http://www.toptenthailand.com/topten/detail/20141002135412734
อันดับ"ผี"สุดโหดที่โลกต้องจารึก!!
ขึ้นชื่อว่าผี หลายๆคนคงเชื่อว่ามันมีอยู่ได้ทุกที แต่!! ผีบางตัวกลับเลือกที่จะอยู่เฉยๆในโลกของพวกเขาไป บางตัวกลับเลือกที่จะออกมาก่อกวน สร้างความหวาดกลัว หรือหนักๆเข้าก็ถึงกับต้องเอาชีวิตมนุษย์เลยทีเดียว วันนี้ทางทีมงาน Toptenthailand จึงได้นำ 10 อันดับผีที่ว่ากันว่าโหดที่สุดในโลกมาให้ทุกคนได้หลอนไปพร้อมๆกัน
ปรากฏการณ์แม่มดเบลล์ (The bell witch)
ณ เมืองอดัมส์ มลรัฐเทนเนสซี อเมริกา
ใน ปี ค.ศ.1817 ที่แห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวมความหลอนที่สุดในอเมริกา ทำเอาผู้คนทุกสารทิศพากันหลั่งไหลมาชม รวมไปถึงประธานาธิบดี!! ที่แต่ละครั้งก็ไม่ได้ทำให้หลายคนผิดหวัง โดยว่ากันว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากหญิงชราชื่อ เคท แบทส์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของครอบครัวเบลล์ เธอเจ็บแค้นมากที่ครอบครัวนี้ โกงเธอในการซื้อขายที่ดิน ดังนั้นก่อนตายเธอได้สาปแช่งว่าถ้าเธอเป็นผีเธอจะตามจองล้างจองผลาญบ้านนี้ตลอดไป
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาครอบครัวของเบลล์ต้องเจอกับเรื่องสยองมากมาย ทั้งข้าวของแตกกระจาย เข็มทิ่มตามร่างกาย นมหกเลอะเทอะ ดึงผ้าคลุมจากเตียง การทุบตี แถมเสียงหัวเราะสยองแกล้งแบบสะใจ แม้กระทั่งตอนสมาชิกในครอบครัวตายผีตนนี้ยังไม่วายที่จะแสดงอิทธิฤทธิ์ หัวเราะร้องเพลงอย่างเริงร่าและดังยาวนานจนผู้ร่วมพิธีศพคนสุดท้ายออกจากงานฝังศพ แม้ทุกวันนี้ครอบครัวเบลล์จะหมดรุ่นไปแล้วเกือบ 200 ปี ก็ตาม แต่วิญญาณยังปรากฏตัวอยู่ เนื่องจากมีผู้พบเห็นปรากฏการณ์แปลกๆ อยู่บ่อยครั้ง
ขอบคุณรูปจาก http://www.paranormalhaze.com/the-real-bell-witch-of-tennessee/
ผีที่บ้านเลขที่ 50 เบิร์กเลย์สแควร์ (50 Berkeley Square)
ณ บ้านเลขที่ 50 เบิร์กเลย์ สแควร์ กรุงลอนดอน
ไม่มีใครรู้ถึงตำนานของที่นี่ ว่ามีผีโกรธแค้นอะไรใครอยู่รึเปล่าแต่หลายคนแล้วที่ได้สังเวยชีวิตไว้ที่บ้านหลังนี้ เช่นในปี 1887 กะลาสีสองคนชื่อเอ็ดเวิร์ด บลันเดนและโรเบิร์ต มาร์ติน ได้อาศัยบ้านหลังนี้พักชั่วคราวและต่อมากลางคืนบลันเดนก็พบเห็นผี และสู้กับมัน ส่วนมาร์ตินหนีออกมาเพื่อแจ้งตำรวจและเมื่อกลับมาก็พบบลันเดนตายอยู่ตรงบันไดชั้นล่างในสภาพคอหัก ดวงตาเบิกโพลง นอกจากนั้น จอร์จ แคนนิ่ง นายกรัฐมนตรีอังกฤษเองก็เสียชีวิตที่นี่ในปี 1827 ปัจจุบันคนแถวๆนั้นมักจะได้ยินเสียงทุบฝาผนังบ่อยๆในตอนกลางคืน
ขอบคุณรูปจาก http://www.telegraph.co.uk/expat/expatpicturegalleries/9635484/Haunted-London-places-to-visit-at-Halloween.html?frame=2380084
บ้านอมิตี้วิลล์ (Amityville House)
ณ บ้านเลขที่ 112 โอนอเวนิว อเมริกา
บ้านหลังนี้ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1924 แต่เมื่อ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 เกิดการฆาตกรรมหมู่ครอบครัวหนึ่งจากนั้นเป็นต้นมาที่นี่ก็กลายเป็นบ้านผีดุไปในบัดดลโดยที่โด่งดังที่สุดคือกรณีของ ครอบครัวของจอร์จ ลัทซ์ที่อาศัยอยู่บ้านหลังนี้และพบเหตุการณ์ประหลาดแทบทุกคืนไม่ว่าจะเป็น เสียง รอยเท้า และผีอำ นอกจากนั้น ไม่ว่าใครจะเอาเรื่องนี้มาแต่งเป็นนิยายหรือทำเป็นหนังจะโดนคำสาป เห็นได้จาก เคยมีคนนำเรื่องอมิตี้วิลล์มาสร้างหนังปรากฏว่าหลายคนในกองถ่ายต่าง ประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ลึกลับ เจ็บไข้ ได้ป่วย หรือแม้กระทั่งตายอย่างลึกลับ!!
ขอบคุณรูปจาก http://www.historyvshollywood.com/reelfaces/amityville-ghost-boy.php
เดอะ ฟลายอิ้ง ดัชท์แมน (Flying Dutchman)
ณ แหลม Good Hope ฮอลแลนด์ และท้องทะเลทั่วโลก (ไทยก็เคยเจอ)
เป็นเรือปีศาจที่มักปรากฏให้เห็นบ่อยๆ ทั่วโลก ซึ่งจริงๆมันคือเรือ Flying Ducthman เป็นของกัปตัน Van Der Deckenที่นิสัยไม่ดี โดยเขาหายสาบสูญที่แหลม Good Hope ก่อนจะหายไปได้ตะโกนขึ้นว่า "ข้าจะยังคงวนเวียนอยู่ที่แหลมแห่งนี้ ถึงแม้ว่าข้าจะต้องล่องเรือจนถึงวาระสุดท้ายของโลกก็ตาม" และนับจากนั้นเป็นต้นมาผู้คนทั่วโลกก็พบเรือปีศาจแบบนี้อยู่บ่อยๆ ว่ากันว่าใครที่เห็นเจ้าเรือนี้จะได้รับความพินาศ ในปี 1881 คนประจำเรือเจ้าชายจอร์จที่ 5 เห็นเรือนี้ จากนั้นไม่นานเขาก็พลัดตกเสากระโดงเรือตาย
ขอบคุณรูปจาก http://disney.wikia.com/wiki/Flying_Dutchman
วิญญาณที่โบสถ์บอร์ลีย์ (Borley Rectory)
ณ กรุงลอนดอนทางตะวันออกเฉียงเหนือ 60 ไมล์ แถบชานเมืองเอสเซกซ์ (ปัจจุบันโดนทุบทิ้งแล้ว)
เมื่อปี ค.ศ.1362 นักบวชนิกายเบเนดิกทีนและแม่ชีจากสำนักชีในละแวกนั้นถูกพ่อมดหมอผีและชาวบ้านที่งมงายไปฆ่าโดยนักบวชถูก แขวน คอส่วนแม่ชีถูกฝังทั้งเป็นภายในผนังของสำนักชี ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นโบสถ์แห่งบอร์เลย์ในปี 1863 หลังจากนั้นเหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นก้อนหินที่ขว้างไปโดยไม่รู้ที่มา รอยเท้าประหลาด เสียง และภาพหลอนขนาดปรากฏตัวในตอนกลางวันแสกๆ เลยก็มี โดยปี 1929 เธอปรากฏตัวถี่ขึ้นและเริ่มเห็นเต็มตัวโดยในลักษณะแต่งกายเป็นชีและท่าทางใบหน้าเศร้าหมองร้องขอให้นำศพเธอเพื่อประกอบ พิธี ทางศาสนา และมีผู้ถ่ายรูปเธอออกมาเพียบ จนกระทั่งคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1939 ก็เกิดเพลิงไหม้ตอนเที่ยงคืนและเผาโบสถ์จนเหลือเพียงซากและโบสถ์ก็โดนทุบทิ้งจนผีไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย
ขอบคุณรูปจาก http://www.bermuda-triangle.org/html/site_news.html
วิญญาณสีชาด
ขอบคุณรูปจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Henry_IV_of_France
วิญญาณ สีชาดตนนี้ไม่มีที่มา แต่มันสำแดงตนเสมอในช่วงเปลี่ยนกษัตริย์ของฝรั่งเศส เป็นร่างของชายสูงใหญ่ ใส่เสื้อคลุมสีชาด มีเครายาวสีชาด และร่างนี้ไปปรากฏต่อพระพักตร์ของกษัตริย์เฮนรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ในคืนที่ 13 พฤษภาคม 1610 ในห้องพระบรรทมเลยทีเดียว แล้วมันก็ กล่าวคำพยากรณ์ว่า "พรุ่งนี้เจ้าจะต้องตาย" พระองค์ตกใจมากและรีบเรียกตัวขุนนางผู้ใหญ่มาหารือเพื่อหาทางแก้ไข และอีก 12 ชั่วโมงต่อมากษัตริย์เฮนรีก็ถูกผลักตกจากบัลลังก์จริงตามคำพยากรณ์เพราะ ฟรองซัวราวิลแย็คทำการรัฐประหาร นอกจากนี้วิญญาณตัวนี้ยังสำแดงตนให้นโปเลียน โปนา ปาร์ตเห็นถึง 4 ครั้ง และครั้งที่ 4 คือคืนวันที่ 5 พฤษภาคม 1821 ก็เป็นวันตายของนโปเลียนนั้นเอง
ผีชุดขาวแห่งเบอร์ลิน (Ghost White of The Berlin)
ขอบคุณรูปจาก http://www.dek-d.com/board/view/2719695/
ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของอันนา ซิโดว์ ภรรยาลับของกษัตริย์โจอาคิมที่ 2 ในศตวรรษที่ 16 ที่ถูกจับขังจนถึงแก่กรรม ซึ่งใครก็ตามที่ได้เห็นวิญญาณ หญิงสีขาวเมื่อไหร่คนในราชวงศ์นั้นจะประสบเคราะห์กรรม เช่นปี 1619 มหาดเล็กของกษัตริย์จอร์น ซิกมุนด์เห็นร่างสีขาวก่อนที่จะตายโดยอุบัติเหตุ จากนั้นกษัตริย์จอห์น ซิกมุนด์ก็สวรรคต, นอกจากนั้นกษัตริย์หลายพระองค์ก็เห็นวิญญาณนี้ปรากฏที่รัสเซีย ปารีส และครั้งสุดท้ายที่ปรากฏคือวันที่ 29 เมษายน 1945 ซึ่งเป็นวันล่มสลายของนาซีเยอรมันที่เบอร์ลินพอดี!!
วิญญาณที่เรือควีนแมรี่ (Queen Mary)
ขอบคุณรูปจาก https://www.flickr.com/photos/alkanchaglar/4951662616/
ณ เรือควีนแมรี่ (ปัจจุบันถูกจอดไว้ที่เมืองลองบีช โดยดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ โรงแรม)
เรือที่ใหญ่มากลำหนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษ เคยถูกนำมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วถูกปลดระวางในปี 1967 เพื่อนำไปทำโรงแรม ซึ่งมีเรื่องเล่ากันว่าถ้าใครตายในเรือแมรี่ จะกลายมาเป็นผีเฝ้าเรือทุกตน โดยมีผู้พบเห็นผีนี้ตามจุดทั่วเรือในลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยเท้าที่เปียกน้ำ เด็กน้อยตามหาแม่และหายตัวไปต่อหน้า สตรีในชุดราตรีโบราณ!!
วิญญาณของพระนางแคทเธอรีน โฮวาร์ด (Catherine Howard)
ณ หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ
แม้พระนางแคทเธอรีน โฮวาร์ด จะโดนสำเร็จโทษหลังอภิเษกกับพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ได้เพียง 8 เดือน ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1542 แล้วก็ตาม แต่ระเบียงของพระราชวัง แฮมตัน คอร์ท พาเลส ทุกวันนี้ยังมีเสียงร้องโหยหวนในยามดึกเสมอ นอกจากนี้ยังว่ากันว่ามีวิญญาณสิงสู่อยู่ที่อีธอร์น มาเนอร์ ฮอลลิงบอร์น เค้นท์อีกด้วย!!
ขอบคุณรูปจาก http://conorbyrnex.blogspot.com/2012/11/the-birth-and-childhood-of-katherine.html
วิญญาณของพระนางแอนน์ โบลีน (Anne Boleyn the headless Queen)
ณ หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ
พระเจ้าเฮนรีที่ 8 นี้ช่างเป็นต้นเหตุสร้างเรื่องสยองจริงๆ เมื่อพระนางแอนน์ โบลีนพระมเหสีองค์ที่สองถูกสำเร็จโทษ 19 พฤษภาคม ปี 1536 โดยก่อน ตาย นางกล่าวว่า "โอ้ ความตาย นำข้าให้หลับใหล พาข้าให้พักอย่างเงียบสงัด นำข้าไปสู่ผี..ที่สุดแสนจะเงียบงัน ออกไปจากอกของข้าที่ห่วงหาอาทร ย่ำระฆังความตายที่เศร้าสร้อย ปล่อยให้มันก้องกังวาน"
ว่ากันว่าวิญญาณของพระนางจะกลับมาที่ บลิคลิง ฮอลล์ ในนอร์ฟอล์ค ในวันครบรอบที่พระนางถูกสำเร็จโทษ ซึ่งสถานที่แห่งนั้นพระนางเคยใช้ ชีวิต ในวัยเยาว์ โดยผู้คนมักเห็นร่างของหญิงสูงศักดิ์ปราศจากศีรษะ นั่งอยู่ในรถม้าที่ลากโดยม้าที่ปราศจากหัวสี่ตัว และคนขับซึ่งไม่มีหัวเช่นกัน รถม้าจะวิ่งช้าๆ ไปยังอาคารโบราณที่บลิงตันและ หายลับไปยังประตูหน้า โดยผู้ใดที่อยู่ตรงข้ามพระนางจะพลอยได้พบหายนะไปด้วย ใครพบเจอคนนั้นอาจหัวใจวายตายในเวลาไม่นาน ไม่ก็เสียสติ
ขอบคุณรูปจาก http://www.flagfrog.com/