ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดบุรีรัมย์ ว่า นางสุภาพร โกศล อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 ม.5 บ้านโนนสมบูรณ์ ต.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้ร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนจังหวัดบุรีรัมย์ หลัง ด.ญ.ทิพย์รัตน์ สุรารัมย์ อายุ 13 ปี บุตรสาว เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนลำปลายมาศ ที่เชื่อว่าเกิดจากการดื่มน้ำจากเครื่องกรองน้ำแร่ยี่ห้อ “วอเตอร์ มิเนอรัล พอท” รุ่น 1,000 ไบโอ ของ บริษัท ซี.บี.พี.เวิร์ล จำกัด ที่ได้ซื้อมาเมื่อช่วงปี 2548 จนทำให้ผมล่วงหมดศีรษะ ที่ผ่านมาเคยร้องเรียนผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้วหลายหน่วยงานนานกว่า 3 ปีแต่ยังไร้ผล
นางสุภาพร เล่าว่า ได้ซื้อเครื่องกรองน้ำแร่ยี่ห้อดังกล่าว มาจากพยาบาลคนหนึ่งใน โรงพยาบาลลำปลายมาศ โดยพยาบาลคนดังกล่าวนำมาขายให้ถึงที่บ้าน ลักษณะเหมือนการขายตรง โดยยังอ้างสรรพคุณ และคุณประโยชน์ต่างๆ นานา ที่จะได้รับจากเครื่องกรองน้ำแร่ ทั้งขับสารพิษในร่างกาย ตนมองแล้วดูมีความน่าเชื่อถือจึงได้ซื้อมาใช้ที่บ้าน เมื่อประมาณปี 2548 ในราคา 18,000 บาท และต่อมาได้ใช้ดื่มกินมาโดยตลอด และบุตรสาวซึ่งเป็นคนที่ชอบดื่มน้ำเป็นจำนวนมากต่อวัน ชอบดื่มและได้นำไปดื่มที่โรงเรียนด้วย
กระทั่งต่อมาเมื่อลูกสาวกำลังเล่นอยู่กับเพื่อนที่โรงเรียน จู่ๆรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงและกลับมาที่บ้าน และระหว่างอาบน้ำผมได้หลุดร่วงเป็นจำนวนมาก และหลุดร่วงมาโดยตลอดจนหมดทั้งศรีษะ ขนคิ้ว ขนตาก็เริ่มร่วงด้วยเช่นเดียวกัน ช่วงแรกคิดว่าอาจเป็นเพราะแพ้แชมพู จึงพาไปหาหมอ และหมอทางศูนย์วิทยาศาสตร์บอกว่า เกิดจากการใช้เครื่องกรองน้ำแร่ เพราะตรวจพบสารกำมะถันและแร่เงินปะปนอยู่เป็นจำนวนมากเกินมาตรฐาน จึงร้องเรียนขอความจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้วหลายครั้ง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า
นางสุภาพร ยังกล่าวอีกว่า หลังทราบผลจากการร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับทุกหน่วยงาน ทั้งสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ทำเนียบรัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ก็ยังไม่มีความคืบหน้า และไม่ได้รับการเหลียวแล กลับโยนกันไปมาระหว่างหน่วยงาน ทั้งที่ผลการพิสูจน์ออกมาว่า เครื่องกรองน้ำยี่ห้อดังกล่าว ส่งผลให้บุตรสาวได้รับผลกระทบทางร่างกาย
สุดท้ายเข้าร้องต่อสภาทนายความ แต่ไม่สามารถฟ้องร้องเอาผิดได้ เพราะไม่มีหน่วยงานใดยืนยันมาเป็นเอกสาร ซึ่งการที่ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนในครั้งนี้ เพื่อต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ให้ความช่วยเหลือหรือตรวจสอบเอาผิดกับบริษัทขายเครื่องกรองน้ำแร่ดัง กล่าว
รวมทั้งต้องการให้บริษัทรับผลชอบ เพราะบุตรสาวได้รับผลกระทบ ทั้งถูกเพื่อนที่โรงเรียน และเพื่อนบ้านล้อเลียนว่าเป็นโรคร้าย และอยากให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ มีการพัฒนาเทคโนโลยี และให้ความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์มากกว่านี้ ไม่อยู่ใต้อำนาจเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือบริษัทยักษ์ใหญ่ จนไม่นึกถึงสุขภาพของประชาชน
ล่าสุดได้มี ผอ.สคบ.ส่วนกลางได้โทรศัพท์มาบอกตนว่า ทางบริษัทขู่จะฟ้องกลับ โดยระบุว่าตนได้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวเข้าไปหลายหน่วยงาน จนทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง และได้รับความเสียหาย นางสุภาพร กล่าว
ทางด้าน ด.ญ.ทิพย์รัตน์ สุรารัมย์ อายุ 13 ปี บุตรสาว นางสุภาพร ที่ผมร่วงหมดทั้งศีรษะ กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังผมร่วงเพื่อนๆ บางคนก็ล้อเลียนว่าป่วยเป็นโรคร้ายต่างๆ นานา ทำให้บางครั้งไม่อยากไปโรงเรียนและพบเพื่อน แต่ปัจจุบันเพื่อนนักเรียนหลายคนเริ่มเข้าใจและเห็นใจ ซึ่งทุกวันที่ไปโรงเรียนและออกนอกบ้านต้องสวมหมวกคลุมศีรษะตลอดเวลาหลาย ครั้งรู้สึกท้อแท้กับปัญหาที่เกิดขึ้น จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบริษัทเจ้าของเครื่องกรองน้ำ แร่ได้ให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย ด.ญ.ทิพรัตน์ กล่าว
ข้อมูลจาก :