จุด เริ่มต้นที่แท้จริงของการกำเนิดหุ่นยนต์นั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่เราคงระบุแน่ นอนไม่ได้ แต่ที่พอจะเข้าเค้าที่สุดเห็นจะเป็นจากจินตนาการของนักเขียนนิยายวิทยา ศาสตร์อันโด่งดัง ไอแซค อาซิมอฟ ที่ฝันถึงโลกยุคใหม่ที่มีสิ่งประดิษฐ์ที่เหมือนมนุษย์ ทำงานแทนมนุษย์ได้ โดยอสซิมอฟตั้งกฎเหล็กเอาไว้ ๓ ข้อ (เหมือนในภาพยนตร์เรื่อง i-Robot) คือ หุ่นยนต์ห้ามทำร้ายมนุษย์, หุ่นยนต์ต้องฟังคำสั่งของมนุษย์ และหุ่นยนต์สามารถป้องกันตนเองได้แต่ต้องไม่ละเมิดกฎสองข้อแรก แต่นั่นก็เป็นเพียงจินตนาการของอาซิมอฟเท่านั้น
ช่วงทศวรรษที่ ๕๐ ที่ญี่ปุ่นได้ถือกำเนิดการ์ตูนพลิกโฉมวงการการ์ตูนของประเทศ นั่นคือ เจ้า หนูอะตอม : The Astro Boy ผลงานของ โอซามุ เทสึกะ ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยจินตนาการที่ไปไกลเกินกว่าใครจะคิด เล่าถึงนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่สร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาเพื่อปกป้องโลกจาก เหล่าร้าย หุ่นยนต์ที่ว่านี้เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารัก มีพลังมหาศาล สามารถบินได้
เจ้า หนูอะตอมกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คนในความพยายามที่จะสร้างหุ่นยนต์ให้เกิดขึ้นจริงๆ ต่อมาไม่นานหุ่นยนต์ก็ถือกำเนิดขึ้นมาจริงๆ แต่ไม่ได้มีลักษณะเหมือนมนุษย์อย่างที่เราจินตนาการ เป็นเพียงโครงสร้างง่ายๆ ที่ทีกระบวนการทำงานไม่ซับซ้อนนัก เช่น เป็นแขนกล หรือสามารถเคลื่อนไหวได้โดยใช้รีโมทคอนโทรล แต่นั่นก็คือจุดเริ่มต้นในการพัฒนาหุ่นยนต์มาจนถึงปัจจุบัน
มี หลายประเทศที่ทุ่มเทเพื่อพัฒนาและสร้างสรรค์หุ่นยนต์ขึ้น (ไม่เว้นแต่ประเทศไทยเรา) ซึ่งต้องยอมรับกันว่า “ญี่ปุ่น” คือผู้นำอย่างแท้จริงในการประดิษฐ์หุ่นยนต์ พวกเขาทุ่มเทเพื่อการสร้างหุ่นนต์ให้มีลักษณะเหมือนมนุษย์มากที่สุด หรือไม่ก็มีการเคลื่อนไหวที่ใกล้เคียงมนุษย์มากที่สุด แน่นอนว่าจินตนาการของอาซิมอฟเมื่อเกือบร้อยปีก่อนอาจจะเป็นจริงในอนาคตอัน ใกล้นี้ก็ได้
ASIMO
คงไม่มีใครไม่รู้จักเจ้า ASIMO หุ่นยนต์ชื่อดังผลงานการผลิตของ บริษัท HONDA ประเทศญี่ปุ่น เจ้า ASIMO เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ๒๐๐๐ ด้วยรูปร่างท่าทางที่ดูเหมือนมนุษย์มากที่สุด (ในตอนนั้น)
บริษัท HONDA เป็นเอกชนรายแรกที่พยายามสร้างหุ่นยนต์เลียนแบบมนุษย์ขึ้นมา จากที่หุ่นยนต์ในยุคแรกๆ เป็นเพียงแขนกลหรือตัวถังที่เคลื่อนที่ด้วยล้อ แต่ HONDA พยายามที่จะประดิษฐ์หุ่นยนต์ที่สามารถเดินด้วยขาสองข้างเหมือนมนุษย์ให้ได้ โครงการนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๑๙๘๖ จนกระทั่งสำเร็จเป็นเจ้า ASIMO อย่างที่เห็น สิ่งที่โดดเด่นที่สุดเหนือหุ่นยนต์ตัวอื่นๆ ก็คือการเคลื่อนไหวที่ใกล้เคียงมนุษย์ เจ้า ASIMO สามารถเดินได้ด้วยขาทั้งสองอย่างนุ่มนวล ไม่มีจังหวะติดขัด อีกทั้งยังเดิน (หมุน) ได้ ๓๖๐ องศา ย่อตัว ขยับแขนขาได้เหมือนมนุษย์ วิ่งได้ เต้นรำได้ และยังเดินขึ้น-ลง บนทางลาดหรือบันไดได้อีกด้วย ระบบการเดินนี้ HONDA ตั้งชื่อว่า i-WALK ปัจจุบัน HONDA ไม่ได้หยุดแค่เพียงเท่านี้ พวกเขายังคงพัฒนา ASIMO อยู่อย่างต่อเนื่อง
QRIO
ตัวนี้สร้างขึ้นโดย บริษัท SONY มีระบบการเคลื่อนไหวเหมือนมนุษย์ไม่แพ้ ASIMO ของค่าย HONDA คือสามารถเดินได้ด้วยสองขา วิ่งได้ เต้นรำได้ ยืนขาเดียวได้ ทรงตัวบนทางลาดได้ ขึ้นบันได้ได้ และยังมีระบบจดจำใบหน้าของมนุษย์ได้อีกด้วย โดยเจ้า QRIO จะจดจำใบหน้าและเสียงของเจ้าของได้ เมื่อเรียกชื่อมัน มันก็จะขานรับพร้อมทั้งหันหน้ามายังเจ้าของเสียงเรียกได้ด้วย (ยังกะสุนัข) ส่วนระบบกลไกอื่นๆ ก็คล้ายๆ กับ ASIMO และก็ยังคงได้รับการพัฒนาจาก SONY อย่างต่อเนื่อง
CHROINO
เจ้าตัวนี้เดินได้เรียบเนียนกว่าต้นแบบอย่าง ASIMO หลายเท่านัก แม้จะมีขนาดเล็กกว่ามากคือสูงเพียง ๓๕ เซนติเมตร เท่านั้น ลีลาท่าทางๆ ต่างๆ ก็พัฒนาขึ้นกว่าสองตัวแรกมาก สามารถเอี้ยวตัว (เหมือนการโพสต์ท่าของนางแบบ) ได้ และที่น่าทึ่งคือเมื่อมันนั่งลง มันสามารถลุกขึ้นยืนเองได้ (ลองดูได้จากคลิป) เจ้า CHROINO สรางสรรค์และพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยเกียวโต
การ เคลื่อนไหวของ CHROINO อาจเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบที่สุด จนนิตยสาร TIME ยกให้มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เจ๋งที่สุดในปี ๒๐๐๔
WAKAMURA
ตัวนี้ผลิตโดย บริษัท MITSUBISHI แตกต่างจากสามตัวแรกอย่างสิ้นเชิง คือไม่เน้นการโชว์การเคลื่อนไหวหรือเพื่อเอนเตอร์เทนเท่านั้น แต่เน้นที่การใช้งานมากกว่า และที่สำคัญสร้างขึ้นมาเพื่อขายเป็นสินค้าอย่างจริงจังเป็นรายแรก
Wakamura เคลื่อนไหวด้วยระบบล้อ ขยับร่างกายได้จำกัดแต่จะเน้นที่การใช้งาน โดย Mitsubishi เน้นจุดขายที่ว่า Wakamura สามารถอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ (ดูได้ที่ www.mhi.co.jp/kobe/wakamaru/english/top.html) เจ้าตัวนี้มีระบบจดจำใบหน้าและเสียงของสมาชิกในครอบครัว เมื่อส่งเสียงเรียกมันก็จะขยับหัวมองหาเจ้าของเสียง
มันจะ ปลุกคุณในตอนเช้า ช่วยเตือนความจำคุณเหมือนเป็นเลขาส่วนตัว ต่ออินเทอร์เน็ตได้ และเมื่อคุณกลับมาถึงบ้านตอนเย็น มันก็จะนั่งรอคุณอยู่ที่ประตู และตอนที่คุณหลับ มันก็จะเป็น รปภ. ชั้นดีประจำบ้าน สนนราคาอยู่ที่ราวตัวละ ๑ ล้าน ๕ แสนเยน
MURATA BOY
ตัวนี้ เก๋ไก๋ไฉไลที่สุด ผลิตโดย บริษัท MURATA MENUFACTURING หุ่นยนต์ประเภทที่เดินได้ วิ่งได้ เต้นรำได้ มันธรรมดาไปเสียแล้ว บริษัท MURATA เลยจัดการประดิษฐ์หุ่นยนต์ขี่จักรยานออกมาเผยโฉมครั้งแรกในงาน CEATEC JAPAN ปี ๒๐๐๖ (www.ceatec.com) เป็นนิทรรศการแสดงผลงานและนวัตกรรมใหม่ๆ ทางด้านไอทีของญี่ปุ่น แต่ละบริษัทก็จะงัดเทคโนโลยีสุดเด็ดของตนออกมาโชว์กัน และในปีนั้น MURATA BOY ก็กลายเป็นพระเอกของงาน เพราะมันสามารถปั่นจักรยานสองล้อได้เองอย่างน่าทึ่ง
เจ้า MURATA BOY ไม่ได้สักแต่ปั่นจักรยานไปมาเท่านั้น หากเจอสิ่งกีดขวางก็สามารถหลบหลีกได้เอง หากไม่ได้ขี่จักรยานมันก็สามารถเคลื่อนไหวหรือเดินได้อย่างคล่องแคล่ว มีระบบตรวจสอบสิ่งกีดขวาง และมีระบบทรงตัวเป็นเยี่ยม เจ้าตัวนี้สร้างมาเพื่อไว้โชว์เหมือนกับ ASIMO, QRIO หรือ CHROINO เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของบริษัท เคยนำมาแสดงโชว์ที่ประเทศไทยแล้วด้วย