เมื่อเวลา 13.30น. วันที่ 15 พ.ย. ร.ต.ท.วุฒิชัย อธิวรปัญญา พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุมีเสาไฟฟ้าล้มทับรถยนต์ ภายในซอยหลังสวน 7 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมทั้งประสานไปยังเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ลุมพินี รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ว่างเปล่าเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ ที่เตรียมจะสร้างเป็นคอนโดมิเนียม เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบรถยนต์โตโยต้า ยี่ห้อแคมรี่ สีดำ ทะเบียน ฌอ 7160 กรุงเทพมหานคร จอดริมรั้วบ้าน อยู่ในสภาพถูกเสาไฟฟ้าล้มทับคาอยู่บริเวณกระโปรงท้ายรถพาดไปทางฝั่งคนนั่งหลังด้านขวา กระจกแตกละเอียด ใกล้กันพบเสาไฟฟ้าแรงสูงล้มขวางถนนรวม 4 ต้น ทราบชื่อเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวคือ น.ส.กุลฉัตร ปฏิบัติธรรม อายุ 48 ปี อยู่ในอาการตื่นตกใจ ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่อยู่
ร.ต.ท.วุฒิชัย กล่าวว่า จากการสอบปากคำน.ส.กุลฉัตร เบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถยนต์มาจอดบริเวณข้างไซด์งานก่อสร้างดังกล่าว จากนั้นเดินลงมาจากรถเพื่อคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ฝั่งตรงข้ามกับรถของตน โดยให้หลังประมาณ 10 นาที ได้ยินเสียงดังโครม ก่อนจะเห็นว่าเสาไฟฟ้าล้มลงมาทับรถยนต์ของตนเสียหายทั้งคัน สำหรับรถยนต์คันนี้ตนได้นำไปเข้าไฟแนนซ์ไว้จำนวน 3 แสนบาทและไม่มีประกันภัยแต่อย่างใด
ร.ต.ท.วุฒิชัย กล่าวว่า ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังพบนายวิโรจน์ เลิศก้านทอง อายุ 47 ปี คนขับรถแบคโฮไซด์งานก่อสร้าง นั่งรอให้การกับทางเจ้าหน้าเบื้องต้นทราบว่า ทางบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างให้ทำการรื้อถอนอาคารเก่า (บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล เฮ้าส์ออฟแสตมป์) เพื่อปรับพื้นที่เป็นโครงการหลังสวนวิลเลจ ซึ่งในช่วงก่อนเกิดเหตุตนและคนงานได้รื้อถอนอาคารเก่าโดยทุบจากด้านบนลงมาทั้งหมด ซึ่งขณะนั้นโครงกันสาดที่อยู่ด้านหน้าไปเกี่ยวกับสายไฟฟ้าก่อนจะทำให้เสาไฟฟ้าล้มดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาแก่นายวิโรจน์ว่า “ทำให้เสียทรัพย์” ไว้ก่อน