ก็อตซิลล่า สัตว์ประหลาดขวัญใจมหาชน
ไม่ ว่าเด็กรุ่นใหม่หรือเด็กรุ่นเก่า หรือไม่ว่าจะผ่านวัยเด็กมานานแค่ไหน เมื่อพูดถึงก็อตซิลล่า ทุกคนต่างหนึ่งถึงหนังสัตว์ประหลาดของประเทศญี่ปุ่น ที่มีสัตว์ขนาดยักษ์ดูเหมือนไดโนเสาร์ผุดขึ้นมาจากท้องทะเล เข้ามากระทืบตึกรามบ้านช่องเล่นแก้เซ็ง แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานนับตั้งแต่เจ้าก็อตซิลล่าถือกำเนิดขึ้นมาจนบัดนี้ นับอายุได้ ๕๑ ปี ใกล้วัยเกษียณเต็มทน แต่เจ้าก็อตซิลล่าก็คงยังเป็นสัญลักษณ์ของการทำลายล้างอยู่เช่นเดิมไม่ เปลี่ยนแปลง
แม้ เจ้าตัวจะชอบลุกขึ้นมาเหยียบบ้านเมืองเล่นเป็นอาจิณ แต่คนญี่ปุ่นกลับไม่ได้มองก็อตซิลล่าเป็นพวกปีศาจร้าย แต่กลับให้ความเอ็นดูราวกับมันเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของประเทศเลยทีเดียว
ก็อตซิลล่า : Godzilla เกิดจากไอเดียของ โทโมยูกิ ทานากะ โปรดิวเซอร์แห่ง โตโฮภาพยนตร์ (ภาพข้างๆ นี่แหละ) บริษัทผลิตภาพยนตร์ชื่อดังของญี่ปุ่น (เจ้าเดียวกับที่ทำยอดมนุษย์อุลตร้าแมนกับคุณสมโพธิ แสงเดือนฉาย) ที่คิดจะสร้างหนังเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาที่ออกมาสร้างความหายนะให้แก่เกาะญี่ปุ่น โดยใส่ที่มาไว้ว่าสัตว์ประหลาดที่ว่านี้เกิดจากการกลายพันธุ์หลังจากที่ได้ รับละอองกัมมันตภาพรังสี พล็อตเรื่องคร่าวๆ ถูกวางไว้เสร็จสรรพแต่ทานากะก็ยังหาชื่อที่เหมาะกับเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ ไม่ได้ซักที
อยู่ มาวันหนึ่งเพื่อนๆ ของทานากะที่โตโฮก็คุยกันถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทคนหนึ่ง ที่มีรูปร่างอ้วนตุ๊ต๊ะ จนใครต่อใครเก็บเอามาล้อเล่นกันอย่างสนุกสนานว่า Gojira คือการเล่นคำโดยเอาคำว่า Golira ที่หมายถึงลิงกอลิร่า มาผสมกับคำว่า Kujira ที่แปลว่าปลาวาฬ ซึ่งก็หมายถึงว่าเป็นลิงกอลิร่าที่ใหญ่เท่าปลาวาฬ พอทานากะได้ยินเรื่องนี้ก็ปิ๊งขึ้นมาทันทีแล้วก็เลยเอาชื่อนี้มาเป็นชื่อของ สัตว์ประหลาดที่เขาคิดขึ้น
บท หนังในฉบับแรกๆ ของโกจิร่าก็ไม่มีอะไรซับซ้อนนัก คือกล่าวถึงสัตว์ประหลาดที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาจากอ่าวโตเกียวแล้วก็ขึ้นฝั่งกระทืบๆ เหยียบๆ ทำลายตึกรามบ้านช่องจนสาแก่ใจ พอหายเซ็งมันก็กลับลงทะเลไปนอนต่อ แต่ก่อนหน้านั้นก็จะแทรกเรื่องราวการร่วมมือร่วมใจของมวลมนุษย์ที่จะต้องขับไล่เจ้าโกจิร่านี้กลับถิ่น ที่อยู่ของมัน ก็เป็นโอกาสให้ใส่เนื้อหาเกี่ยวกับความรัก ความสามัคคี หรืออะไรต่อมิอะไรที่พอจะนึกออก พอในตอนต่อๆ มาก็เริ่มใส่เรื่องราวที่จริงจังมากขึ้นรวมถึงมีการเพิ่มตัวละครจำพวกสัตว์ ประหลาดต่างๆ ออกมาต่อกรกับโกจิร่าอย่างสนุกสนาน
การ ที่ทานากะปูพื้นให้โกจิร่ากำเนิดขึ้นมาจากผลของกัมมันตภาพรังสีนั้นนับว่า ส่งผลดีไม่น้อย เพราะนอกจากจะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของนิวเคลียร์ซึ่งมันก็เป็น สิ่งที่คนญี่ปุ่นประสบมากับตนเองเมื่อครั้งสงครามโลก และก็ไม่เพียงแต่ญี่ปุ่นเท่านั้น ทั้งโลกต่างก็พร้อมใจกันต่อต้านนิวเคลียร์ มันก็เหมือนกันเป็นการประสานใจกันของคนทั้งโลก อีกทั้งยังได้ผู้กำกับอย่าง อิจิโร ฮอนดะ ที่มีประสบการณ์โดยตรงกับสงครามโลกครั้งที่สอง จึงทำให้หนังโกจิร่าในยุคนั้นสะท้อนความหายนะของบ้านเมืองออกมาบนแผ่นฟิล์ม ได้อย่างน่าชม (ถ้าจะเปรียบเทียบ โกจิร่า ก็คือ อเมริกา ที่ทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มฮิโรชิม่าและนางาซากิจนราบ)
ในที แรกทานากะคิดว่าจะใช้เทคนิคสต็อปโมชั่นมาใช้เหมือนกับที่ฮอลลิวู้ดใช้จน ประสบความสำเร็จกับ King Kong แต่ว่าต้องใช้งบประมาณสูงมาก ทานากะเลยแก้ปัญหาง่ายๆ โดยใช้คนสวมชุดหุ่นยางเล่นเป็นโกจิร่ามันซะเลย ไอจิ สึบูรายะ และ อิจิโร ฮอนดะ ทีมงานผู้ออกแบบก็เลยออกแบบทำหุ่นจำลองออกมาให้ทานากะเลือกอยู่สิบกว่าแบบ จนมาลงตัวที่สัตว์ประหลาด รูปร่างคล้ายๆ ไดโนเสาร์ แต่ตัวอ้วนเทอะทะกว่า มีครีบสามแถวที่หลัง หางขนาดใหญ่ หน้าทู่ๆ ดูไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ จะดูเป็นกิ้งก่าก็ไม่ใช่ จะเป็นเต่าก็ไม่เชิง เหมือนกับเอาสัตว์หลายๆ ชนิดมาผสมกันมากกว่า แต่ที่สุดแล้วโกจิร่าก็ถือกำเนิดขึ้นในแบบที่เราคุ้นเคยกันดีมาจนถึงเดี๋ยว นี้
โกจิร่าและผองเพื่อนกับทีมงานผู้ สร้าง
จากซ้าย ซาดามาสะ อาริคาว่า, อิจิโร่ ฮอนดะ, ไอจิ สึบูรายะ
และ โทโมยูกิ ทานากะ ผู้ให้กำเนิดโกจิร่า
โกจิ ร่าฉบับเริ่มต้นนั้นสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ๑๙๕๔ ท่ามกลางอุปสรรคมากมาย เริ่มจากตัวโกจิร่าเองที่แสนจะเทอะทะ โดยใช้วิธีหล่อยางจากแม่พิมพ์เป็นส่วนๆ เช่นแขน ขา หาง ลำตัว มาเอาสวมให้นักแสดง จากนั้นก็ยัดโฟมเข้าไปข้างในเพื่อให้ดูอ้วนไม่ลีบแบน เสริมความแข็งแรงด้วยโครงไม่ ไผ่ เย็บติดรอยต่อต่างๆ ด้วยผ้า ตรงด้านหลังบริเวณครีบทำเป็นซิปเปิดปิดเพื่อให้นักแสดงออกมาได้ โกจิร่าในเวอร์ชั่นแรกจึงออกมาดูแข็งๆ ขยับเขยื้อนไม่คล่องแคล่วและยังไม่สามารถแสดงท่าทางและสีหน้าออกมาได้มากนัก แต่งานหนักจริงๆ อยู่ที่ตัวนักแสดงที่ต้องทนร้อนและอึดอัดอยู่ในชุดโกจิร่าที่หนักเกือบร้อย กิโล! สวมใส่แสดงครั้งนึงได้ไม่เกินสามนาที (ยังกะมนุษย์อุลตร้า) ก็ต้องถอดออดมาพัก แม้ว่าตัวชุดจะมีช่องระบายอากาศแต่ก็ไม่เพียงพอ ทีมงานจึงใช้วิธีถ่ายแบบสโลว์โมชั่น (มันจะได้ยืดกินเวลานานๆ) เพื่อจะได้ลดความไม่สมจริงของโกจิร่า จนสุดท้ายโกจิร่าก็ออกฉายจนได้ โดยสิ้นงบประมาณไป ๖๐ ล้านเยน ซึ่งถือว่ามหาศาลมากในยุคนั้น
โกจิ ร่ากลายเป็นของแปลกใหม่สำหรับคอหนังชาวญี่ปุ่น มันได้รับการต้อนรับอย่างดีทั้งจากเด็กๆ และผู้ใหญ่ จนมีการสร้างภาคต่ออกมามากมาย และด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น โกจิร่าก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลยก็คือพวกเขายังคงใช้คนแสดงโดยสวมชุดยางอยู่เช่น เดิม
ใบปิดหนังโกจิร่าฉบับแรก ออกฉายปี ๑๙๕๕
ต้องต่อสู้กับตัวประหลาดๆ มากมาย อย่างในภาพเป็นการต่อสู้แบบสามรุมหนึ่ง
ในภาค ต่อๆ มาของโกจิร่า ผู้สร้างได้เพิ่มมิติให้กับเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้มากขึ้น ไม่ใช่สักแต่ขึ้นมาถล่มเมืองเล่นเฉยๆ พวกเขาเพิ่มมุมมองในด้านของความอ่อนโยนของโกจิร่า อย่างเช่นมีบางตอนที่มีโกจิร่าน้อยโผล่ขึ้นมา หรือสัญชาตญาณในการปกป้องถิ่นฐาน (ก็คงไม่พ้นการสอนให้คนญี่ปุ่นรักชาติและบูชาลัทธิบูชิโดนั่น แหละ) อย่างบางตอนที่มีสัตว์ประหลาดหน้าตาแปลกๆ โผล่ออกมาต่อกรกับโกจิร่า ซึ่งคราวนี้ศัตรูของมนุษยืไม่ใช่โกจิร่าเสียแล้ว แต่เป็นสัตว์ร้ายรับเชิญที่ออกมาอาละวาด ไม่ว่าจะเป็น กาเมร่า (เต่ายักษ์) คิงงิโดร่า (มังกรสามหัว) หนอนยักษ์ มอธยักษ์ และตัวอะไรอีกมากมาย กลายเป็นว่าเจ้าโกจิร่าต้องออกมาปกป้องถิ่นฐานคือเกาะญี่ปุ่น ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ทั้งของมันเองและมนุษย์ไปพร้อมๆ กัน (ประมาณว่าใครจะมาแย่งตูถล่มตึกไม่ได้เฟ้ย) เราจึงได้เห็นมนุษย์คอยเอาใจช่วยโกจิร่า ทั้งที่ตอนก่อนๆ เพิ่งสาบส่งมันอยู่แท้ๆ หรือบางตอนถึงกับเรียกหาโกจิร่าเลยด้วยซ้ำ
โกจิ ร่าถูกสร้างขึ้นมาหลายสิบตอนและกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น มันถูกแปรรูปกลายเป็นสินค้าต่างๆ มากมาย บรรดาผู้นิยมมอนสเตอร์ทั้งหลายต่างต้องการมีสะสมไว้ในคอลเล็คชั่น จนถึงกับยกให้มันเป็น King of Monster เลยทีเดียว นอกจากจะเป็นโกจิร่าในรูปแบบที่เห็นกันในหนังแล้วก็ยังมีในรูปแบบน่ารักๆ ออกมาล่อตาล่อใจบรรดาวัยรุ่นได้เสียอีก
กว่า ครึ่งศตวรรษที่โกจิร่าได้ออกมาไล่ถล่มเกาะญี่ปุ่นเล่นมันก็ข้ามไปถึงฝั่ง อเมริกา ในปี ๑๙๙๘ โกจิร่าหรือก็อตซิลล่าในฉบับฮอลลิวู้ดมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาไปจนจำ แทบไม่ได้ จากที่เป็นตัวอ้วนๆ อุ้ยอ้าย แม้จะท่าทางดุร้ายแต่หน้าตากลับดูน่าเอ็นดูเสียอีก ก็เปลี่ยนเป็นก็อตซิลล่าที่ตัวใหญ่กว่าเดิม ผอมเพรียวคล่องแคล่วกว่าเดิม ท่าทางที่ดุร้ายมากขึ้น และดูยังไงๆ ก็เหมือนเอาทีเร็กซ์มาผสมกับแร็พเตอร์ ในฉบับฮอลลิวู้ดเจ้าก็อตซิลล่ายังคงถือกำเนิดจากผลของกัมมันตภาพรังสีจากการ ทดลองนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส (ตรงกับเหตุการณ์ในตอนนั้นพอดี) แล้วเธอก็บุกขึ้นเกาะแมนฮัต ตันเพื่อหาที่วางไข่ (เจ้าตัวนี้เป็นตัวเมีย) ซึ่งไม่มีการใส่ชุดยางเหมือนของญี่ปุ่น แต่ใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งเรื่อง จึงดูเนียนตาและสมจริงอย่างมากและก็สร้างเอฟเฟคต์ระเบิดตูมตามทำลายล้างได้ อย่างถึงในพระเดชพระคุณ
โกจิร่ายุคใหม่ นำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ประกอบทำให้ดูเนียนตาขึ้นกว่าเดิมเยอะ
เข้า สู่ยุค ๒๐๐๐ ทีมผู้สร้างจากญี่ปุ่นเริ่มหันมาใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์มากขึ้น ทำให้เกิดภาพที่สวยงามและดูเนียนมากกว่าสมัยที่ใส่ชุดยาง แม้ว่าจะมีหนังสัตว์ประหลาดสร้างขึ้นมามากมาย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร โกจิร่า หรือ ก็อตซิลล่า ก็ยังคงเป็นขวัญใจของชาวญี่ปุ่น หรืออาจจะรวมถึงคอหนังทั้งโลกและจะยังคงครองตำแหน่งนี้ต่อไปอีกนาน แสนนาน