"ผีมีอยู่จริงหรือไม่" ยังคงเป็นคำถามที่ไม่มีใครพิสูจน์หรือตอบได้อย่างแน่ชัดมาจนถึงปัจจุบัน แต่การพบเห็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือคำอธิบาย รวมถึงปรากฏการณ์บางอย่างที่ลี้ลับชวนเขย่าขวัญ ก็ได้โน้มน้าวจิตใจให้เอนเอียงไปเชื่อได้ว่า สิ่งเหล่านี้ไม่น่าเกิดจากฝีมือมนุษย์ แต่เป็นเพราะถูก "ผีเข้า" ต่างหาก
ในห้วงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีกรณีคนถูกผีเข้าถูกกล่าวขานถึงหลายเรื่องหลายเหตุการณ์ ในวันนี้กระปุกดอทคอมจะขอพาท่านผู้อ่านไปพบกับ "10 เหตุการณ์คนถูกผีเข้า ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลก" รวมรวมโดยเว็บไซต์ oddee มาฝากกัน ตั้งสติให้ดีแล้วไปติดตามกันเลย
1. คาร่า เจอมานา เซเล่
เหตุการณ์ผีเข้าของคาร่า เจอมานา เซเล่ เกิดขึ้นในปี 1906 ขณะที่เธออายุได้ 16 ปี ตอนนั้นเธอเป็นเด็กหญิงนักเรียนโรงเรียนคริสต์ เซนต์ไมเคิล มิสชั่น ในเมืองนาทาล ประเทศแอฟริกาใต้ ไม่มีใครรู้ว่าเซเล่ไปสวดมนต์ออนวอนติดต่อและทำพันธสัญญากับซาตานได้อย่างไร แต่เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น เซเล่ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างครอบงำ และมีพฤติกรรมผิดแปลกออกไปโดยสิ้นเชิง เด็กสาวเริ่มพูดและฟังเข้าใจภาษาต่างถิ่นได้มากมาย ทั้งที่ไม่เคยร่ำเรียนมาก่อน กลายเป็นผู้อ่านความคิดของคนอื่นออก รู้อดีตย้อนหลังของคนรอบตัว และในที่สุดเธอก็ถูกนำเข้าประกอบพิธีกรรมไล่ผี
แม่ชีที่มาประกอบพิธีกรรมเผยถึงอาการของเซเล่ว่า เด็กสาวเปล่งเสียงประหลาดเหมือนเสียงสัตว์เดรัจฉาน เธอพยายามรัดคอนักบวชผู้มาประกอบพิธี แล้วจู่ ๆ ร่างยังลอยขึ้นเหนือเตียงถึงเกือบ 2 เมตรระหว่างที่นักบวชกำลังอ่านบทสวด ซึ่งเหตุการณ์หลังนี้เกิดขึ้นต่อหน้าประจักษ์พยานกว่า 170 คน พิธีกรรมไล่ผีดำเนินไปถึง 2 วันเต็ม ๆ และในที่สุดเซเล่ก็หายคืนเป็นปกติ
2. แอนนาลีส มิเชล
กรณีของ แอนนาลีส มิเชล นับเป็นกรณีผีเข้าที่ถือว่าโด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ เรื่องราวของเธอถูกดัดแปลงไปเป็นภาพยนตร์สยองขวัญชื่อดัง "The Exorcism of Emily Rose" ส่วนเรื่องราวที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นขณะแอนนาลีสอายุได้ 16 ปี เด็กหญิงซึ่งมีประวัติการเจ็บป่วยและกำลังรักษาอาการโรคลมบ้าหมูและภาวะทางจิตแปรปรวนอยู่แล้ว จู่ ๆ ในปี 1973 ก็เริ่มมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย เธอต่อต้านเครื่องรางทางศาสนา กินฉี่ตัวเอง และเริ่มได้ยินเสียงประหลาด เด็กสาวขอร้องให้ครอบครัวช่วยนำนักบวชมาช่วย ด้วยเชื่อว่าตัวเองถูกผีเข้า แต่คำขอร้องนั้นก็ถูกปฏิเสธไป
อย่างไรก็ดีในที่สุดนักบวชท้องถิ่น 2 รายก็ได้มาเริ่มพิธีกรรมขับไล่ผี ในระหว่างนั้นพ่อแม่ของแอนนาลีสหยุดการรักษากับทางโรงพยาบาล...ทว่าการไล่ผีก็ไม่ประสบความสำเร็จ เด็กสาวอาการทรุดลงและเสียชีวิตภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี
เป็นที่เปิดเผยในเวลาต่อมาว่า แอนนาลีสผ่านกระบวนการพิธีกรรมไล่ผีเกือบ 70 ครั้งภายในระยะเวลา 10 เดือน ระหว่างนั้นเธอไม่ยอมกินข้าวปลาอาหาร เริ่มพูดเพ้อว่าจะยอมตายเพื่อให้หลุดพ้นจากความทรมาน เด็กสาวเสียชีวิตในสภาพผอมแห้งและขาดสารอาหารอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้พ่อแม่ของเธอและนักบวชที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรม ถูกจับในข้อหาฆ่าคนตายด้วยการปล่อยปละละเลย
">
3. โรแลนก์ โด หรือ ร็อบบี้ แมนน์ไฮม์
เคสของ โรแลนด์ โด เด็กชายวัย 14 ปี ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีที่กลายมาเป็นภาพยนตร์ The Exorcist อย่างไรก็ตาม ชื่อ โรแลนด์ โด นั้น เป็นนามสมมุติของเด็กชายที่โบสถ์คริสต์แคธอลิกตั้งให้ใหม่ เพื่อปกป้องตัวตนที่แท้จริงของเขา
กรณีของ โรแลนด์ โด เกิดในช่วงปี 40's ป้าของโรแลนด์นำพาเด็กชายให้รู้จักการเล่นผีถ้วยแก้วหรือวีจี (Uoija) จนเมื่อผู้เป็นป้าเสียชีวิตไป เป็นที่เชื่อกันว่าโรแลนด์พยายามติดต่อกับวิญญาณของป้าด้วยการเล่นผีถ้วยแก้ว แต่กลับกลายเป็นการเปิดโอกาสให้วิญญาณชั่วร้ายเข้าโจมตีเขา
เหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นในบ้าน เริ่มจากได้ยินเสียงน้ำหยดที่ไม่อาจหาต้นตอได้ว่ามาจากที่ไหน เครื่องรางที่แขวนไว้สั่นและเด้งหลุดออกมาจากผนัง ได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงขีดข่วนดังรอบ ๆ บ้าน และแล้วร่องรอยขีดข่วนก็เริ่มปรากฏขึ้นตามเนื้อตัวเด็กชาย บางจุดยังคล้ายถูกเล็บที่มองไม่เห็นข่วนเป็นตัวอักษรขึ้นมา ถึงจุดนี้โรแลนด์มีอาการพูดงึมงัมด้วยเสียงในลำคอ และร่างลอยขึ้นกลางอากาศ เบี้ยวบิดไปมาด้วยความเจ็บปวด
ครอบครัวพาตัวโรแลนด์ไปยังโบสถ์ ที่ซึ่งให้คำวินิจฉัยทันใดว่าเด็กชายถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าครอบงำและต้องทำการขับไล่มันออกไป พิธีกรรมไล่ผีถูกทำขึ้นกว่า 30 ครั้ง แต่ละครั้งล้วนทำให้ทั้งเด็กชายและฝ่ายนักบวชต้องบาดเจ็บไปไม่น้อย แต่ในที่สุดมันก็ประสบผล เสียงกรีดร้องโหยหวนโกรธเกรี้ยวดังลั่นจนได้ยินไปทั่วโรงพยาบาล และยังมีกลิ่นไอของกรดซัลฟิวริกฟุ้งอยู่ในอากาศหลังจากพิธีกรรมเสร็จสิ้นลง
4. จูเลีย
จูเลีย เป็นคนไข้รายหนึ่งของ ดอกเตอร์ริชาร์ด อี กัลลาเกอร์ จิตแพทย์และศาสตราจารย์ด้านจิตเวชจากวิทยาลัยการแพทย์นิวยอร์ก ในปี 2008 ดอกเตอร์กัลลาเกอร์เขียนสรุปในบันทึกการรักษาว่าของจูเลียว่า "ถูกปีศาจครอบงำ" นับเป็นความแปลกประหลาดอย่างยิ่งที่คนในวงการแพทย์ยอมเอาคำนี้มาใช้อธิบายอาการคนไข้ ซึ่งส่วนใหญ่บรรดาแพทย์ล้วนเชื่อว่า อาการประหลาดที่คนมองว่าเกิดจากผีเข้านั้น แท้จริงมาจากความเจ็บป่วยของจิตใจต่างหาก
แต่กับจูเลียนั้นต่างกันออกไป ดอกเตอร์กัลลาเกอร์ได้พบเห็นเองกับตาว่าอาการของจูเลียไม่ใช่การเจ็บป่วยทางจิต เขาได้เห็นวัตถุต่าง ๆ ในห้องผู้ป่วยลอยหวือขึ้นกลางอากาศ เห็นจูเลียตัวลอยขึ้นจากเตียง ได้เป็นประจักษ์พยานรับรู้ว่าเด็กสาวสามารถหยั่งรู้เรื่องราวของคนรอบ ๆ ตัว ที่เธอไม่เคยรู้จักและไม่มีทางได้รู้จักมาก่อนหน้าได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
บันทึกการรักษาตอนหนึ่งเขียนว่า "ผู้ป่วยอาการทางจิตจะมีอาการไม่ปะติดปะต่อ แต่ห้วงอาการของจูเลียนั้นกลับมีปรากฏการณ์แปลก ๆ ร่วมด้วย เธอก่นด่าด้วยสุ้มเสียงที่ไม่ใช่ของตัวเอง ใช้คำพูดว่า 'ไสหัวไป' 'เธอเป็นของเรา' 'แกมันโง่เง่า' เสียงเหล่านี้บางทีก็แหบห้าว บางคราวก็แหลมสูง ซึ่งความเห็นจากแพทย์ต่อห้วงอาการนี้ของเธอ ต่างเห็นว่าเป็นการพยายามหยามเหยียดศาสนาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างร้ายแรง"
5. อาร์เน เชเยนน์ จอห์นสัน
เคสของ อาร์เน เชเยนน์ จอห์นสัน ถือเป็นกรณีแรกในอเมริกาที่นำคำกล่าวอ้างว่าถูกผีเข้าขึ้นเป็นคำให้การในศาล โดยเหล่าพยานพยายามให้เหตุผลต่อศาลว่า การกระทำของจำเลย คือจอห์นสันนั้น เกิดจากการผูกปีศาจชั่วร้ายครอบงำ ไม่ใช่การกระทำด้วยเจตนาของเจ้าตัว
ในปี 1981 จอห์นสันถูกดำเนินคคดีในข้อหาฆาตกรรมนายอลัน โบโน เจ้าของที่ดินในคอนเนตติกัต ทนายของจอห์นสันให้เหตุผลต่อศาลว่า อาการอาละวาดรุนแรงของลูกความนั้น เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้่นกับจอห์นสันตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ถึงขนาดที่พ่อแม่เคยนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับนักล่าผีผู้โด่งดัง เอ็ดและลอเรน วอเรน ซึ่งทั้งคู่ยืนยันว่าพฤติกรรมเลวร้ายของจอห์นสันไม่ได้เกิดจากความผิดปกติทางจิต แต่เป็นเพราะถูกวิญญาณชั่วร้ายครอบงำ แต่อย่างไรก็ตามเหตุผลว่าถูกผีเข้าไม่มีน้ำหนักมากพอในการต่อสู้คดี จอห์นสันถูกศาลตัดสินโทษจำคุก 5 ปี จากโทษสูงสุด 20-25 ปีที่เขาอาจได้รับ
6. เดวิด เบิร์คโควิทซ์ หรือ บุตรของแซม (Son of Sam)
ในปี 1976 ชาวเมืองนิวยอร์กต่างอกสั่นขวัญแขวนกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่รู้จักชื่อฆาตกรในนาม Son of Sam หรือนักฆ่า .44 ผลงานน่าสะพรึงของเขาได้แก่เหยื่อ 6 ศพ และผู้บาดเจ็บที่รอดชีวิตมาได้อีก 7 ราย
ตำรวจพยายามไล่ล่าอยู่ร่วมปีกว่าจะประสบผล และตัวตนของ Son of Sam ก็ถูกเปิดเผยออกมา เขาชื่อ เดวิด เบอร์โควิทซ์ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุและอ้างว่าถูกบังคับให้ลงมือโดยปีศาจ แต่กระนั้นเบอร์โควิทซ์ก็บอกว่า ไม่ใช่ตัวเขาที่ถูกผีสิง แต่เป็นสุนัขของเพื่อนบ้านต่างหากที่ถูกปีศาจครอบงำ แล้วมาออกคำสั่งกับเขาอีกที อย่างไรก็ตามในช่วงกลางยุค 90's เบอร์โควิทว์ก็กลับคำสารภาพใหม่ เผยว่าที่จริงแล้วเขาเป็นสมาชิกของลัทธิบูชาซาตาน และการลงมือฆ่าคนก็เป็นส่วนหนึ่งในพิธีกรรมของลัทธินั่นเอง
7. ไมเคิล เทเลอร์
ไมเคิล เทเลอร์และคริสทีน ภรรยา เป็นชาวคริสต์ผู้เคร่งศาสนาจากเมืองออสเซตต์ สหราชอาณาจักร ทั้งคู่รวมกลุ่มสวดมนต์กับผู้นำคือ มารี โรบินสัน แต่แล้วในปี 1974 คริสทีนกล่าวหาว่าสามีของเธอและมารีลักลอบเป็นชู้กัน และนับจากนั้น ไมเคิล เทเลอร์ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย เขามีพฤติกรรมหยาบคาย เอาแน่เอานอนไม่ได้ แตกต่างจากไมเคิลคนเดิมโดยสิ้นเชิง และเป็นที่เชื่อว่าสาเหตุมาจากการถูกผีเข้า !
พฤติกรรมผิดปกติของไมเคิลดำเนินอยู่ร่วมเดือน จนในที่สุดก็ตัดสินใจพึ่งวิธีการไล่ผี พิธีกรรมดำเนินต่อเนื่องถึง 24 ชั่วโมง และสิ้นสุดลงโดยนักบวชเผยว่า สามารถขับไล่วิญญาณชั่วร้ายออกไปได้ 40 ตน แต่ก่อนจะจากไป ก็ได้ฝากคำเตือนเอาไว้ว่า ยังมีปีศาจร้ายแห่งการเข่นฆ่าอีกตนหนึ่งที่ยังแฝงอยู่ในจิตใจของไมเคิล
และแล้วความสยดสยองก็เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ทันทีที่กลับถึงบ้าน ไมเคิลลงมือฆ่าภรรยาและสุนัขที่เลี้ยงไว้ มีคนพบเขาเดินเตร่อยู่บนถนนในสภาพเลือดเปรอะไปทั้งตัว เขาถูกจับดำเนินคดี ก่อนที่ศาลจะมีการพิจารณาปล่อยตัวในภายหลัง ด้วยเห็นว่าไมเคิลมีอาการวิกลจริต
8. จอร์จ ลูคินส์
ในปี 1778 ผู้คนเชื่อว่าช่างตัดเสื้อชื่อ จอร์จ ลูคิน ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง เขามักร้องเพลงในโทนเสียงและภาษาที่ไม่ใช่ของตัวเอง พฤติกรรมของลูคินส์ทำให้เพื่อนบ้านตระหนกสุดขีด และตัดสินใจติดต่อกับนักบวช ลูคินส์ถูกส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลก่อนถึง 20 เดือน แต่ก็ไร้วี่แววว่าจะได้ผล นั่นยิ่งทำให้ผู้คนเชื่ออย่างหนักแน่นว่าพฤติกรรมแปลก ๆ ที่ปรากฏต้องเกิดจากฝีมือผีร้ายเป็นแน่แท้
ลูคินส์กลายเป็นคนกราดเกรี้ยว ทำเสี่ยงเห่าหอนเหมือนสุนัข และฮึมฮัมบทเพลงประหลาดฟังคล้ายร้องย้อนจากหลังมาหน้า คนเชื่อว่าเขาถูกปีศาจร้าย 7 ตนเข้าสิง และมีนักบวชเพียง 7 คนเท่านั้นที่จะไล่อออกไปได้ และแล้วในที่สุดพิธีกรรมไล่ผีก็ถูกจัดขึ้น ไม่เป็นที่ทราบว่าพิธีกรรมดำเนินไปนานเท่าไร แต่หลังจากการไล่ผีสิ้นสุดลง ลูคินส์คนเก่าก็ฟื้นขึ้นมา เขาร้องเสียงดัง "ขอบคุณพระเยซู" และสรรเสริญขอบคุณนักบวชเป็นการใหญ่
9. แอนนา เอคลันด์
แอนนา เอคลันด์ เป็นเด็กสาวที่เติบโตมาอย่างเคร่งครัดเยี่ยงศาสนิกแห่งศาสนาคริสต์นิกายแคธอลิก ในเมืองเอิร์ลลิง รัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา แต่กลับมีพ่อและป้าที่เชื่อในภูตผีมนตร์ดำ ทั้งคู่เพียรสาปแช่งแอนนาและแอบผสมสมุนไพรบางอย่างลงในอาหารของเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนในที่สุดเมื่อเด็กสาวอายุ 14 ปี "ความผิดปกติ" ก็เกิดขึ้นดังหวัง แอนนาไม่สามารถแตะต้องหรืออยู่ใกล้เครื่องรางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาได้ เข้าโบสถ์ไม่ได้ แต่เด็กสาวก็พาตัวเข้าพิธีขับไล่วิญญาณชั่วร้ายไปได้เป็นผลสำเร็จในปี 1912
ทว่าฝ่ายพ่อและป้าก็ไม่ละความพยายาม ทำพิธีสายมืดอีกจนในที่สุดแอนนาก็ถูกครอบงำด้วยวิญญาณชั่วร้ายหลายตน ซึ่งเชื่อว่ามีปีศาจตนเดียวกับที่สิงร่างแอนนาลีส มิเชล รวมอยู่ด้วย ในปี 1928 แอนนามองหาความช่วยเหลืออีกครั้ง เธอถูกนำตัวไปอยู่ภายใต้ความดูแลของแม่ชีในคอนแวนต์ แต่อาการเธอกลับยิ่งแย่ลง แอนนาไม่แตะต้องอาหารที่ผ่านการสวดขอบคุณพระเจ้า ทำเสียงขู่ฟ่อใส่แม่ชี ถ่มน้ำลายและอาเจียนใส่พวกเธอ พูดงึมงัมด้วยภาษาแปลก ๆ ที่เจ้าตัวเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน หลายคนเผยว่าเธอตัวลอยขึ้นเหนือเตียง บางทีตัวก็ไปแปะอยู่ข้างฝา ลูกตาเธอบวมแทบถลน ร่างกายเธอบวมและหนักขึ้น จนทำให้เตียงเหล็กเกือบจะหัก
และในที่สุดพิธีกรรมไล่ผีก็เริ่มต้นขึ้น มันใช้เวลาถึง 23 วัน และทำพิธีกรรมไปถึง 3 รอบ ในที่สุดนักบวชก็สามารถขับไล่วิญญาณชั่วร้ายออกไปจากตัวเธอได้
10. การขับไล่วิญญาณร้านของพระสันตะปาปาฟรานซิส
ในแต่ละปี นักบวชของโบสถ์แคธอลิกต้องประกอบพิธีกรรมขับไล่วิญญาณชั่วร้ายนับเป็นพันครั้ง พระสันตะปาปาฟรานซิสเองก็เคยพูดว่า ตนเชื่อว่าปีศาจมีจริง และการทำพิธีกรรมขับไล่วิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้ก็เป็นอีกภารกิจหนึ่งที่ต้องทำทุกวัน
เหตุการณ์ไล่วิญญาณร้ายสั้น ๆ ครั้งหนึ่งเคยถูกบันทึกไว้ได้ มันเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2013 สมัยโป๊บฟรานซิสเพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ ๆ ท่านเดินลงมาตามทางที่มีผู้พิการมารอต้อนรับ ก่อนจะหยุดที่วีลแชร์ของหนุ่มพิการคนหนึ่ง ประสานมือทั้งสองข้างลงบนศีรษะของเขา ร่างของชายหนุ่มในวีลแชร์สั่นระริก ปากอ้าค้าง และเมื่อโป๊บฟรานซิสละมือลง ร่างหนุ่มรายนี้ก็อ่อนเปลี้ยลงและหอบหายใจแรง ราวกับร่างกายได้รับการปลดปล่อยจากอะไรบางอย่าง
">