หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบว่า เด็กสาวในโลกเรานี้มากเกือบ 4 ล้านคน ต้องผ่านการทำพิธีสุดโหดที่เรียกว่า "รีดหน้าอก" อีกทั้งยังมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนน่าเป็นกังวล โดยพิธีรีดหน้าอกนี้ กระทำโดยการนำหินก้อนใหญ่ ๆ ค้อน หรือไม้พาย ไปเผาไฟให้ร้อน จากนั้นนำมานาบกับเต้านมของพวกเธอ เพื่อทำให้สรีระดูไม่เหมือนผู้หญิงมากที่สุด ขณะที่บางครอบครัวที่มีฐานะดีกว่า ก็จะเลือกใช้ผ้าซึ่งมีลักษณะคล้ายเข็มขัดรัดที่หน้าอกให้แบนลงไป
พิธีนี้มีจุดประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้หน้าอกของหญิงสาวอายุตั้งแต่ 11-15 ปี ใหญ่โตขึ้น โดยต่างเชื่อว่าหน้าอกเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ทางเพศของผู้หญิง อันจะเป็นตัวกระตุ้นความต้องการทางเพศของผู้ชาย จนเป็นเหตุให้เกิดการท้องก่อนแต่งและเรียนไม่จบ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าพิธีดังกล่าวจะช่วยปกป้องเด็กสาวจากการถูกข่มขืนและภัยคุกคามทางเพศด้วย
โดยเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2558 เว็บไซต์เดลี่เมล ได้เปิดเผยรายงานอันน่าตกใจจากองค์การสหประชาชาติ ว่า ในปัจจุบัน พิธีการรีดหน้าอกเริ่มแพร่หลายไปยังหญิงทั่วโลกกว่า 3.8 ล้านคนแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่แถบประเทศแคเมอรูน ไนจีเรีย และแอฟริกาใต้ และยังน่าตระหนกกว่าเดิมเมื่อได้ทราบว่า กว่า 58 เปอร์เซ็นต์ของผู้ทำพิธีการโหดนี้ เป็นแม่ของบรรดาเด็กสาวเองทั้งนั้น
ในปัจจุบันมีกลุ่มหญิงที่เคยผ่านพิธีรีดหน้าอก (FGM) ออกมารวมตัวกันต่อต้าน พร้อมทั้งยังแสดงความคิดเห็นว่า พิธีนี้เป็นการกระทำอันโหดร้ายที่ซ่อนมาภายใต้คำว่า วัฒนธรรม ประเพณี และศาสนา แต่แท้จริงแล้วเป็นการทารุณเพศหญิงและฝืนรูปร่างตามธรรมชาติ ซึ่งมั่นใจว่าไม่เกิดผลดีต่อร่างกายอย่างแน่นอน
นอกจากนี้มูลนิธิผู้หญิงในกรุงลอนดอนและองค์กรพัฒนาเพศหญิง ยังได้มีการประสานงานร่วมไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศูนย์บริการเพื่อสังคม สุขภาพ และโรงเรียน เพื่อช่วยเพิ่มความตระหนักกลัวในความรุนแรงของพิธีการรีดหน้าอกนี้ เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วพิธีกรรมนี้จะถูกปิดเป็นความลับระหว่างแม่และลูกสาว แม้กระทั่งพ่อเองก็ยังไม่ทราบ ส่วนตัวเด็กก็เชื่อว่าสิ่งที่แม่ทำเป็นสิ่งที่ดี จึงไม่ได้ร้องเรียนใด ๆ จนเป็นปรากฏการณ์เช่นนี้เรื่อยมา
นอกจากเหตุผลด้านความรุนแรงแล้ว พิธีกรรมรีดหน้าอก ยังเป็นการทำให้เด็กสาวเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค อันเป็นที่มาของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง อาทิ โรคมะเร็ง ฝี อาการคัน น้ำนมไหล ติดเชื้อ และเต้านมพิการ ซึ่งเด็กสาวส่วนใหญ่ที่ผ่านการทำพิธีมักจะเกิดก้อนซีสต์ เต้านมติดเชื้อ ไข้ขึ้นสูง เนื้อเยื่อถูกทำลาย หรือแม้กระทั่งเต้านมทั้งข้างหนึ่งหรือสองข้างหายไปอย่างถาวร
กลุ่มหญิงและองค์กรเหล่านี้ต้องการออกมาเรียกร้องให้หยุดพิธีการโหดร้ายเช่นนี้กับเด็กสาว เพราะบาดแผลจากการทารุณนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลทางด้านร่างกาย แต่ยังกระทบต่อด้านสังคมและสุขภาพจิตของตัวเด็กสาวเองด้วย
เครดิตภาพประกอบจาก Gildas Paré