ดูไบเป็นนครที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเป็นเมืองที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว รายได้หลักมาจากการค้าน้ำมัน นอกจากนี้ดูไบได้ลงทุนสร้างสิ่งก่อสร้างเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมากมาย ทั้งนี้ เพื่อให้ดูไบเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ เรามาดูกันเลยว่าทั้ง 12 อาคารสวย ณ ดูไบ จะสวยขนาดไหน รับรองได้เลยว่าต้องตะลึงแน่นอน
1. โรงแรมใต้น้ำ Hydropolis
ปกติแล้วเรามักจะได้ยินกันคุ้นหูคือโรงแรมระดับ 5 ดาว แต่คุณเคยได้ยินไหมโรงแรมระดับ 10 ดาว? เนื่องจากโรงแรมแห่งนี้ เป็นรีสอร์ทใต้น้ำที่หรูหราที่สุดในโลก อยู่ลึกลงไปจากผิวน้ำ 66 ฟุต ที่ Persian Gulf ถัดจาก Jumeira Beach ในประเทศดูไบ โครงสร้างหลักทำจากเหล็กและคอนกรีต แขกผู้มาพักสามารถสัมผัสชีวิตใต้น้ำได้อย่างใกล้ชิด ผ่านผนังกระจกทนความร้อน เพดานโดมทรงบับเบิ้ลสุดล้ำ Hydropolis แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ลานรับแขก อุโมงค์ทางเชื่อมสำหรับรับ-ส่งนักท่องเที่ยวโดยรถไฟ ไปยังตัวโรงแรมซึ่งเป็นพื้นที่หลัก Hydropolis มีขนาดพอๆ กับ Hyde Park ของลอนดอน ถือเป็นโรงแรมระดับ 10 ดาว ประกอบด้วยห้องพัก 220 ห้อง คาดว่าจะราคาคืนละ $5,000
2. โรงแรม Diamond Ring
ข้อมูลยังไม่เป็นที่เปิดเผยนัก สำหรับ Voyager V1 หรือ The Diamond Ring Hotel โรงแรมแห่งอนาคต หน้าตาเหมือน ชิงช้าสวรรค์ ไม่มีผิด จะถูกเนรมิตตระหง่านที่ อาบูดาบี แนวคิดปรากฏชัดจากลักษณะโครงสร้างและชื่อ อยากสื่อให้รู้ 「ท่องเที่ยวกันเถอะ!」
3. Four towers in Dubai
มีการออกแบบอาคาร Four towers in Dubai ให้มีลักษณะเหมือนเปลวไฟ แยกออกเป็น 4 อาคาร แต่บางคนอาจจะมองว่าอาคารแห่งนี้มีลักษณะคล้ายสรีระผู้หญิง อาจจะพูดได้ว่าเป็นอาคารที่เซ็กซี่ที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่เป็นที่น่าเสียดาย เพราะโปรเจ็คที่จะสร้างอาคารนี้ได้ถูกยกเลิกไป
4. Snow Dome Dubai
Ski Dubai ลานสกีหิกว้างที่ตั้งอยู่ใน Mall of the Emirates ใกล้ๆกับ Burj Al Arab . . . น่าทึ่งมากกับความสามารถของคนดูไบซึ่งทำลานสกีในภูมิประเทศที่มีทะเลทรายร้อนกว่า 50 องศาอยู่ใกล้ๆ ที่นี่มีอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งชุดเล่นสกีให้เช่าครบครันจึงไม่จำเป็นต้องนำของๆคุณมาเอง ลานสกี (Ski Dubai Complex) นี้เป็นลานสกีหิมะขนาดใหญ่ โดยได้สร้างจำลองมาจากเมืองตากอากาศประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ภายในจะมีลานสกีเล็กสำหรับเด็ก และลานสกีใหญ่สำหรับผู้ใหญ่ สามารนั่งกระเช้าขึ้นไปบนยอดเนินแล้วสกีลงมาได้เหมือนไปเล่นในสถานที่จริงเลยทีเดียว
5. Burj Khalifa Tower
Burj Khalifa Tower ทำลายสถิติจนกลายมาเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกมีความสูงถึง 546 เมตร แซงตึกไทเป 101 เรียบร้อย โดยมีความสูงประมาณ 828 เมตร การตกแต่งภายในจะตกแต่งโดย จอร์โจ อาร์มานี โดยเป็นโรงแรมอาร์มานีสำหรับ 37 ชั้นล่าง โดยชั้น 45 ถึง 108 จะเป็น อพาร์ตเมนต์ โดยที่เหลือจะเป็นสำนักงาน และชั้นที่ 123 และ 124 จะเป็นจุดชมวิวของตึก ส่วนบนของตึกจะเป็นเสาอากาศสื่อสาร นอกจากนี้ชั้น 78 จะมีสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ ตึกนี้จะติดตั้งลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลก ที่ความเร็ว 18 ม/วินาที (65 ก.ม./ชม., 40 ไมล์/ชม.) โดยลิฟต์ที่มีความเร็วสูงสุดปัจจุบันอยู่ที่ ไทเป 101 ที่ความเร็ว 16.83 ม/วินาที
6. Zaha Hadid Performing Arts Centre
อาคารนี้อาจจะไม่ได้ลงไปอยู่ใต้น้ำ และไม่ได้สูงระฟ้าเหมือน 5 ตึกที่ผ่านมา แต่เป็นการออกแบบที่แปลกไม่เหมือนใคร สร้างเพื่อเป็นศูนย์จัดแสดงงานศิลปะ แบ่งออกเป็น 5 ส่วน : โรงละคร, ที่จัดคอนเสิร์ต, โรงดนตรี, โรงจัดแสดงโอเปร่าและที่จัดแสดงงานศิลปะ
7. The Da Vinci Tower
ตึกแบบไหนนะที่จะสามารถใช้ Da Vinci ได เรามาดูกันเลย? โครงการสร้างตึกระฟ้าใน รัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีข่าวออกมาให้เห็นกัน โดยตึกเหล่านั้นจะสามารถหมุนเวียนเปลี่ยนองศาได้ด้วยตัวเอง และผู้อยู่เบื้องหลังโปรเจคท์ยักษ์ที่ฟังดูน่าทึ่งนี้ก็คือ เดวิด ฟิชเชอร์ จากบริษัท Dynamic Architecture ที่ตั้งใจไว้ว่าจะให้ตึกนี้เป็นสัญลักษณ์ความยิ่งใหญ่ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เลยทีเดียว
ทั้งนี้ The Da Vinci Tower หรือ Dynamic Tower นี้ ถูกวางแผนไว้ให้เป็นตึกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยตรง โดยมีกังหันลมติดไว้ในแต่ละชั้น เพื่อเป็นตัวสร้างกระแสไฟฟ้ามาใช้ได้ทั้งตึก และคาดว่าน่าจะมากพอแบ่งปันพลังงานไปใช้สำหรับตึกขนาดเท่า ๆ กันอีก 5 หลังที่อยู่ล้อมรอบด้วย ยิ่งไปกว่านั้นบนหลังคายังติดแผงพลังงานแสงอาทิตย์เอาไว้ด้วยเช่นกัน และจุดเด่นสำคัญคือตัวตึกสามารถหมุนเพื่อชมวิวได้ 360 องศาด้วย
โดยภายในตัวตึกมีแท่งคอนกรีตเป็นแกนกลาง ให้ส่วนอื่น ๆ สามารถหมุนวนรอบได้ ทำให้คนที่อยู่ในตึกสามารถชมวิวรอบเมืองได้ทั้ง 360 องศา ทุก ๆ 90 นาที ซึ่งตึกหมุนได้แนวนี้เคยถูกสร้างขึ้นมาแล้วเมื่อปี 1930 ที่ประเทศอิตาลี โดยมีชื่อว่า Villa Girasole และมีความสูงถึง 80 ชั้น แต่การสร้างตึกที่หมุนได้ แถมยังใช้พลังงานจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแบบนี้ นับว่าเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว
8. Anara Tower
ตึก Anara นี้ถึงความสูงจะไม่สามารถเทียบกับ Burj Khalifa Tower ได้ แต่ก็ยังมีความสูงถึง 700 เมตรเลยทีเดียว คาดว่าจะมีทั้งหมด 135 ชั้น ออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกังหันลม จุดประสงค์ในการสร้างตึกนี้เพื่อเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นส่วนออฟฟิต, ศูนย์การค้า, ที่จัดแสดงงานต่างๆ รวมไปถึงเป็นที่อยู่อาศัยอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่ตึกนี้ไม่ได้สร้าง เนื่องจากปัญหาด้านการเงิน
9. The Arabian blade
The Arabian blade ได้ออกแบบแนวคิดมาจากมีดอาลาดิน ที่มีลักษณะโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว จุดประสงค์ที่สร้างอาคารแห่งนี้ขึ้นมาคือ เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับเซเลบของชางอาหรับ นอกจากนี้บางส่วนจะสร้างเป็นโรงแรมและศูนย์การค้าอีกด้วย
10. Burj al-Arab
Burj al-Arab Hotel (โรงแรมบุรจญ์อัลอาหรับ) เป็นโรงแรมที่หรูหราในนครรัฐดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีความสูง 321 เมตร หรือ 1,050 ฟุต และเป็นโรงแรมที่สูงที่สุดอันดับที่ 4 ของโลก และมีความสูงเป็นอันดับที่ 57 ของโลก ตึกบุรจญ์อัลอาหรับ ตั้งอยู่บนเกาะเทียมที่ถูกถมขึ้นห่างจากชายฝั่งจูไมราบีช 280 เมตร และเชื่อมต่อด้วยสะพานที่มีลักษณะโค้ง ตึกบุรจญ์อัลอาหรับ มีลักษณะโครงสร้างการออกแบบเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเมืองดูไบและตัวอาคารเลียนแบบมาจากใบของเรือใบ
11. Palm Islands
Palm Islands หรือเรียกเป็นภาษาไทย หมู่เกาะต้นปาล์ม เป็นโครงการก่อสร้างเกาะจำลองบริเวณอ่าวเปอร์เซีย ใน ดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยแต่ละเกาะจะมีลักษณะรูปร่างเหมือนต้นปาล์ม และล้อมรอบด้วยเสี้ยววงกลม โดยพื้นที่จะมีการจัดเป็นที่อยู่อาศัย และรีสอร์ท การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ ในโครงการจะมีการสร้างทั้งหมด 3 เกาะได้แก่ ปาล์มจูไมราห์, ปาล์มเดียรา และปาล์มเจเบล อาลี
12. Crescent Moon Tower
Crescent Moon Tower ออกแบบมาให้มีลักษณะเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว เริ่มก่อสร้างในปี 2009 คาดว่าจะเสร็จสิ้นในปี 2017 จุดประสงค์ในการสร้างอาคารแห่งนี้ขึ้น เพื่อเป็นสำนักงาน, แหล่งช้อปปิ้ง, โรงแรมและที่อยู่อาศัย สร้างอยู่ใน Baku, Azerbaijan