๑ .สมัยก่อนอยุธยา
ดินแดนอันเป็นที่ตั้งประเทศไทยปัจจุบัน เดิมคือ อาณาจักรสุวรรณภูมิ เป็นถิ่นเดิมของชาวลวะ หรือละว้า ยกเว้นดินแดนทางภาคใต้ซึ่งเป็นอาณาเขตของชาติมอญ อาณาจักรสุวรรณภูมิ แบ่งแยกอำนาจการปกครองออกเป็น 3 อาณาเขต คือ
อาณาเขตทวาราวดี มีเนื้อที่อยู่ในเขตตอนกลางบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาแผ่ออกไปจากชายทะเล ตะวันตกของอ่าว ไทยจนถึงชายทะเลตะวันออก มีเมืองนครปฐม เป็นราชธานี
อาณาเขตยาง หรือโยนก อยู่ตอนเหนือ ตั้งราชธานีอยู่ที่เมืองเงินยาง
อาณาเขตโคตรบูรณ์ ดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง มีเมืองนครพนมเป็นราชธานี
๒. สมัยกรุงศรีอยุธยา
เมืองนครพนม ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ พอจะรวบรวมได้ความว่าเป็นเมืองสืบเนื่องมาจาก อาณาจักรโคตรบูรณ์ ซึ่งเดิมอยู่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง และได้ย้ายมาตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ในราวรัชกาล สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชอาณาจักรโคตรบูรณ์ เป็นแคว้นหนึ่งในลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งในสมัยนั้นมีแคว้นต่าง ๆ ตั้งอยู่ลุ่มฝั่งแม่น้ำโขงหลายแคว้น เช่น แคว้นสิบสองจุไทย แคว้นล้านช้าง แคว้นท่าเวียงจันทน์ แคว้นโคตรบูรณ์ แคว้นจำปาศักดิ์ เป็นต้น แต่ละแคว้นมีเจ้านคร เป็นผู้ปกครอง
ส่วนตำนานของเมืองโคตรบูรณ์นั้น จากหลักฐานในพงศาวดารเหนือคำให้การของชาวกรุงเก่า พงศาวดารและ เรื่องราวทางอีสาน เขียนเป็นข้อความพาดพิงคล้ายคลึงกับเป็นนิทานปรัมปราสรุปได้ความว่า พระยาโคตรบองมีฤทธิ์ใช้กระบองขว้างพระยาแกรก ผุ้มีบุญซึ่งขี่ม้าเหาะมา ขว้างไม่ถูกจึงหนีไปได้ธิดาพระเจ้าลานช้าง บางฉบับก็ว่าพระยาโคตรบองมาจากลพบุรีบ้าง มาจากเวียงจันทร์ มาจากเมืองระแทงบ้าง มาจากเมืองสวรรค์บุรีบ้าง แต่ในฉบับให้การของชาวกรุงเก่ากล่าวว่า พระยาโคตรบองเป็น โอรสพระร่วง หนีมาจากกรุงสุโขทัย ได้มาครองเมืองลานช้าง ซึ่งสันนิษฐานว่าคงจะได้กับธิดาพระเจ้าเวียงจันทน์ แล้วพระราชธิดา จึงให้มาครองเมืองโคตรบูรณ์ เป็นเมืองหลวงขึ้นแก่นครลานช้าง
แต่อีกฉบับเขียนไว้ทางภาคอีสานว่า ครั้งหนึ่งพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต มีพระราชประสงค์จะให้ราชบุตรองค์หนึ่ง พระนามว่า เจ้าโคตะ (คงเป็นราชบุตรเขย) ครองเมือง จึงได้สร้างเมือง ๆ หนึ่งที่ปากน้ำหินบูน (ตรงข้ามอำเภอท่าอุเทนในปัจจุบัน) ให้ชื่อเมืองศรีโคตรบูรณ์ เป็นเมืองเวียงจันทร์ ตั้งให้เจ้าโคตะเป็นพระยาศรีโคตรบูรณ์ สืบเป็นเจ้าครองนครมาได้หลายพระองค์ จนถึงพระองค์ที่มีฤทธิ์ด้วยกระบอง จึงได้พระนามว่าพระศรีโคตรบอง และได้ย้ายเมืองมาตั้งที่ป่าไม้รวก ห้วยศรีมังริมฝั่งแม่น้ำโขง ฝั่งซ้าย (คือเมืองเก่าใต้เมืองท่าแขกในปัจจุบัน) เมื่อพระยาศรีโคตรบองถึงแก่กรรม เจ้าสุบินราชโอรสพระยาศรีโคตรบองครอบครองนคร สืบแทนว่าพระยาสุมิตรธรรมราช เมื่อถึงแก่อนิจกรรม เจ้าโพธิสารราชโอรสครองนครสืบแทน อำมาตย์ได้ ผลัดเปลี่ยนกันรักษาเมือง
จนถึงปีพุทธศักราช 2286 เจ้าเมืองระแทงให้โอรส 2 พระองค์ เสี่ยงบั้งไฟองค์ละกระบอง ถ้าบั้งไฟของใครไปถูกที่ใด จะสร้างเมืองให้ครอง บั้งไฟโอรสองค์ใหญ่ไม่ติดจึงได้เมืองระแทงแทน บั้งไฟองค์เล็กถูกที่ห้วยขวาง (เวลานี้เรียกว่าเมือง เซบั้งไฟ) ใกล้เมืองสร้างก่อและคง เชียงซอนจึงดำรัสสร้างเมืองที่นั่น แต่อำมาตย์คัดค้านว่าทำเลไม่เหมาะสม ประจวบกับขณะนั้นผู้ครอง นครศรีโคตรบูรณ์ว่างอยู่ อำมาตย์จึงเชิญเจ้าองค์นี้ขึ้นครองนครโดยมีพระนามว่า พระยาขัตยวงษาราชบุตร มหาฤาไชยไตรทศฤาเดช เชษฐบุรี ศรีโคตรบูรณ์หลวง ได้ซ่อมแซมบ้าน เมือง วัด จนถึงพุทธศักราช 2297 จึงพิราลัย เจ้าเอวก่านขึ้นครองนครแทน มีพระนามว่า พระบรมราชา ทรงครองนครศรีโคตรบูรณ์ได้ 24 ปี จึงพิราลัย เมื่อพุทธศักราช 2321 ท้าวคำสิงห์ราชบุตรเขยพระบรมราชา ได้นำเครื่อง บรรณาการไปถวายพระเจ้าเวียงจันทน์ พระเจ้าเวียงจันทน์โปรดให้ ท้าวคำสิงห์ครองเมืองโคตรบูรณ์แทนพระบรมราชาและมีพระนามว่า พระนครานุรักษ์ ผู้ครองนครนี้เห็นเมืองศรีโคตรบูรณ์ มิได้ตั้งอยู่ที่ปากน้ำหินบูนอย่าท่าท่อน(คือขณะนี้ตั้งอยู่ที่เมืองเก่าใต้ เมือง ท่าแขกปัจจุบัน) จึงให้เปลี่ยนชื่อเมืองเสียงใหม่ เรียกว่า มรุกขะนคร นามเมืองศรีโคตรบูรณ์จึงเลือนหายไปตั้งแต่นั้น