้นใช้ทั้งแรงกายและแรงใจใส่ลงไปเมื่อครั้งตีดาบ จึงมีความแกร่ง ทน และคม ยากที่จะหาดาบใดมาเทียบได้…..

ดาบของตระกูลมาซามุเนอะ อยู่ที่ Mitsui Memorial Museum

ตระกูลมาซามุเนะนั้นเป็นช่างตีดาบมาตั้งแต่สมัยคามาคุระ ที่ปกครองโดยรัฐบาลทหารของตระกูลโฮโจ ต่อมาคนในตระกูลมาซามุเนะที่เป็นลูกศิษย์ของเจ้าสำนักก็แยกตัวออกไปเปิดสำนักตีดาบอีกสำนักหนึ่งชื่อว่ามุรามาสะ เจ้าสำนักมุรามาสะ (ลูกศิษย์ของเจ้าสำนักมาซามุเนะ) อยากให้อาจารย์ของตนเองได้ประจักษ์ในฝีมือการตีดาบของตน จึงได้เกิดการท้าประลองตีดาบที่ดีที่สุดระหว่างสองสำนักขึ้น

มาซามุเนะได้ตีดาบที่มีชื่อว่า tender hands ใช้เหล็กผสมคาร์บอน 3 ชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นนั้นมีปริมาณคาร์บอนต่างกัน ทำให้ได้ดาบที่คมแข็งมาก ตัดไม้แม้กระทั่งเหล็ก

ดาบของตระกูลมุรามาสะ อยู่ที่ Tokyo National Museum

มุรามาสะตีดาบที่มีชื่อว่า 10,000 Cold Nights ซึ่งตีด้วยความเคียดแค้นและความริษยา ทำให้ดาบเกิดความคมแบบเหนือธรรมชาติ

เมื่อตีดาบกันเสร็จแล้วทั้งคู่จึงมาเจอกันที่ลำธารและปักดาบลงไปในน้ำโดยหันด้านคมสวนกระแสน้ำ เมื่อมีใบไม้ถูกน้ำพัดผ่านมาและได้สัมผัสผ่านดาบมุรามาสะก็จะขาดเป็นสองท่อนเสมอ ทำให้มุรามาสะภูมิใจในดาบของเขามาก ซึ่งต่างจากดาบมาซามุเนะที่เมื่อใบไม้ลอยผ่านคมดาบก็จะไม่เกิดอันตรายใดๆเลย เนื่องมาจากดาบของมุรามาสะนั้นมีไอสังหารออกมาและคร่าทุกสิ่งที่ขวางหน้าแม้แต่สิ่งที่ไม่มีชีวิต แบบระรานไปเรื่อย

ว่ากันว่าดาบมาซามุเนะนั้นจะทำให้ผู้ที่ถือรู้สึกสงบและมีสมาธิ แต่ดาบมุรามาสะจะทำให้ผู้ถือเกิดความคึกคะนองและบ้าคลั่ง ผู้ครอบครองจะถูกกินวิญญาณทีละนิดๆเพื่อนำมาเป็นพลังของดาบ บ้างก็ประสบภัยพิบัติเช่นชินเก็น ทาเคดะ เจ้าของกระบวนรบลมป่าไฟภูเขาแม้ว่าจะชนะในการรบอยู่เรื่อยมาก็เกิดการเจ็บป่วยจนตาย และตระกูลก็พังพินาศในสมัยของลูกชายตนเอง

นับจากนั้นเป็นต้นมาดาบของตระกูลมุรามาสะและตระกูลมาซามุเนะก็เป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วทั้งแผ่นดิน โดยผู้ที่จะได้ครอบครองดาบจากสองตระกูลนี้จะต้องเป็นถึงชนชั้นสูงอย่างจักรพรรดิ เชื้อพระวงศ์ และโชกุน หรือต่ำสุดก็ต้องเป็นไดเมียวตระกูลใหญ่ๆ เท่านั้น ส่วนพวกผู้ครองเมืองหรือซามูไรธรรมดาจะไม่มีสิทธิ์ได้ถือครองเลย แต่ว่า…ดาบของสองตระกูลนี้กลับมีพลังอาถรรพ์ที่น่ากลัวมากมาย ซึ่งเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าผู้ใดที่ได้จับหรือครอบครองดาบของตระกูลมาซามุเนะและมุรามาสะนั้น จะรู้สึกถึงใบดาบในฝักที่มีอาการสั่นเร่าๆ พร้อมกับเสียงร้องหวีดแหลมเล็กเบาๆ ในหูราวกับว่ามันมีชีวิตจริง อาจจะเป็นไปได้ว่าเจ้าดาบอาถรรพ์นี้กำลังร้องเรียกให้ผู้เป็นนายดึงมันออกมาจากฝักดาบที่เป็นพันธนาการ ให้พุ่งออกมาวาดลวดลายล้างผลาญชีวิตศัตรูหรือแม้กระทั่งเจ้านายของมันเอง เพราะใครก็ตามที่ได้ครอบครองมันก็จะต้องมีเหตุให้หลั่งเลือดหมู่ศัตรูหรือแม้แต่เลือดของตนเองแทบทุกคน

ส่วนคนดังในประวัติศาสตร์ที่ว่ากันว่าถือดาบอาถรรพ์ก็คือ อิเอยาสุ โทกุกาวะ อาวุธคู่กายของอิเอยาสุก็คือ หอกยาริ ซึ่งเป็นผลงานของตระกูลมุรามาสะ (ตระกูลมุรามาสะนั้นเป็นช่างตีดาบประจำตระกูลโทกุกาวะ) เมื่อใดที่อิเอยาสุนำหอกนี้ออกมาฝึกวิชาการต่อสู้ ถ้าคนรอบข้างไม่ได้รับบาดเจ็บเสียเลือด ก็จะถูกหอกตัวเองทิ่มแทงให้เกิดแผลอยู่เสมอๆ นอกจากนี้แล้วอิเอยาสุได้สูญเสียสหายร่วมรบไปมากเนื่องจากดาบมุรามาสะนั่นเอง ลูกหลานของตระกูลโทกุกาวะจึงจำขึ้นใจว่าถ้าไม่จำเป็นจะไม่พกดาบของตระกูลมุรามาสะเด็ดขาด และอิเอยาสุผู้เป็นโชกุนคนแรกของสมัยเอโดะจึงได้ออกคำสั่งห้ามซามูไรทุกคนพกดาบของตระกูลมุรามาสะที่มีชื่อเสียงในฐานะของอาวุธปีศาจ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบ้าคลั่งและกระหายเลือด จนมีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า ถ้าดาบของมุรามาสะไม่ได้ดื่มเลือดจะไม่ยอมคืนฝักเด็ดขาด

อีกหนึ่งดาบที่เรายังไม่ได้พูดถึงเลยก็คือ ดาบของตระกูลโยชิมัทสึ ว่ากันว่าดาบของตระกูลโยชิมัทสึนั้นเป็นดาบผู้พิทักษ์ ซึ่งมีเรื่อเล่าว่าหลังจากที่อิเอยาสุพ่ายแพ้ต่อคัทสุโยริ ทาเคดะ ในศึกที่ริมแม่น้ำเทนริน ก็ได้หลบหนีไปยังหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ด้วยความอับอายอิเอยาสุ จึงเตรียมพร้อมที่จะฮาราคีรีตัวเองด้วยดาบวากิซาชิและดาบทาชิของตนเองที่ถูกตีขึ้นโดยตระกูลโยชิมัทสึ

เรื่องจริงของอาถรรพ์และตำนานดาบซามูไร

ในขณะที่กำลังจ้วงดาบเข้าไปที่ท้องของตนเองนั้นใบดาบกลับพลิกหลบ อิเอยาสุคิดว่า แกนดาบเล่มนี้คงจะหลวมแน่ๆ จึงบิดใบดาบเข้าที่แล้วนำครกเหล็กบดยามาลองดาบ ปรากฎว่าดาบกลับแทงทะลุครกได้โดยง่าย อิเอยาสุจึงคิดว่า ดาบมันก็ปกตินี่นาแล้วก็จะดึงออกมาจากครกแต่ไม่ว่าจะดึงอย่างไรดาบก็ยังติดแน่นฝังอยู่ในครกนั้น หลังจากนั้นไม่นานก็มีกลุ่มของลูกน้องเข้ามาพบอิเอยาสุกำลังปล้ำอยู่กับดาบที่ติดครกเหล็ก จึงรีบเข้าไปห้ามทันทีเพราะคิดว่าอิเอยาสุกำลังจะฆ่าตัวตาย แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อลูกน้องที่สนิทคนหนึ่งกลับดึงดาบออกมาได้โดยง่าย เมื่อดาบถูกดึงออกมาแล้วอิเอยาสุจึงถูกกลุ่มลูกน้องตนเองส่งขึ้นม้ากลับไปยังดินแดนของตนเองทันที เนื่องจากว่าข้าศึกกำลังตามมาทันแล้ว ระหว่างควบม้าไปในใจก็คิดถึงเรื่องดาบว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้

หลังจากศึกที่แม่น้ำเทนริน อิเอยาสุก็พกดาบคู่ของตระกูลโยชิมัทสึไว้ตลอด ไม่ว่าจะออกศึกครั้งใดก็สามารถปราบศัตรูได้หมด จนสามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นโชกุนของประเทศญี่ปุ่นได้ในที่สุด นับแต่นั้นเป็นต้นมาเหล่าทหารและสมาชิกของตระกูลโทกุกาวะทุกคนล้วนแต่พกดาบของตระกูลโยชิมัทสึด้วยกันทั้งนั้น

อาจเพราะความดีที่อิเอยาสุได้เคยทำไว้ หรือเพราะแรงอาถรรพ์แห่งการพิทักษ์รักษาของดาบตระกูลโยชิมัทสึก็ไม่อาจทราบได้ แต่มันสามารถทำให้ตระกูลโทกุกาวะปกครองแผ่นดินญี่ปุ่นได้อย่างยาวนานถึง 250 ปีเลยทีเดียว

ข้อมูล anngle.org

yuwadee

 

Credit: http://teen.mthai.com/variety/75894.html
6 ธ.ค. 58 เวลา 06:24 7,925 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...