ทหารอากาศต่อยตำรวจ ไม่พอใจถูกเรียกตรวจที่ด่าน ถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย และต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงาน เตรียมทำสำนวนส่งอัยการยื่นเรื่องไปศาลทหาร

       วันนี้ (8 พฤศจิกายน 2558) เพจ Thailand Police Story ได้มีรายงานเหตุทหารอากาศทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยระบุว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 8 นาย กำลังตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์บนถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ามีรถยนต์คันหนึ่งพยายามจะเลี้ยวหลบหนีจุดตรวจ ดูท่าทางมีพิรุธ จึงแสดงตัวขอให้จอดรถ แต่ปรากฏว่าคนขับรถดังกล่าวคือ พ.อ.ท. กัมปนาท จันทรเดชาคล อายุ 27 ปี กลับแสดงท่าทีไม่พอใจที่ถูกเรียกตรวจ จึงแสดงตัวว่าเป็นทหารอากาศ สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย จนเกิดการโต้เถียงอย่างหนัก ก่อนที่ พ.อ.ท. รายดังกล่าวจะทำร้ายร่างกายตำรวจ กระทั่งถูกควบคุมตัวมาดำเนินคดีในที่สุด

       คืบหน้าในเวลาต่อมา พ.ต.อ. ณัฐณวิทย์ สิทธาภิรมย์ ผกก.สน.บางเขน เปิดเผยว่าจากกรณีดังกล่าว ชุดปฏิบัติการตรวจพิสูจน์ผู้ขับขี่ ได้ตั้งจุดตรวจบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ตามแผนการตรวจของ บก.จร. ต่อมาพบรถยนต์ยี่ห้อ BMW สีน้ำเงิน ขับมาใกล้จุดตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้สัญญาณมือเพื่อหยุดรถคันดังกล่าว แต่ผู้ขับกลับเลี้ยวรถหลบเข้าไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

       ด้วยเหตุนี้ ร.ต.ท. สมคิด พิมพ์เงิน รองสารวัตรงานตรวจพิสูจน์ผู้ขับขี่ กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร เห็นมีท่าทีแปลกจึงขับรถตามไปก่อนเรียกให้หยุด โดยทราบว่าคนขับเป็นทหารอากาศยศ พ.อ.ท. หลังสอบถามเจ้าตัวได้ยอมรับว่าดื่มสุรามา ร.ต.ท. สมคิด จึงให้กลับไปที่ด่านตรวจ พ.อ.ท. จึงลงจากรถ ให้แฟนสาวที่นั่งมาด้วยเข้ามานั่งแทนที่คนขับ อย่างไรก็ตาม ร.ต.ท. สมคิด กลัวว่ารถคันดังกล่าวจะขับหลบหนีจึงเข้าไปนั่งในรถด้วยพร้อมบอกให้ขับกลับไปที่ด่านตรวจ เป็นผลให้ พ.อ.ท. ไม่พอใจดึงตัว ร.ต.ท. สมคิด ออกจากรถ จับศีรษะฟาดไปที่ตัวรถจนคิ้วแตก และต่อยซ้ำที่ใบหน้าอีก 2-3 ครั้ง ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจจะเข้ามาห้าม และควบคุมตัวไปดำเนินคดี

       ทั้งนี้ทางตำรวจได้แจ้งข้อหา พ.อ.ท. 2 ข้อหาคือ ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ส่วนผลการตรวจวัดระดับปริมาณแอลกอฮอร์ วัดได้ 48% ซึ่งไม่เกินกฎหมายกำหนด หลังการสอบสวนผู้ต้องหายอมรับสารภาพในข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่ไม่ยอมรับข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ต้องทำสำนวนส่งอัยการเพื่อยื่นเรื่องต่อศาลทหารต่อไป โดยญาติได้นำเงินมาประกันตัวจำนวน 45,000 บาท

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Thailand Police Story

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก