พระบรมฉายาลักษณ์ จักรพรรดิ์องค์สุดท้ายของจีน

 

พระบรมฉายาลักษณ์ จักรพรรดิ์องค์สุดท้ายของจีน
 

ในภาพคือพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระจักรพรรดิ์อ้ายซินจูโล ปูยี ครับ ทรงเป็นพระจักรพรรดิ์พระองค์สุดท้ายในราชวงศ์แมนจูและท้าpสุดของประวัติ ศาสตร์จีน เมื่อ ซุน ยัด เซ็น ปฎิวัติการปกครองจากระบอบกษัตริย์มาเป็นสาธารณรัฐ พระองค์ก็ได้สละราชบัลลังค์ ในปี 1912 ขณะที่ทรงมีพระชนมายุเพียง 6 พรรษา ภายหลังการปฎิวัติซินไฮ่พระองค์ยังงประทับอยู่ ณ พระราชวังต้องห้าม สืบมาจนกระทั่งทรงถูกบังคับให้เสด็จออกจากพระราชวังในปี 1924 ซึ่งนับเป็นจุดอวสานสมบูรญาสิทธิราชย์ของจีนที่มีมากว่า 4000 ปี




สมเด็จพระจักรพรรดิ์ปูยี (Puyi) ทรงมีเชื้อสายแมนจู เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2449 ทรงมีพระนามเต็มว่า อายซิน จูโล ปูยี หรือออกเสียง อ้ายซิน เจวี๋ยโหล ผู่อี๋ (Aisin-Gioro Puyi) ทรงเป็นพระโอรสขององค์ชายชุน ขณะที่ทรงมีพระชนมายุได้ 2 พรรษาได้ทรงถูกเรียกตัวเข้าพระราชวังต้องห้ามในสมัยพระนางซูสีไทเฮาซึ่งพระ นางทรงมีพระราชเสาวนีย์สถาปนาเจ้าชายปูยีขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 10 แห่งราชวงศ์ชิง,แมนจู

สมเด็จพระจักรพรรดิ์ปูยีทรงประทับอยู่ใน พระราชวังต้องห้ามมานับแต่วันที่เสด็จขึ้นครองราชย์และพระองค์ไม่เคยเสด็จ ออกนอกเขตพระราชวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว ตลอดระยะเวลาที่ทรงเป็นพระจักรพรรดิ์และประทับอยู่ในพระราชวัง ทรงมีพระราชปณิธาณที่โปรดจะเสด็จฯ ออกนอกเขตพระราชฐานตลอดเวลา ถึงขนาดทรงปีนกำแพงวัง พระองค์หวังจะเสด็จหนีออกจากพระราชวังต้องห้าม แต่พระราชประสงค์นี้เป็นจริงสมพระราชหฤทัยในปี 1924 สิริเวลาที่ทรงประทับในวังถึง 16 ปีเต็ม เล่ากันว่าตามประสาเด็ก พระองค์ทรงเหงาเพราะไม่มีพระสหาย อาจเรียกได้ว่าพระองค์ไม่เคยทอดพระเนตรเห็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับพระองค์ เลยทีเดียว

เรจินัลด์ จอห์นสตัน พระอาจารย์ชาวอังกฤษเคยกล่าวว่า พระองค์ทรงเป็นเด็กที่เหงาที่สุดในโลก ในภาพเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ที่ทรงฉายกับพระราชชนกและพระราชอนุชาพระองค์เดียว คือ องค์ชายปูเจี๋ย ( จักรพรรดิ์ประทับยืนบนพื้น ) นอกนั้นเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ขณะฉลองพระองค์ชุดมังกร และขณะทรงพระเยาว์และเสด็จออกว่าราชการแผ่นดิน








จะด้วยเหตุผลประการใดไม่อาจทราบได้ แต่กฎในราชสำนักจีนยังไม่เคยมีฮ่องเต้ฉลองพระเนตรสักองค์เดียว จักรพรรดิ์ปูยีทรงมีสายพระเนตรสั้น ทอดพระเนตรอะไรไม่ชัด เรจินัลด์ จอห์นสตัน พระอาจารย์กราบทูลให้ทรงฉลองพระเนตร โดยสั่งให้ช่างหลวงตัดทูลกล้าฯ ถวาย พระองค์จึงเป็นฮ่องเต้พระองค์แรกและพระองค์สุดท้ายของจีนที่ทรงฉลองพระเนตร

ตาม ความในหนังระบุว่าขณะที่ทรงปีนกำแพงพระราชวัง เรจินัลด์ จอห์นสตัน พระอาจารย์กับขันทีตามเสด็จฯ ขึ้นไปและกราบทูลเชืญพระองค์ให้เสด็จพระดำเนินลงมา แต่เนื่องจากความสูงของหลังคาที่ทรงประทับอยู่ขณะนั้นประกอบกับสายพระเนตร ที่ทอดพระเนตรเห็นไม่ชัดทำให้พระองค์ทรงไม่กล้าเสด็จพระดำเนินลง เมื่อเสด็จฯ ลงแล้ว เรจินัลด์ จอห์นสตัน ได้กราบทูลเชิญพระองค์วัดสายพระเนตรและจึงได้ทรงฉลองพระเนตรนับแต่นั้นเป็น ต้นมา ( ขณะพระชนมายุประมาณ 10 พรรษา )ตามความในหนังเล่าว่าขณะทรงปีนหลังคาพระราชวังทรงมีพระสุรเสียงโวยวายว่า โปรดที่จะเสด็จฯ ออกไปจากรพระราชวัง

ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ขณะทรงประทับบนหลังคา พระราชวัง








จักรพรรดิ์ปูยี ยังทรงประทับอยู่ ณ พระราชวังต้องห้ามต่อมาจนกระทั่ง เฟิงยู่เสียง กราบบังคมทูลเชิญให้พระองค์เสด็จฯ ออกจากวัง เพิ่งยู่เสียงมาเช็คแฮนด์กับพระองค์แล้วเรียกพระองค์ว่านายปูยี ถึงกระนั้นองค์จักรพรรดิ์กลับทรงรู้สึกว่า นี่เป็นอิสรภาพ

หลังจาก นั้นสถานทูตญี่ปุ่นได้เชิญเสด็จพระองค์พร้อมพระมเหสีไปประทับอยู่เมืองเทียน สิน ในแคว้นแมนจูเรีย มาตุภูมิของพระองค์ พระองค์ทรงมีพระชนม์ชีพเป็นหนุ่มไฮโซทั่วไป จนกระทั่งเกิดเหตุว่า เจียงไคเชค ลอบทำลายสุสานหลวงได้ขุดพระศพซูสีไทเฮาและขนราชทรัพย์ของราขวงศ์แมนจูไปเป็น อันมาก ทำให้ทรงกริ้วทำให้ทรงตัดสินพระราชหฤทัยเข้าร่วมกับทางญี่ปุ่น ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิ์ฮิโรฮิโต ภายใต้พระราชอำนาจนี้ ญุ่ปุ่นจึงสถาปนา รัฐแมนจูกัว ขึ้นและอัญเชิญจักรพรรดิ์ปูยีเป็นพระประมุขแห่งรัฐ แต่เป็นเพียงในนามเท่านั้น..








Credit: http://www.trytodream.com/topic/1647
27 พ.ค. 53 เวลา 02:51 7,010 9 252
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...