เรื่องสยองสุดโด่งดัง! อันเนลีส มิเชล ผีเข้านับปีจนตัวตาย

http://teen.mthai.com/variety/102213.html

เรื่องสยองสุดโด่งดัง! อันเนลีส มิเชล ผีเข้านับปีจนตัวตาย

วันหยุดวันสบายๆ แบบนี้เรามาพักผ่อนสมองคลายเครียดจากการเรียน-ทำงานกันหน่อยดีกว่า วันนี้ทีนเอ็มไทยมีเรื่องเล่าหรือจะเรียกว่าเป็นเรื่องจริงที่โด่งดังมากๆ ในต่างประเทศมาฝากค่ะ เกี่ยวกับหญิงสาวนามว่า “อันเนลีส มิเชล” เธอมีอาการเหมือนถูกผีเข้าสิง ซึ่งเธอเป็นคนแรกของโลกเลยก็ว่าได้ที่เห็นได้ชัดเจน เธอเป็นแบบนี้มานานเป็นปีๆ จนกระทั่งเสียชีวิตในที่สุด! นี่หรอคลายเครียด? เอาหน่ะ ลองอ่านกันดูก่อน แล้วเพื่อนๆ จะหยุดอ่านไม่ได้ เชื่อสิ

>,< เรื่องสยองสุดโด่งดัง! อันเนลีส มิเชล ผีเข้านับปีจนตัวตาย

                                                        

เรื่องราวแปลกๆ ลี้ลับ บนโลกนั้นมีเยอะมาก บางมีมานานก่อนเราจะเกิดซะอีก! นี่คือเรื่องราวของ “อันเนลีส มิเชล” นี้เป็นเรื่องจริงและรู้จักกันดี ในต่างประเทศ เธอมีอาการ “ผีเข้าสิง” ที่เห็นได้ชัดเจนมากๆ ถ้าดูจากรูปและคลิปเสียงของเธอ บอกเลยว่าน่าขนลุกสุดๆ! แต่บางคนก็คิดต่างว่า เธออาจจะแค่ ไม่สบาย ก็ได้ ..

อันเนลีส มิเชล (Anneliese Michel) เกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 1952 ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเยอรมนี เธอเป็นลูกคนที่ 2 ของโจเซฟกับอันนา มิเชล และมีพี่น้องผู้หญิงอีก 4 คน พ่อและแม่ของเธอเป็นคาธอลิกที่เคร่งครัดขนาดหนัก

ย้อนกลับไป ในปี 1948 ก่อนอันเนลีสเกิด 4 ปี อันนาเกิดตั้งท้องนอกสมรส สร้างความเสื่อมเสียให้วงศ์ตระกูลอย่างยิ่ง ว่ากันว่าครอบครัวถึงกับบังคับให้เธอสวมชุดดำเพื่อไว้ทุกข์ให้แก่ศีลธรรมของตนเองในวันแต่งงาน และนับจากวันนั้นเป็นต้นมาความรู้สึกผิดต่อบาปกรรมที่ทำไปในครั้งนั้นก็ไปตกอยู่กับ อันเนลีส ซึ่งเป็นลูกคนที่สอง

 

ครอบครัวมิเชล (อันนาลีส ยืนซ้ายสุด)

อันนาใช้ความผิดพลาดของตนเป็นบทเรียนสอนสั่งอันเนลีสให้ตระหนักถึงผลกรรมของการทำบาปไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งยังกระตุ้นให้ลูกสวดมนต์ ขอพร ชำระบาปอย่างสม่ำเสมอ โดยหวังว่ามันจะเป็นการล้างบาปให้ตนได้ ยิ่งเมื่อลูกสาวคนโตเสียชีวิตในอีกไม่กี่ปีต่อมา (ขณะนั้นอันเนลีสอายุได้ 4 ขวบ) ก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกผิดในหัวใจของอันเนลีสทวีคูณติดเป็นเงาตามตัว

ในช่วงวัยรุ่นขณะที่เด็กหนุ่มสาวกำลังเริงร่าอยู่กับเสรีภาพและสนุกสนานตามวัย อันเนลีสกลับต้องใช้เวลาทุกค่ำคืนหลับนอนบนพื้นหินแข็งๆ เพราะเชื่อว่านั่นจะเป็นการไถ่บาปแทนพวกจรจัด ติดยา บาปหนา ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปตามที่สาธารณะต่างๆ แม้ว่าตัวเธอเองจะไม่รู้จักกับคนพวกนั้นแม้แต่น้อย

           

ก่อนและหลังที่เกิดอาการ เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

จุดเริ่มต้นความทุกข์ทรมานที่เกิดกับอันเนลีส

ในปี 1968 อันเนลีสอายุได้ 16 ปี เธอเกิดอาการสั่นอย่างรุนแรง พ่อแม่ของเธอจึงตัดสินใจรักษาเธอโดยแพทย์สมัยใหม่ ซึ่งผลการวินิจฉัยระบุว่าเธอเป็นโรคลมบ้าหมูชนิดร้ายแรง เธอได้เข้ารับการรักษาแต่อาการของเธอก็ไม่ดีขึ้น ซึ่งตลอด 5 ปีหลังจากนั้น เธอเดินเข้าเดินออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น มียาหลายชนิดที่สั่งจ่ายให้เธอ (ยาบางตัวได้รับการวิเคราะห์ภายหลังการเสียชีวิตของเธอว่าก่อให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงต่อร่างกาย) แต่ไม่ว่าจะเป็นยาตัวไหนก็ไม่สามารถช่วยให้เธอหายขาดจากอาการชักได้เลย การแพทย์แผนปัจจุบันที่ล้มเหลวบวกรวมกับความเชื่อทางศาสนาที่เคร่งครัดอยู่เป็นทุน ส่งผลให้อันเนลีสเริ่มเชื่อว่าตัวเองถูกภูตผีปีศาจร้ายเข้าสิง เธอบอกใครๆ ว่า เธอเห็นใบหน้าปีศาจร้ายอยู่รายรอบและเธอได้ยินเสียงสาปแช่งของพวกมัน! นอกจากนั้นเธอยังแสดงอาการแปลกๆ อีกหลายอย่าง

เช่น ระหว่างเดินทางแสวงบุญ หญิงชราที่ร่วมเดินทางบอกว่า เธอเห็นอันเนลีสหลบเลี่ยงที่จะเดินผ่านรูปภาพพระเยซู ปฏิเสธที่จะดื่มน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ภายในโบสถ์ อีกทั้งเธอยังได้กลิ่นผีชั่วเหม็นสาบสางจากร่างของอันเนลีส แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นทำให้โจเซฟและอันนาซึ่งพร้อมที่จะเชื่ออยู่แล้ว ยิ่งมั่นใจว่าลูกสาวถูกผีเข้าเป็นแน่ ทั้งคู่จึงไม่รอช้า แสดงความจำนงต่อบาทหลวงประจำโบสถ์ในหมู่บ้านขอให้ประกอบพิธีไล่ผีให้อันเนลีสทันที เรื่องสยองสุดโด่งดัง! อันเนลีส มิเชล ผีเข้านับปีจนตัวตาย

          

ประกอบพิธีไล่ผี อันเนลีส! ซ้ำอาการเธอเริ่มหนักขึ้นๆ

ในปี 1974 ได้มีการขออนุญาตประกอบพิธีไล่ผีให้แก่อันเนลีส แต่ก็ถูกปฏิเสธหลายครั้ง ซึ่งในระหว่างนั้นพฤติกรรมของอันเนลีสยิ่งแปลกประหลาดและหนักข้อ เธอเริ่มด่าทอ ทุบตีและจิกกัดสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว ปฏิเสธที่จะกินอาหาร แต่หันไปยังชีพด้วยการบริโภคแมลงวัน แมงมุม ถ่านหิน ดื่มปัสสาวะตัวเองแทนน้ำสะอาด แทะทึ้งซากนกจนหัวมันหลุดจากร่าง ฉีกทึ้งเสื้อผ้าตัวเองเป็นว่าเล่น เห่าหอนราวกับสุนัขเป็นวัน กรีดร้องไม่รู้จักเหนื่อยนานนับชั่วโมง

แต่ก็มีช่วงที่ได้สติสัมปชัญญะกลับคืนมา อันเนลีสก็ตกอยู่ในภาวะหดหู่ซึมเศร้าอย่างรุนแรง บางครั้งบางหนเธอคิดที่จะฆ่าตัวตายไปเสียให้พ้นๆ สถานการณ์ที่นานวันก็ยิ่งแย่ ส่งผลให้คำร้องขอประกอบพิธีไล่ผีครั้งที่ 3 ได้รับอนุญาต เริ่มทำพิธีในเดือนกันยายน ในปี 1975 มีบาทหลวงเป็นผู้ประกอบพิธี ซึ่งตามกำหนดแล้วพิธีไล่ผีนี้จะต้องทำกันสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ครั้งหนึ่งใช้เวลาร่วม 4 ชั่วโมง

                                   

เหตุการณ์ในระหว่างประกอบพิธีนั้น แทบไม่ต่างอะไรจากที่ผู้ชมเห็นในหนังเรื่อง The Exorcist เมื่ออันเนลีสดิ้นรน ขัดขืนสุดแรงเกิด เรี่ยวแรงของเธอเพิ่มพูนมหาศาลถึงขนาดต้องใช้ผู้ชายแข็งแรงกำยำ 3 คนช่วยกันจับจึงจะเอาอยู่และบางคราวถึงกับต้องเอาโซ่ล่ามเธอไว้ กล่าวกันว่าหลังผ่านพิธีไล่ผีไม่นานนัก อาการของอันเนลีสก็ทุเลาขึ้นอย่างน่าประหลาด ระยะนั้นเธอสามารถกลับเข้าเรียนได้หรือจะไปโบสถ์ก็ยังไหว อย่างไรก็ตาม อันเนลีสก็ดีขึ้นเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น หลังจากนั้นอาการของเธอก็กลับเป็นเหมือนเดิมอีกและยังต้องเข้ารับการไล่ผีอย่างต่อเนื่อง

ความเลวร้ายอีกอย่างก็คือ วิธีที่รุนแรงของพิธีกรรม เริ่มจะสร้างความบอบช้ำแก่ร่างกายของอันเนลีส อาการเกร็งจนไม่อาจขยับเขยื้อนหรือจู่ๆ ก็เป็นลมล้มพับหมดสติไปเริ่มเกิดกับเธอถี่ขึ้น การปฏิเสธที่จะรับอาหารกลับมาอีกครั้ง ซ้ำเธอยังบังคับตัวเองให้ถ่ายท้องอยู่บ่อยๆ โดยให้เหตุผลว่านั่นเป็นหนทางหนึ่งที่จะกำจัดปีศาจออกจากร่างกาย น้ำหนักของเธอลดวูบ (ช่วงที่เสียชีวิต น้ำหนักของเธอลดเหลือเพียง 63 ปอนด์ หรือราว 30 กิโลกรัมเท่านั้น) ร่างกายผ่ายผอมดูเผินๆ ไม่ต่างจากโครงกระดูก มีร่องรอยฟกช้ำปรากฏให้เห็นไปทั่ว

                           

ผ่านไป 2 ปี ผลจากการเข้าพิธีไล่ผี เป็นไปอย่างเข้มข้น!

ในปี 1976 พิธีไล่ผี เป็นไปอย่างเข้มข้น ประกอบกับร่างกายที่อ่อนแอจากการขาดน้ำและอาหาร ก็ทำให้อันเนลีสล้มป่วยด้วยโรคปอดบวม ไข้ขึ้นสูง ไม่มีเรี่ยวแรง แต่พิธีไล่ผีก็ยังต้องดำเนินต่อไป พ่อและแม่ต้องเข้ามาช่วยพยุงไม่เช่นนั้นลูกสาวคงไม่อาจผ่านพ้นมันได้จนตลอดรอดฝั่ง แต่ครั้งนี้ก็เป็นพิธีกรรมครั้งสุดท้ายของอันเนลีส เพราะเช้าวันถัดมา เมื่อโจเซฟกับอันนาแวะเข้ามาดูอาการลูกสาวตามปรกติ ก็พบว่าเธอเสียชีวิตเสียแล้ว

                        

บทสรุปของ อันเนลีส

เป็นระยะเวลาร่วม 10 เดือน อันเนลีสต้องเข้าพิธีไล่ผีถึง 67 ครั้ง เล่ากันว่า ประโยคสุดท้ายที่อันเนลีสพูดกับแม่ของเธอในคืนก่อนหน้านั้น ก็คือ “แม่ … หนูกลัว” การที่หญิงสาววัยเพียง 24 ปี ต้องมาเสียชีวิตในสภาพร่างกายผ่ายผอมบอบช้ำ นับว่าเป็นเรื่องไม่ปรกติและไม่ธรรมดา หลังได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่รัฐจึงยื่นเรื่องขอชันสูตรศพอันเนลีสและผลการชันสูตรก็สรุปออกมาว่า เธอเสียชีวิตด้วยภาวะขาดอาหารและน้ำอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย ถ้าเพียงแต่ใครสักคนจะใส่ใจดูแลเธออย่างจริงจังกว่านี้ ถ้าเพียงแต่ใครสักคนจะเรียกหมอมาดูอาการของเธอ ขอแค่สัปดาห์เดียวก่อนที่เธอจะเสียชีวิต

                                

พ่อ แม่ และบาทหลวงทั้ง 2 คน

พ่อ แม่ และบาทหลวง 2 คน โดนฟ้อง ผลจากการที่ อันเนลีส เสียชีวิต!

จากการที่ อันเนลีส เสียชีวิต พ่อ-แม่ และบาทหลวงที่ทำพิธีกรรม ถูกอัยการรัฐตัดสินใจสั่งฟ้องด้วยข้อหากระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ครอบคลุมถึงการฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนาและฆ่าเนื่องจากถูกยั่วยุโทสะ (Manslaughter)

เมื่อเริ่มพิจารณาคดี ในปี 1978 พ่อ-แม่ของอันเนลีสว่าจ้างทนายชื่อดัง เอริช ชมิดต์-ลีชเนอร์ (เคยว่าความให้อดีตสมาชิกนาซีซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรสงครามมาแล้วหลายราย) เขายกข้ออ้างเรื่องสิทธิที่จะประกอบพิธีการต่างๆ ตามความเชื่อทางศาสนา ซึ่งได้รับการรับรองโดยรัฐธรรมนูญมาเป็นข้อแก้ต่าง นอกจากนั้นยังเสนอ หลักฐานเป็นเทปบันทึกเสียงระหว่างประกอบพิธี ซึ่งปรากฏว่าเป็นเสียงของอันเนลีสพูดจาด้วยภาษาแปลกประหลาด บางครั้งด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว บางคราวเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวน (มีเสียงหนึ่งซึ่งพูดด้วยสำเนียง แฟรงกลิช และบาทหลวงทั้งสองรูปยืนกรานว่า นั่นคือเสียงของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หนึ่งในปีศาจที่เข้าสิงอันเนลีส) ทั้งหมดนี้เพื่อยืนยันว่า อันเนลีส มิเชล ไม่ได้ป่วยด้วยโรคธรรมดา ทว่าเธอถูกผีเข้าจริง

                                                               

** คลิ๊กเพื่อฟังเทปบันทึกเสียงระหว่างประกอบพิธี : youtube.com

อย่างไรก็ตามศาลพิจารณาแล้วได้ข้อสรุปว่า คำค้านฟังไม่ขึ้น จำเลยทั้งสี่ถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหาและต้องโทษจำคุก 6 เดือน แต่ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี หลายคนวิพากษ์วิจารณ์คำตัดสินดังกล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งสี่ได้รับโทษที่เบาเกินไปสำหรับความผิดที่ได้ก่อ บางคนยังสอดแทรกความเห็นของตนเพิ่มเติมเข้าไปอีกว่า คล้ายๆ ผู้พิพากษาจะเผื่อใจเอาไว้ครึ่งหนึ่ง ก็ใครจะรู้ บางทีอันเนลีสอาจจะถูกผีเข้าจริงก็เป็นได้

                                                                

สิ่งที่เกิดขึ้นกับ อันเนลีส มิเชล ส่งผลกระทบในระดับกว้างขวางเกินกว่าใครจะคาดคิด!

– ในปี 1984 บิชอปและนักเทววิทยาหลายคนในเยอรมัน รวมกลุ่มกันยื่นคำร้องต่อวาติกัน ขอให้มีการเปลี่ยนแปลงระเบียบปฏิบัติในพิธีไล่ผีเสียใหม่ แต่ไม่สำเร็จ จนในปี 1999 สำนักวาติกันก็ออกบทบัญญัติว่าด้วยการไล่ผีเสียใหม่เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ทำพิธีมากขึ้น โดยระบุไว้ในคู่มือฉบับใหม่นี้ว่า บาทหลวงรูปใดก็ตามที่จะประกอบพิธีไล่ผีได้ นอกจากจะต้องได้รับการฝึกฝนจนชำนาญแล้ว ยังต้องมีความรู้ด้านการแพทย์ในระดับที่เพียงพออีกด้วย

– มันก่อให้เกิดผลกระทบต่อชาวเมืองคลินเกนแบร์ก ที่สุดท้ายที่อันเนลีสอาศัยอยู่ หลายคนเห็นเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นความอัปยศของเมือง ยิ่งเมื่อ The Exorcism of Emily Rose ที่ใช้เรื่องของอันเนลีสเป็นแรงบันดาลใจออกฉาย ยิ่งไม่มีใครอยากพูดถึงเรื่องนี้อีก แต่ท้ายที่สุดก็ไม่อาจทำให้ความสนใจของผู้คนที่มีต่อเรื่องพิลึกพิลั่นของอันเนลีสเบาบางลงไปได้ เป็นเพราะหนัง The Exocism of Emily Rose อีกเช่นกัน ที่ทำให้ เอลิซาเบธ เดย์ นักข่าวประจำหนังสือพิมพ์ เทเลกราฟ ของอังกฤษ เดินทางไปสัมภาษณ์ อันนา มิเชล แม่แท้ๆ ของอันเนลีส ผู้มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์เมื่อ 30 ปีก่อนนั้น

                                                

อันเนลีส มิเชล ในตอนที่ยังสดใส ร่าเริง

บทสัมภาษณ์ของ อันนา ผู้เป็นแม่ ในวัย 80 ปี!

ปลายปี ค.ศ. 2005 เอลิซาเบธ เดย์ นักข่าวเดินทางไปสัมภาษณ์ อันนา แม่ของอันเนลึส (ตอนนั้นในวัย 80 กว่าปีแล้ว) ใช้ชีวิตตามลำพังในบ้านหลังเดิมที่เคยเกิดเรื่องราวฝันร้ายในคราวนั้น โจเซฟผู้เป็นสามีเสียชีวิตไปเมื่อ 6 ปีก่อนหน้า ส่วนลูกสาวอีก 3 คนต่างก็แยกย้ายไปคนละทิศละทางกันหมด

อันนารำลึกถึงลูกสาวที่ชื่อคล้ายกันกับเธอให้เอลิซาเบธ เดย์ ฟังว่า “อันเนลีสเป็นคนอ่อนหวาน จิตใจดี อยู่ในโอวาทเสมอ แต่หลังจากถูกผีสิง เธอก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน มันเป็นเรื่องเกินธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เราอธิบายไม่ได้” อันนายอมรับว่าเธอคิดถึงลูกสาว “ฉันมองเห็นหลุมศพลูกจากหน้าต่างห้องนี่ ฉันแวะไปเยี่ยมลูกอยู่บ่อยๆ เอาดอกไม้ติดมือไปฝากลูกด้วย” อย่างไรก็ตาม กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น อันนา มิเชล ยืนยันว่า เธอกับสามี รวมถึงบาทหลวง ทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว! เธอเพียงแต่ทำตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ฉะนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมอยู่แล้ว เธออาจจะเศร้าที่ลูกจากไป แต่เธอไม่เสียใจ เพราะรู้ว่าลูกไม่ได้ตายอย่างสูญเปล่า

“ฉันเห็นรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ (Stigmata) บนมือของเธอและนั่นก็เป็นสัญญาณที่พระผู้เป็นเจ้าส่งมาถึงเรา บอกเราว่าถึงเวลาต้องกำจัดปีศาจร้ายที่สิงสู่อยู่ในร่างของอันเนลีสไปให้พ้นๆ” “ลูกของฉันตายเพื่อปกป้องดวงวิญญาณซึ่งกำลังหลงทาง เธอตายเพื่อชำระบาปให้คนบาปหลายต่อหลายคน”

ขอบคุณข้อมูล : atcloud.com, http://wowboom.blogspot.com/

: pornphanh

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Credit: เอ็มไทยวาไรตี้
11 ต.ค. 58 เวลา 05:57 2,557 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...