http://variety.teenee.com/world/72889.html
จอห์น ดิลลิงเจอร์ : สุภาพบุรุษจอมโจร
"โลกในฝันนั้นอาจแยกได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดี อะไรคือสิ่งไม่ดี เพราะเราสามารถจินตนาการในสิ่งที่ดีว่าเป็นสิ่งที่สวยสดงดงาม สิ่งที่ไม่ดีคือสิ่งที่ขยะแขยง แต่ถ้าเป็นโลกแห่งความจริงเราสามารถแยกความจริงได้หรือเปล่า กลับกันสิ่งที่ไม่ดีอาจได้รับความนิยมก็ได้ ความดีถูกมองในแง่ลบน่าขยะแขยงแทน และต่อไปนี้คือตัวอย่างที่ว่า จอมโจรที่ถูกสื่อมวลชนปั้นแต่งขึ้นให้ประชาชนมองเป็น "สุภาพบุรุษ","วีรุบุรุษ" ถึงแม้เขาจะฆ่าคน แต่ประชาชนชาวอเมริกันยังรักเขา เพราะเขาช่วยคนที่ตกทุกข์ได้ยาก และไม่รังแกคนที่อ่อนแอกว่าตัวเอง ในขณะที่ตำรวจบางคนรีดไถคนที่ไม่มีอันจะกิน ถึงได้เรียกกันว่า สุภาพบุรุษจอมโจร เขานี้แหละคือ "จอห์น ดิลลิงเจอร์ "
โดยเรื่องราวของเค้าเริ่มต้นขึ้น เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ.1903
ชื่อเต็มๆของเขาก็คือ จอห์น เฮอร์เบิร์ต ดิงลิงเจอร์ (John Herbert Dillinger) เป็นชาวอินเดียนาโปลิส เขาเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะแบบกลางๆ พ่อแม่ครอบครัวเขาก็พยายามส่งเขาเรียนอย่างเต็มที่โดยอาศัยรายได้จากการเปิดร้านขายของชำเล็กๆ แต่ไม่นานนักมารดาของเขาก็เสียชีวิตไปและพ่อก็ได้แต่งงานใหม่
ซึ่งเป็นปมให้จอห์นห่างเหินกับครอบครัว ทำให้เขาเริ่มกลายเป็นเด็กเก็บกดเล็กๆ ทำเรื่องเกเร เรื่องไม่ดี เช่น ขโมยสิ่งของ แต่ทุกครั้งที่เขาทำ เขาจะคำนึงถึงผู้อื่นก่อนเสมอ เขาจะไม่ขโมย หรือทำร้าย คนที่อ่อนแอกว่าเขา หรือลำบากกว่าเขา เพราะขวัญใจของเขาก็คือ จอมโจรชื่อดังในยุคโบราณ เจสซี เจมส์(Jesse James)
ด้วยการเป็นผู้ไม่มีการศึกษาและก่ออาชญากรรมมาตั้งแต่ยังเด็ก และมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เป็นเครือญาติกัน ทำให้ดิลลิงเจอร์ถูกจองจำในทัณฑสถานเยาวชน เมื่อพ้นออกมา ดิลลิงเจอร์ก่อคดีอาญาเป็นครั้งแรกด้วยการปล้นร้านขายของชำแห่งหนึ่ง และถูกจองจำในวันที่ 16 กันยายน 1924 หลังจากก่อคดีมา 10 วัน ด้วยโทษเป็นเวลา 10 ปี ในระหว่างนี้ทำให้ดิลลิงเจอร์ได้รู้จักกับอาชญากรมากมายในนั้น เมื่อพ้นโทษออกมาในกลางปี ค.ศ.1933 ดิลลิงเจอร์ก็สร้างชื่อเสียงด้วยการปล้นธนาคารใหญ่ๆ ถึง 11 ครั้ง ได้ยอดเงินรวม 3 แสนดอลลาร์สหรัฐ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนทั่วไปเสียชีวิตถึง 15 ราย และบาดเจ็บ 17 คน สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วประเทศ และหลายหน่วยงานของรัฐ เช่น เอฟบีไอ ถึงขนาดที่ เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ของเอฟบีไอ ประกาศผ่านทางวิทยุกระจายเสียงว่า เป็น "ศัตรูของรัฐอันดับหนึ่ง"
ดิลลิงเจอร์เคยถูกจับถึง 3 ครั้ง แต่ก็สามารถหลบหนีออกมาได้ทุกครั้งด้วยความช่วยเหลือของบรรดาลูกน้อง ในช่วงท้ายของการก่อคดี แก๊งค์ของดิลลิงเจอร์ขยายอิทธิพลในชิคาโก ในขณะที่เอฟบีไอก็ตั้งหน่วยงานขึ้นมาไล่ล่าเช่นเดียวกัน
ดิลลิงเจอร์ เสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 31 ปี เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ.1934 เมื่อเอฟบีไอวางแผนให้ดิลลิงเจอร์ไปชมภาพยนตร์กับผู้หญิงสาวสองคน เมื่อเสร็จแล้ว ในสถานการณ์หน้าโรงภาพยนตร์ ในรัฐอิลลินอยส์ ดิลลิงเจอร์เห็นถึงความผิดปกติ และพยายามหนี แต่ก็ไม่รอด เมื่อถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมด้วยกระสุนไปทั้งหมด 5 นัด ถูกเป้า 3 นัด
หลังจากดิลลิงเจอร์เสียชีวิตลงแล้ว แก๊งค์ของเขาก็ค่อย ๆ ถูกกำจัดลงเรื่อย ๆ เป็นอันปิดฉากตำนานอาชญากรลือชื่อของสหรัฐอเมริกา ในช่วงทศวรรษที่ 30 ถึงแม้ว่าดิลลิงเจอร์จะเป็นอาชญากร แต่ก็มีผู้คนส่วนหนึ่งชื่นชมเขาอยู่ไม่น้อย ถึงขนาดก่อตั้งเป็นชมรม และมีกิจกรรมไปเยี่ยมเยือนหลุมฝังศพของเขาเป็นประจำทุกปี.
เครดิต:
โพสโดย :OnTheWay (ทีมงาน TeeNee.Com)