http://money.kapook.com/view133356.html

สวีเดนเลิกใช้เงินสดเป็นชาติแรกของโลก นำร่องการใช้จ่ายแบบดิจิตอล

ประเทศสวีเดนประกาศยกเลิกการใช้เงินสดเป็นชาติแรกของโลก หลังมีนโยบายส่งเสริมการใช้จ่ายด้วยช่องทางดิจิตอล เพื่อปราบปรามอาชญากรรมและการก่อการร้ายให้สิ้นซาก

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2558 เว็บไซต์ Payment Week เปิดเผยว่า ประเทศสวีเดนได้ประกาศยกเลิกการใช้เงินสดในการทำการค้าหรือธุรกรรมใด ๆ ทั้งสิ้นแล้ว ปฏิวัติการจับจ่ายใช้สอยให้กลายเป็นเงินแบบดิจิตอลทั้งหมด เช่น การใช้บัตรเครดิต บัตรเดบิต อินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง และการชำระเงินผ่านแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ บนโทรศัพท์มือถือ

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2554 รัฐบาลสวีเดนประกาศเปิดตัวแอพพลิเคชั่นชื่อ Swish Payment ที่ให้ชาวสวีเดนใช้ทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยก็ต่างหันมาเปิดรับการชำระเงินผ่านช่องทางดังกล่าวกันมากขึ้น จนทำให้การชำระเงินแบบดิจิตอลกลายเป็นหนึ่งในวิธีใช้เงินของคนในเมืองมากกว่าการใช้เงินสดจริง ๆ เสียอีก

ด้าน นิคลัส อาร์วิดส์สัน นักวิจัยอุตสาหกรรมและการจัดการแห่งสถาบันเทคโนโลยี KTH กล่าวว่า “เงินสดยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหลายประเทศทั่วโลก แต่ไม่ใช่สำหรับในสวีเดน เราใช้เงินสดกันน้อยลงมากในชีวิตประจำวัน และนั่นทำให้รัฐเล็งเห็นว่าควรจะยกเลิกการใช้เงินสดไปเลยจะดีกว่า”

นายนิคลัสคาดว่า การใช้เงินสดในสวีเดนจะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งไม่มีเหลือเลยภายใน 15 ปี และธนาคารในประเทศจะทยอยปิดการให้บริการตู้ ATM นอกจากนั้น ใครก็ตามที่ยังคงมีธนบัตรจำนวนมากไว้ในครอบครองอาจถือว่าผิดกฎหมายได้

กระแสการใช้เงินแบบดิจิตอลนั้นทำให้ประชาชนรู้สึกพึงพอใจและปลอดภัยกว่าถือเงินสดเดินไปเดินมา การชำระเงินผ่านแอพพลิเคชั่นหรือบัตรเครดิตนั้นได้รับการรองรับจากผู้ประกอบการหลายราย เช่น การขนส่งมวลชนอย่างรถประจำทาง ที่หันมารับการชำระเงินแบบดิจิตอลด้วย ทั้งนี้เพราะเคยเกิดเหตุการณ์ปล้นเงินสดจากคนขับรถมาแล้ว หรือแม้แต่ในโบสถ์บางแห่งก็หันมารับเงินบริจาคแบบดิจิตอลแล้วเช่นกัน

นายนิคลัสยืนยันว่า Swish นั้นเป็นแอพพลิเคชั่นจัดการเงินที่ยอดเยี่ยมและมีประสิทธิภาพ แต่การจะนำเสนอ Swish กับประเทศอื่น ๆ ที่ยังคงถือเงินสดอยู่นั้นดูจะเป็นเรื่องท้าทายพอสมควร เพราะต้องใช้เวลาไม่น้อยที่จะเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ แต่เป็นไปได้ว่าในอนาคต ระบบ Swish อาจช่วยกระตุ้นไอเดียของประเทศอื่น ๆ บ้างไม่มากก็น้อย

แต่การปฏิวัติครั้งนี้ จะทำให้ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือได้รับความเดือดร้อน เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่อยู่อาศัยตามชนบท เป็นต้น

ภาพจาก google.com, kth.se