ไม่เชื่ออย่าหลบลู่!! ประสบการณ์ "โดนของ" ที่ต้องจำไปจนตาย…

ที่มาจาก http://pantip.com/topic/34220167

 

ไม่เชื่ออย่าหลบลู่!! ประสบการณ์ “โดนของ” ที่ต้องจำไปจนตาย…

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ชื่อว่า "ประสบการณ์ "โดนของ" ที่ต้องจำไปตลอดชีวิต.." ตั้งกระทู้โดยคุณ สมาชิกหมายเลข 2601631 เป็นเรื่องราวที่เล่าถึงการโดนของหลายๆคนอาจจะไม่เคยเชื่อเรื่องนี้เลย แต่ลองไปอ่านเรื่องราวของเธอกันว่าเป็นยังไงบ้าง

ขอแทนตัวเองว่าพ้อยนะคะ

เรื่องที่พ้อยจะมาเล่าในวันนี้เป็นเรื่องที่โคตรจะน่าเหลือเชื่อมากกกกกกกกกกก พ้อยคิดว่าทุกคนคงจะเคยได้ยินเกี่ยวกับการโดนของมาบ้าง แต่มันยากนะคะที่จะเชื่อ โดยเฉพาะสมัยนี้แล้วด้วย ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะมีอยู่จริง เรื่องที่จะเล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของพ้อยเองค่ะ มันเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว ไม่สิ ต้องพูดว่า..เกิดกับคนที่เรารักมากที่สุดในชีวิต ใช่ค่ะ มันเกิดขึ้นกับพ่อของพ้อยเอง .

ครอบครัวของเราอาศัยอยู่กันที่จังหวัดหนึ่งใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้ พ่อของพ้อยท่านทำงานเป็นข้าราชการค่ะ เรียกว่ามีขั้นที่สูงเลยทีเดียว เป็นบุคคลที่มีน่าตา มีชื่อเสียงเกียรติยศท่านเป็นคนที่ขยันทำงานมากเรียกได้ว่างานไม่เสร็จพ่อก็จะไม่กลับไม่พัก ไม่ว่าจะเสาร์อาทิตหยุดราชการใดๆพ่อก็จะไปทำงานเสมอ ท่านเป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรจนบางครั้งพวกเราก็น้อยใจว่าทำไมพ่อไม่หยุดงานแล้วไปเที่ยวกับครอบครัวบ้าง แต่ก็เข้าใจค่ะ ที่ท่านทำก็เพราะครอบครัวเพราะรายได้หลักของครอบครัวมาจากพ่อคนเดียว ท่านไต่เต้าจากตำแหน่งน้อยๆขึ้นมาเป็นระดับสูงได้ เเละท่านไม่เคยฉ้อโกงเงินหลวงเลยแม้แต่บาทเดียว คือเราภูมิใจมากที่มีพ่อที่เป็นคนดีขนาดนี้ ตั้งแต่เราเกิดมาจนตอนนี้เราอายุ18ปีแล้วเรายังไม่เคยเห็นพ่อทำบาปเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าไม่นับตบยุง5555555555

เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อปี 2557 นั่นคือปีที่แล้วนี่เองค่ะ ครอบครัวเราก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมปกติทุกวันจนวันนึงพ่อกับแม่เรากลับบ้านที่ต่างจังหวัด ก็ไม่มีไรค่ะ ทุกอย่างเหมือนจะปกติ จนกระทั่งเย็นวันนั้น ยายเรามองหน้าพ่อเรา แล้วก็พูดขึ้นมาเฉยๆว่า"เป็นไรรึเปล่าลูกทำไมหน้าซีดจัง ไม่สบายรึเปล่า" และคงด้วยความกังวลของท่านมั้งคะ หลังจากกลับตจว. ก็เลยไปรพ.เพื่อตรวจสุขภาพ แต่จริงๆพ่อก็ตรวจสุขภาพประจำปีอยู่เเล้วนั่นแหละ บวกกับพ่อสังเกตตัวเองว่าตอนถ่ายอุจจาระมันมีสีคล้ำๆ ปวดหลังบ่อยๆ แม่บอกว่าพ่อชอบบ่นว่าที่นอนมีไรรึเปล่านอนไม่ได้เลยเจ็บไปหมด เหมือนมีเข็มมาทิ่ม แล้วคือพ่อก็ไม่ได้นอนเลยจริงๆ

หลังจากไปตรวจ มันก็มีนัดวันส่องกล้อง ที่ส่องเข้าไปในปากพ่อเราก็ไปส่องคือเราสงสารพ่อมาก พ่อบอกเจ็บมาก ปวดท้อง ปวดมากกแล้วพ่อก็ร้องมันเป็นภาพที่แย่มาก เราร้องตาม สงสารพ่อ ได้แต่บอกว่ามันคงเป็นผลข้างเคียงเดี๋ยวก็หาย มาตรวจดีแล้วจะได้รู้ว่าเป็นอะไรรึเปล่า


ลืมบอกไป พ้อยไม่ได้อยู่กับพ่อแม่นะ ออกมาเรียนกทมตั้งแต่ม.4สอบทุนจากใต้มาค่ะ หวังจะช่วยแบ่งเบา+อยากเรียนพิเศษที่ดีๆ ทำให้ช่วงนั้นเราไม่ได้อยู่กับพ่อเลย ได้ยินแค่สิ่งที่แม่เล่าให้ฟังว่าเป็นยังไงบ้าง แล้ววันที่ผลตรวจออกก็มาถึง แม่บอกว่าเจอก้อนเนื้อแต่โชคดีที่ไม่ใช่เนื้อร้าย แต่ก็ต้องตัดออก แล้วก็นัดวันตัดนู่นนี่ ก่อนจะผ่าตัดพ่อก็ต้องเข้ามาตรวจตามที่หมอนัดอยู่บ่อยครั้ง คือเกือบทุกวันเลยก็ว่าได้ เราสงสารพ่อมาก พ่อเคยพูดว่า'ถ้ารู้ว่าเจ็บขนาดนี้ ไม่มาตรวจแล้ว นี่มากี่ครั้งก็เจ็บทุกครั้ง ถ้าไม่มาคงไม่เจ็บ' โอ้ยยย เรานี่แบบน้ำตาไหลอะ ได้แต่ให้กำลังใจบอก‘พ่อสู้ๆ อย่าพูดอย่างนี้ เดี๋ยวก็หายแล้ว'

หลังจากพ่อผ่าตัดคือตัดกระเพาะออกไป 70เปอเซน คือเยอะมาก พ่อกินไรไม่ได้เลย ก็พยายามกิน คือผอมมากเรากลับมาตอนนั้นพ่อก็ดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว หมอให้พักรักษาตัวอยู่บ้านพ่อก็ไม่ยอมพัก จำได้ว่าพักได้แค่อาทิตนึงมั้ง แล้วพ่อก็ไปทำงานต่อ เรียกคนขับรถมารับ ทุกวันทนเจ็บ เพื่อไปทำงาน บางครั้งก็ทำไม่ไหวพอถึงที่ทำงานก็ขึ้นไปห้องพักไปนอน บอกแล้วว่าพ่อเราเป็นคนขยันขยันเกิ๊นนน เราจำได้วันนั้นเราอยู่บ้านเราตื่นเช้าเพื่อจะไปสอบทุนเพื่อย้ายรร.พ่อเรากำลังเต้นแอโรบิกหน้าโทรทัศน์ พ่อหันมามองเรา แล้วพูดกับเราว่า ‘พ่อเจ็บจังเลยลูก พ่อจะตายแล้ว พ่อเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย' คือด้วยความที่ก่อนหน้านี้พ่อก็เคยพูดว่าพ่อเป็นมะเร็งแต่เราถามแม่แม่บอกไม่ได้เป็นพ่อเป็นแค่เนื้องอกธรรมดาแล้วก็ตัดไปแล้วตอนนี้คือรักษาตัวอยู่ พอเราได้ยินพ่อพูดแบบนั้นเราก็ะจะแบบ ‘เห้ออพ่อคิดมากจริงๆ มะเร็งอีกละ เดี๋ยวก็หาย พูดอยู่ได้' คือด้วยความที่เราไม่อยากให้พ่อคิด เราเลยแบบพูดงั้นไป

เพราะเราก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นมะเร็งจริงๆเพราะแม่ก็บอกอยู่ว่าไม่ใช่ จนกระทั้งเวลาผ่านไป 7-8เดือน อาการของพ่อก็ทรุดลง แม่โทรมาบอกเราว่าพ่อเข้ารพ กินไรไม่ได้มาเกือบอาทิตแล้วกินแล้วอ้วกออกหมด ผลปรากฏว่าลำไส้พันกัน ต้องผ่าตัด ปีนี้พ่อผ่าตัด2ครั้งแล้ว ปกติพ่อเราเป็นคนอ้วน อ้วนมาก

ผ่ารอบแรกคือโคตรผอมแล้ว แต่ผ่ารอบนี้คือเขากินไรไม่ได้เลยนอกจากอาหารจากทางสายยาง มีสายระโยงระยางเต็มตัวพ่อไปหมดอยู่รพ.เกือบเดือน อาการไม่ดีขึ้นเลย กินแล้วก็อ้วกออกมาหมด แม่บอกว่าเหมือนพ่อจะไปหลายครั้งแล้ว คือแบบมันแย่มากนะเว้ยเรานี่อยากกลับไปหาพ่อมาก ทุกครั้งที่แม่โทรมาเราภาวนาเสมอว่าให้มีข่าวดีเกิดขึ้นแต่..ก่อนสอบ1อาทิตแม่โทรมาหาเราบอกให้กลับมาดูพ่อ เรานี่ช็อกมากกลัวไปหมด ไม่กล้าถามว่าเกิดอะไรได้แต่ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธ์คุ้มครองพ่อแล้วภาพที่เราเห็นตอนเรากลับไปคือพ่อเปลี่ยนไปมาก ตัวผอม ร่างกายเหมือนหนังหุ้มกระดูก เราจำพ่อแทบไม่ได้ เราเข้าไปหาเค้า กอดเค้าแล้วเราก็ต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำมาร้องไห้ เราสงสารพ่อ ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนี้...

เช้าวันนั้นแม่เล่าให้ฟังว่าเมื่อวานยายเอาดวงพ่อไปให้หมอแถวบ้านดู เขาตกใจ แล้วก็พูดว่า โดนของ ของหนักด้วย มันทำให้กินไม่ได้เลย เอาตายอย่างเดียว ของอยู่ตรงหน้าท้องทางซ้าย หนักมาก ให้เอาน้ำมนตร์ไปให้กิน น้าเราก็รีบขับรถจากตจวมาให้แม่เราที่รพ. พ่อกินน้ำมนต์นั้นได้คืนเดียว ตอนแรกที่ท้องพ่อมีรูที่เป็นจากการผ่าตัดเล็กๆ แต่อยู่ๆมันก็ปริกลายเป็นรูใหญ่ทำให้มีน้ำที่เป็นของเสียในท้องไหลออกมา หมอบอกว่าไม่เป็นไรเพราะยังไงน้ำนั้นต้องออกมาอยู่แล้วก็เลยปล่อยไว้แบบนั้น เราอยู่เฝ้าพ่อได้3วันเราก็ต้องขึ้นกทม.ไปสอบแล้ว กะว่าสอบเสร็จเดี๋ยวจะกลับมา ก่อนเราไปเราก็กราบเท้าพ่อ จุ้บพ่อ เราบอกพ่อว่า ‘ห้ามเป็นไรไปก่อนนะ เดี๋ยวพ้อยขอไปสอบก่อนละเดี๋ยวกลับมารอพ้อยเป็นทันตะก่อนนะพ่อ' พ่อแกก็อือ ออ บอกรีบไปได้แล้วเดี๋ยวตกเครื่อง พ่อไม่เป็นไรหรอก แล้วเราก็ไป ใครจะไปรู้ว่านั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้ทำแบบนั้นกับพ่อ..

แล้วก็เกิดเรื่องราวประหลาดหลายๆอย่างขึ้น คือพ่อเรามีคนขับส่วนตัวแล้วพี่เขาเป็นคนดีมากเลย พ่อเราเลยรัก และสนิทกับพี่เขามากคนขับรถพ่อก็เล่าให้ฟังว่า พี่เขารู้จักกับผู้ใหญ่คนนึงแล้ววันนั้นพี่แกก็ไปขับรถให้ผู้ใหญ่คนนั้นแล้วเหมือนทุกอย่างมันประติดประต่อกันอยู่ๆก็คุยกันแล้วก็เล่าเรื่องที่ดูดวงพ่อเราว่าโดนของให้ผู้ใหญ่ฟัง เขาก็บอกเนี่ยเขารู้จักหมอคนนึงเก่งมากเป็นแขก ลูกสาวแกก็เคยโดนของเกือบตายเหมือนกัน ดีที่ช่วยได้ทัน แกบอกไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกอยากช่วยทั้งๆที่จริงๆแกจะไม่ยุ่งก็ได้ มันรู้สึกแบบแกต้องช่วย เช้าวันต่อทางหมอนัดกับแม่เราที่บ้านประมาณว่าให้ไปดูของที่บ้านตอนนั้นที่ไปก็มีแม่กับพี่ชายคนโต พอไปถึง หมอเขาก็เดินวนไปมาตรงหน้าบ้าน สักพักแกก็พูดขึ้นมาว่าของอยู่ตรงนี้แล้วก็ชี้ไปที่พื้นหน้าบ้านเรา ซึ่งมันมีปูนฉาบอยู่ เขาบอกว่าให้ขุด ทุกคนแบบมองหน้ากัน ไม่รู้จะเชื่อดีมั้ย แต่ก็ทำตามที่หมอบอก ไปเอาจอบมาขุด ก็ไม่เจออะไร หมอบอกขุดอีกลึกหน่อย ขุดไปสักพัก เห้ยยยย เจอว่ะ มันเป็นเหมือนผ้าแบบเศษผ้าเป็นเส้นยาวๆสีแดง มีเส้นผมเป็ดมัดๆที่เคลือบด้วยน้ำตาเทียน มีตะปูประมาน5-6ตัว และที่มันชัดเจนสุดๆคือมีตัวอักษรเขียนอยู่ในนั้นเป็นยันต์ และเขียนว่า

‘ห้ามรับราชการ' ‘ตาย' นอกจากนั้นยังมีลักษณะคล้ายหนังสีดำที่ตัดเป็นรูปตุ๊กตามีรูปปืนยิงที่หัว ประมาณว่าเอาให้ตายทุกทางเลย ทุกคนอึ้งมาก ไม่มีใครอยากจะเชื่อสิ่งเกิดขึ้น เขาก็ทำพิธีแก้ของ แต่เค้าบอกว่าหมอที่ทำเนี่ยแก้ได้อย่างเดียว กันไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องเงียบๆไว้ว่าเรารู้แล้ว หมอเค้าบอกว่ามันทำมาตั้งแต่วันที่21มีนาคม 2557 คนใกล้ตัวเป็นคนทำ ทะเลาะกัน เรื่องเงิน คนขับรถพ่อก็ไปสืบๆมาก็ยังไม่ได้เรื่องไรมากมาย พอกลับไปที่รพ.พ่อเรากำลังนอนอยู่พี่เราอีกคนก็เล่าให้ฟังว่าเนี่ยตอนที่แม่กับพี่ไปที่นุ้นกัน พ่อบอกปวดท้องมากตอนนี้คือพ่อเราใส่หน้ากากออกซิเจน

อยู่ พ่อเขียนใส่กระดาษว่า ‘บอกหมอให้เอาแม็กออกจากท้องพ่อที' งงมันโคตรแบบโอ้ยย หลังจากนั้นตอนเย็นพ่อแกก็อาการดีขึ้นพ่อก็บอกว่าดีจัง สบายท้องแล้วหมอเอาออกให้แล้วสินะ ทุกคนก็ได้แต่มองหน้ากัน มีแต่แม่ที่คอยคุยกับพ่อ ถามนุ้นนี่พ่อ ตอนนั้นพ่อเราเริ่มเลอะเลือนอะ จำไรไม่ค่อยได้ เริ่มเพ้อ แล้วแต่ละเรื่องที่แกเพ้อออกมาคือเป็นเรื่องงานทั้งนั้นเลย‘ถามว่ารู้มั้ยว่าตอนนี้พ่ออยู่ไหน พ่อไม่สบายนะ พ่อต้องรักษาตัวเองก่อนอย่าไปห่วงเรื่องงาน งานใครๆก็ทำได้ เดี๋ยวพ่อต้องรักษาตัวก่อนแล้วค่อยไปทำงาน พาแม่ไปเที่ยวทะเลที่พ่อบอกไง' แม่เราร้องไห้บ่อยมาก แทบจะทุกครั้งที่พูด แม่เชื่อตลอดดว่าพ่อต้องหายไม่หรอกต้องบอกว่าทุกคนเชื่อว่าพ่อต้องไม่เป็นอะไร

อ้อ เรารู้ความจริงมาอย่างนึงคือวันที่เรากลับมาหาพ่อ ย่าเราก็มา ย่าเราบอกว่าพ่อเป็นนมะเร็ง คือเราเพิ่งมารู้วันนั้นว่าที่ผ่านมา

คือเขาปิดมาตลอด ไม่อยากให้พวกเราคิดมากกันแต่แบบเราก็ยังไม่เข้าใจทำไมไม่บอก ถ้าเรารู้เราคงไม่ไปเรียนไกล ส่วนใหญ่อ่านนส.เองมากกว่า แต่ก็ช่างเหอะมันทำไรไม่ได้แล้ว

เช้าของอีกวันคนขับรถพ่อ ผู้ใหญ่ และก็หมอคนนั้นก็มาที่ห้องพ่อเราที่รพ. หมอเข้ามาในห้องพ่อเดินไปรอบๆห้อง สักพักก็เดินมาที่เตียงพ่อ แล้วแกก็บอกว่า ของยังอยู่อยู่เลย มันหนักมาก อยู่ที่ท้องข้างซ้าย แต่เอาออกไม่ได้เพราะพ่อเพิ่งผ่าตัดมันต้องรีดท้อง หมอแกก็มองๆละบอกให้ปิดม่านแบบให้ไปบอกพยาบาลว่าขอทำพิธีอะไรงี้ ก็ไปปิด หมอแกก็เดินรอบห้อง อุปกรณ์ที่ใช้ก็มีไข่ไก่ มีแก้วน้ำ แล้วแกก็เดินไปมุมๆห้องมองแต่ในแก้วน้ำ ก็ท่องๆคาถาของแก แล้วแกก็เดินมาที่ปลายเตียงพ่อ แม่เราก็ยืนมองอยู่ข้างๆหมอ สักพักหมอก็บอกให้แม่แบมือ แล้วให้ทำท่าแบบลูบๆอะ ประมาณลูบออก ตรงท้องพ่อเบาๆ สักพักหมอแกก็เอามือล้วงไปที่ตรงก้นพ่อ แม่เราก็มองอยู่ตลอดว่าหมอทำอะไรสักพักหมอแกก็หยิบอะไรบ้างอย่างเป็นมัดเล็กๆใส่มือแม่เรา 8 มัด มันคือเส้นผมที่เคลือบด้วยน้ำตาเทียน หมอก็บอกให้ตัด แม่เราก็ตัดๆ หมอแกก็ดูผ่านแก้วน้ำก็พูดว่า พอจะมีรูปที่ทำงานของพ่อบ้างมั้ย จะบอกให้ว่าใครเป็นคนทำ เค้าก็พูดแบบเดิมอะว่าเป็นคนใกล้ตัว ทะเลาะกันเรื่องเงิน เขาอิจฉา

แม่เราก็เปิดรูปในโทรศัพท์พ่อให้หมอดู เป็นรูปที่ทำงานที่ประชุมกัน หมอแกก็ดูๆๆ สักพักก็ชี้บอก คนนี้แหละดูกี่ครั้งก็เป็นคนนี้แม่เราก็ถามคนขับรถ เขาก็บอกว่าว่าแล้วเชียว เพราะมันมีความเป็นไปได้ เพราะคนนั้นเขาเป็นลูกน้องพ่อ ขอแทนว่านายอ.เขาเป็นคนบ้านเดียวกับพ่อเราด้วย ย่าเราก็มาเล่าให้ฟังว่า ‘มิน่าล่ะ อยู่ๆถึงมาถามถึงอาการพ่อว่าเป็นไงบ้าง' ทั้งๆที่พ่อเราไม่ได้บอกใครเลยช่วงที่รักษาตัวที่รพ. เพิ่งมาบอกเอาตอนที่เป็นหนักมากแล้ว เพราะแกห่วงว่าจะมีใครว่าแกไม่ทำงาน ดูดิ เป็นขนาดนี้แล้วแกก็ยังคิดแต่เรื่องงาน

แล้วเรื่องที่ไปสืบมาที่เกี่ยวกับเรื่องเงินก็ประมาณว่าเมื่อปีที่แล้วพ่อน่าจะทำโครงการไรสักอย่างแล้วเงินที่ทำมันเหลือ นายอ.ก็เลยเหมือนจะขอเงินที่เหลือเหมือนประมาณจะเก็บไว้เอง โกงอะเรียกง่ายๆ แต่พ่อเราเป็นหัวหน้าไง เขาไม่ยอม แล้วพ่อเราก็คงไปพูดไรให้นายอ.เจ็บช้ำเลยแค้นประมาณนั้น เพราะเหมือนคนที่ทำงานก็แบบรู้กันว่าไอเนี่ยมันจะเอาตังค์ นี่คือที่เขาสันนิฐานกัน เพราะมันมีมูลอยู่

หลังจากที่หมอแกทำพิธีเสร็จแกก็เขียนอะไรบางอย่างใส่กระดาษแล้วให้แม่เรา เป็นตัวเลข เขียนว่า ‘23 กรกฎาคม 2558' เค้าบอกเป็นวันตายพ่อเรา ซึ่งวันนั้นวันที่18 กรฏาคม อันนี้เรามารู้ตอนหลังแล้วพี่เราเล่าให้ฟัง

หลังจากวันนั้นพ่อก็ดีขึ้น น้ำในปอดก็น้อยลง คือดีขึ้นมากกกก ทุกคนเริ่มมีความหวัง จากที่พ่อเรากินไรไม่ได้เลยนอกจากน้ำเปล่ากับน้ำเก๊กฮวย
พ่อก็บอกอยากกินนุ้นนี้ แม่เราเลยถามหมอ หมอบอกกินได้ กินเลย ให้เค้าได้กิน เหมือนอาการมันดีขึ้นแล้ว แต่ช่วงนั้นคือพ่อเราเพ้อหนักมากแต่ละเรื่องที่เพ้อคือมีแต่เรื่องงานทั้งนั้น แบบบอกพี่เราให้เอาโทรศัพท์ไปให้เขา ‘เอาโทรศัพท์มาให้พ่อเร็ว เผื่อมีคนโทรมาตามพ่อไปประชุม' เรียกแม่เราไปหา จับมือแม่เรา แล้วพูดว่า ‘ขอบคุณนะที่พิมพ์งานให้' แต่ละเรื่องคืองานทั้งนั้นเลย คิดดูดิ อ๊ากกก

จนวันจันทร์ที่20 กรกฎาคม พ่อเราก็กินนุ้นนี่ปกติ แม่เราก็ดีใจที่พ่อเรากินได้ พอตกบ่ายๆ พ่อหายใจถี่ขึ้น บอกแม่เราว่าเหนื่อยจังเลย แม่เราเลยไปตามหมอ ก็เลยให้ออกซิเจนพ่อ ให้พ่อได้พักผ่อน พ่อเราก็นอน เวลาเรียกหรือไรพ่อก็ตอบสนองได้ปกติ จนถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนได้มั้ง พ่อเราก็นิ่งๆไป แบบนิ่งไปเลย แม่เลยตามหมอ หมอบอกว่าน้ำเต็มปอดอีกแล้วอาการจากที่ดีๆตอนแรกคือไปหมดแล้ว หมอพูดหันมาถามแม่ว่า ‘คนไข้ยังห่วงอะไรอีกมั้ย' แม่บอกยังมีลูกคนเล็กจะกลับมาอาทิตหน้า หมอบอกว่าถ้าอาทิตหน้าคงจะไม่ทัน หมอคงช่วยได้ในระยะเวลาที่จำกัด ให้ทำใจ

แล้ววันอังคารที่21 กรฎาคมตอนเที่ยงๆแม่เราก็โทรมาบอกให้เรากลับบ้านเลยพรุ่งนี้ ตอนนั้นเราก็คิดไว้แล้วว่าต้องมีไรแต่ก็พยายามไม่คิดมากเพราะเหมือนครั้งที่แล้วแม่ก็โทรมาแบบนี้แต่ก็ไม่มีไร เราเลยไม่ได้ถามไรไป เวลาประมาณ2ทุ่มเราก็โทรไปถามแม่ว่าเอากระเป๋าไรไปดีบลาๆ เราเลยถามไปว่าพ่อเป็นไงบ้าง แม่ก็เริ่มอึกอัก แล้วก็ร้อง บอก ‘มาดูพรุ่งนี้เลยลูก รีบๆกลับมา มาดูพ่อ เหลือพ้อยคนเดียวแล้วลูก รอแค่พ้อยแล้วลูก' เราอึ้งมาก ภาพในหนังช่อง7ฉายเข้ามาในความคิด ทุกอย่างมันตีกันไปหมด ไม่อยากจะเชื่อ ภาวนาขอให้สิ่งที่แม่พูดเป็นเรื่องล้อเล่น แต่ไม่..ยังไงความจริงก็คือความจริง แม่ร้อง เราร้อง ทุกคนในห้องร้อง เราวางสายจากแม่ไป ใช้ความคิดกับตัวเองไม่ถึงครึ่งชม.แม่เราโทรกลับมาตอนประมาน2ทุ่มกว่าๆ บอกให้เราพูดกับพ่อ ‘ พูดกับพ่อหน่อยนะ แต่พ่อพูดไม่ได้นะลูก' เราก็พูดยาวเลย พูดทุกอย่างที่อยากพูด ‘บอกว่าให้รอเราก่อน ไหนบอกจะรอไง ยังไม่ได้เป็นทันตะให้เห็นเลย ยังไม่ได้เจอกันเลย พ่อบอกว่าจะเจอพ้อยก่อน พ่อบอกจะไม่เป็นอะไรไม่ใช่หรอ' พูดจบ

แม่ก็บอกว่า ‘พน.รีบมาดูพ่อนะ เราต้องยอมรับความจริงนะลูก' เป็นประโยคที่เราอยากจะเอามีดมากรีดหน้าตัวเองมากเลย
ระหว่างนั้นเราก็คุยเฟสก็พี่เรา ถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ตอนแรกมันยังดีๆไม่ใช่หรอ มันไม่มีโอกาสหายแล้วหรอ บลาๆประมาณ3ทุ่ม15ได้ พี่เราบอกว่า ‘พ้อย พ่อเสียแล้วนะ เสียหลังจากแกพูดจบแปปนึงอะ.. ช็อกค่า โอ้ววว น้ำตาไหลพรั่กๆ เหมือนจะบ้าอะตอนนั้น หายใจไม่ออก ไม่อยากจะเชื่อ แต่ต้องเชื่อ.. เรากลับไปถึงบ้านวันพุธที่22กรกฎาคมคือวันนั้นก็ยังทำอะไรกับศพพ่อไม่ได้เพราะเป็นวันพุธก็ต้องรอพรุ่งนี้วันพฤที่ 23 กรกฎาคม ถึงจะเคลื่อนศพได้ พ่อเคยพูดไว้ว่าถ้าแกเป็นไรไปให้เอาแกกลับบ้านที่อยู่ต่างจังหวัด

แม่เราก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนก่อนพ่อจะเสียแม่ให้ยายเอาดวงพ่อเราไปดูอีกรอบนึง ปรากฏว่าหมอคนนั้นบอกดูไม่ได้ เพราะพ่อเกิดวันพุธ แม่เลยเอาดวงแม่ไปให้ดูแทน หมอแกก็บอกมาว่ามีวิธีคือให้แม่ไปสวดบทสวด[จำชื่อไม่ได้]ที่ต้นไม้ใหญ่ 1 คือพ่อจะรอด 2คือพ่อจะไปเร็วกว่าเดิม ให้วัดดวงเอา แม่เราก็เลยเสี่ยง ก็ทำตามที่หมอบอก แม่บอกนั่นแหละหลังจากวางจากพ้อยแล้วแม่ก็ลงไปทำ พอขึ้นมา สักแปปเดียว แปปเดียวจริงๆ พ่อก็ไปเลย มันเร็วมากเร็วจนน่าตกใจ บวกกับคนขับรถพ่อเราก็ขับรถไปตามหาหมอคนนั้นที่เคยมาแก้ให้พ่อเรา ไปหาถึงบ้าน เจอแต่แม่ของหมอ เขาบอกว่าหมอคนนั้นไม่อยู่ ไปมาเลย์ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว คือแบบ เราคิดว่ามันคงถึงคราวแล้ว มันคงลิขิตมาแล้วให้เป็นแบบนี้จริงๆ

วันพฤหัสบดี ที่ 23 กรกฎาคม 2558 ครอบครัวเราไปรับศพพ่อที่รพ. เพื่อเคลื่อนย้ายไปตจว. พอไปถึง ก็เข้าไปที่ห้องดับจิต

เราจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้ยินเสียงพ่อคือเราโทรศัพท์ไปก่อนมิดเทอม โทรไปคุยตอนนั้นพ่ออาการดีขึ้นมากแล้ว พ่อบอก ‘รีบๆกลับมาน้า คิดถึง ตั้งใจสอบนะลูกไม่ต้องกังวล' ตอนนั้นจำได้เรายังบอกรักกันแบบ ‘รักนะ จุ้บๆ' พ่อเราก็พูด จุ้บๆ หัวเราะกันคิกคัก
แล้วหลังจากนั้นเราก็โทรไป แม่เราก็ไม่ให้คุยเพราะพ่อต้องใส่หน้ากากออกซิเจน ทำให้พูดไม่ได้+กลัวเหนื่อย

จนถึงวันนี้..เรามองไปที่พ่อ ใส่เสื้อผ้าตัวโปรด นอนนิ่งอยู่ตรงนั้น มันเป็นภาพที่เราไม่เคยคิดเลยว่า เราจะได้มาเห็นอะไรแบบนี้ที่เกิดขึ้นกับพ่อของเรา พ่อเราดูอ้วนกว่าตอนอยู่รพ.มาก ไม่รู้เราคิดไปเองรึเปล่าว่าเขายิ้ม เราจับเท้าพ่อ แล้วพูดว่า ‘พ่อจ๋า...พ้อยกลับมาหาพ่อแล้วนะ พ่อเห็นพ้อยมั้ย พ้อยยืนอยู่ตรงนี้ คิดถึงพ่อนะ เดี๋ยวจะพาพ่อกลับบ้านแล้วนะ' บอกไม่ถูกเลย ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงดีเรา แม่เรา พี่เรา2คน นั่งรถของพยาบาล ที่มีพ่อเราที่ตอนนี้ถูกห่อไว้กับผ้าขาวติดกับเค้าไรว่าไรสักอย่างที่เวลาเค้าเอาไว้เคลื่อนศพอะ นั่นแหละรถก็ขับไปเรื่อยๆ เราก็คอยบอกทางพ่อ ว่าถึงตรงนี้แล้วนะ เลี้ยวแล้วนะ ถึงวัดนี้แล้วนะบอกเรื่อยๆ จนถึงบ้านย่าเรา

วันแรกก็จะเป็นการรดน้ำศพ มีพวงหรีด พัดลม นู่นนี่มากมายจากเหล่าข้าราชการมากันเป็นคณะจนตกกลางคืน คนก็เริ่มกลับบ้านไปเหลือเพียงญาติๆแม่เรายังคงร้องไห้ไม่หยุด เรามองไปรอบๆ มองรูปพ่อ ความรู้สึกตอนนั้นมันเป็นความรู้สึกงง ว่าเห้ยพ่อเราตายไปแล้วหรอ งงไปหมด ไม่อยากจะเชื่อ เหมือนความฝัน เราหันมามองหน้าพี่ พี่เราก็รู้สึกไม่ต่างจากเรา วันนั้นเราเลยอัดคลิปค่ะ เรียกพ่อ บอก ‘ตื่นได้แล้วพ่อ เซลฟี่กัน' เราก็เล่นกันกับพี่ค่ะ ถามว่าถ้าติดอะไรขึ้นมาจริงๆจะทำไง เราว่าเราอยากให้ติดนะ ถ้านั่นเป็นพ่อเรา เราก็เอามาเปิดดูซูมนั่นซูมนี่ ก็ไม่มีไรผิดปกติไป

วันที่2 ก็เหมือนเดิมค่ะ มีผู้ว่าจากจังหวัดนั่นนี่มาเป็นเจ้าภาพ มาสวดศพ เราถามแม่เราว่าเมื่อวาน นายอ.ได้มารดน้ำศพพ่อมั้ยเพราะเมื่อวานจังหวัดเราเขามากันหมดเลย แม่บอก ไม่ได้มา นั่นแหละค่ะ พยายามไม่สงสัยนะจนกระทั่ง ประมาณ2ทุ่มกว่าๆลมแรงมาก ตรงที่นั่งพระมันจะมีพวกขวดน้ำแล้วก็แก้วกาแฟที่พระฉันเสร็จแล้วตั้งอยู่เราเลยเดินเข้าไปเก็บค่ะ ตอนนั้นคือไม่มีใครอยู่ตรงหน้างานศพเลยนอกจากเรา คนอื่นไปอยุ่ตรงที่ครัว ที่ทานอาหารกันหมด เราก็เก็บจาน เก็บถ้วยตามประสาเรา สักพักก็เหลือบไปเห็นเหมือนคนนั่งที่หน้าโลง กำลังจุดธูปแล้วก็ไหว้อยู่เราเลยหันไปมอง เราแบบ เห้ยยย นายอ.ค่ะ ตอนนั้นเราตัวสั่นไปหมดเรารีบเก็บแล้ววิ่งเข้าไปหาแม่ บอกว่านายอ.มา

แล้วเข้าใจเราปะ มันแปลกๆมั้ยที่คนอื่นเขามากัน แต่เขามาคนเดียวมาแบบเงียบๆเหมือนจะไม่ให้ใครรู้ แต่เราบังเอิญไปเห็นไง แม่เราก็เดินเข้าไปหา ความรู้สึกตอนนั้นแบบบอกไม่ถูกอะ น้ำตาไหล จะเรียกว่าโกรธก็โกรธแค้นก็แค้น อยากจะเดินไปจิกหน้ามัน ก็ทำไม่ได้ ได้แต่ยืนมองแม่เราก็ร้องไห้ เราก็ร้อง พี่เราด้วย แต่มันทำไรไม่ได้ แม่เราเคยบอกเราว่า ‘ไม่เป็นไรหรอกลูก เราอย่าไปเคียดแค้นเขา เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าที่เกิดขึ้น เขาเป็นคนทำจริงๆรึเปล่า ตอนนี้เราก็แค่รับรู้ไว้ เก็บไว้ในใจ ถ้าเขาไม่ได้ทำจริงๆ เราก็บาปเปล่าๆ ใครทำอะไรเดี๋ยวก็ได้ผลแบบนั้น คนแบบนี้ทำอะไรไม่เจริญหรอก' มันก็จริงแหละ ถ้าเขาไม่ได้ทำจริงๆ ก้บาปเราเปล่าๆ ตอนนี้ครอบครัวของเราเลยได้แต่คอยติดตามผลงานของเขาว่าจะเป็นยังไงต่อไป

ลืมบอกไปว่า ก่อนวันที่จะเคลื่อนศพพ่อเรา เรากับแม่ไปที่ทำงานพ่อเรา เพื่อไปเก็บของทั้งเสื้อผ้า เครื่องราชต่างๆเพื่อใช้ในการประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ แม่เราก็เจอเข็มที่ไว้ติดหน้าอกจะอธิบายยังไงดี คือพ่อเรากำลังจะได้เป็นรองผู้ว่าค่ะ ซึ่งเข็มนั้นจะมีแค่รองผู้ว่ากับผู้ว่าเท่านั้นที่ติด ซึ่งพ่อเราได้แล้ว เรื่องนี้ที่บ้านเราน่าจะมีแม่คนเดียวที่รู้ว่าพ่อได้เข็มนี้แล้ว แต่ช่วงนั้นก็คือมีข่าวมาตลอดมีคนนั้นคนนี้มายินดีกับพ่อเรา แต่พ่อเราก็หัวเราะอย่างเดียวไม่พูดไร

พ่อเราเขาอยากเป็นตั้งนานแล้ว พลาดมา3ปีแล้ว ปีแรกเหมือนพ่อแบบเพิ่งเริ่มเลยพลาดไป พอปีที่2กระแสก็มาว่าพ่อกับอีกคนนึงนี่แหละที่จะได้ขึ้นรอง แต่สุดท้ายก็ได้อีกคนไป จนมาปีนี้ก็มีข่าวพ่อเรากับอีกคนนึงว่าจะได้ขึ้น แต่คือเมื่อต้นปีเขาส่งเข็มนี้มาให้พ่อเราแล้ว ก็คือยังไงก้ได้พ่อเราแน่นอน เหลือแค่รอแต่งตั้งเดือนตุลาคมนี้ แต่พ่อก็มาดันป่วย แล้วก็เสียก่อน นี่ก็เป็นอีกเรื่อง ที่เราสงสารพ่อมาก มองรูปพ่อแล้วเราก็ร้องไห้ทุกที พ่อเราทำงานหนักมาก โดยที่สิ่งตอบแทนกลับมามันไม่คุ้มเลย เหมือนมันเป็นความฝันพ่อ ฝันที่กำลังจะสำเร็จ มันกำลังจะสำเร็จอยู่แล้วแท้ๆ มันแบบมันยังไม่สุดอะ ถ้าเป็นไปได้ ถ้าเรื่องทั้งหมดมันจะเกิดขึ้น เราอยากให้พ่อเราได้ก่อน อย่างน้อยมันก็คือฝันของเขา ที่เขาทำงานหนักมาตลอดอายุราชการ นี่แหละค่ะ เรากำลังจะดูว่าตุลานี้ ใครจะได้เป็น แล้วใครได้ขึ้นแทนตำแหน่งพ่อเรา พี่เราบอกว่า ‘ถ้าเป็นชื่อนายอ. ก็เตรียมเฮกันได้เลย5555555 ‘

หลังจากพ่อเราเสีย ไม่มีใครฝันหรือเห็นอะไรพ่อเลยแม้แต่คนเดียว มันก็แปลกนะ ปกติแม่เราฝันง่าย แล้วก็แม่นด้วย แต่นี่ไม่เลยคืนวันเผา ตระกูลเรามีพิธีพระราชธานเพลิงศพค่ะ เป็นพิธีที่เป็นเกียรติแก่วงตระกูล เราได้อ่านประวัติผู้วายชนม์ ตื่นเต้นมาก น้าเราบอกว่าห้ามร้องนะตอนอ่าน เราก็ซ้อมอย่างดีเลย พอไปพูดเรามั่นใจมาก ขจัดความรู้สึกเศร้าทุกอย่างออกไป จนถึงตอนที่อ่านเกี่ยวกับครอบครัวตอนนั้นคือ เสียงสั่น พยายามคุมสติ หายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อจนจบ พอจบเท่านั้นแหละน้ำตาที่กลั้นไว้ก็กรูกันออกมาไม่หวั่นไม่ไหว ผู้ว่าเขาก็เดินมาบอกเราว่า‘เข้มแข็งมาก ใจแข็งมาก นึกว่าจะร้องแล้ว สุดยอดไปเลย ตั้งใจเรียนนะลูก' เราแบบอยากให้พ่อได้ยิน อยากให้พ่อได้เห็นว่าเราทำได้ ว่าเราเข้มแข็งแค่ไหน พ่อเราคงภูมิใจ เพราะเราไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ไม่กล้าแสดงออกเลย แต่เราเชื่อนะ เชื่อว่าพ่อคงมองอยู่ที่ไหนสักแห่ง เค้าคงได้ยินสิ่งที่คนอื่นพูด ที่คนอื่นชมเรา

หลังจากเก็บของเคลียทุกอย่างเสร็จเราเดินทางกลับบ้าน ระหว่างทาง..แฟนพี่ชายคนโตเราก็พูดขึ้นมาว่าเหม็นอะ ถามน้าเราว่าได้กลิ่นมั้ย น้าเราก็บอก ‘ไม่นะ กลิ่นไรหรอ' เขาบอก ‘กลิ่นเหมือนกลิ่นธูปอะ' เท่านั้นแหละ ทุกคนก็มองหน้ากัน ก็ไม่พูดไร เหมือนพี่เขาจะได้กลิ่นคนเดียว พอไปถึงบ้าน เราก็เข้าในห้องพ่อกับแม่ เราก็นั่งๆนอนๆ พอลงมา พี่เราคนกลางอะ ก็บอกแม่ว่า ‘ก่อนที่จะเข้าห้องพ่อไปอะ ได้กลิ่นธุปหน้าห้องด้วย ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร เพิ่งมาคิดได้สักพักว่าเออว่ะ กลิ่นธูปจะมาอยู่แถวนี้ได้ไง' หลังจากนั้นเราก็ขึ้นมากทม.มาค่ะ มาเรียนต่อ ก็คอยถามข่าวคราวที่บ้านว่าเป็นไงบ้าง แม่บอกแม่กำลังเก็บของ ยายเราเอาดวงไปดูบอกว่าบ้านนั้นอยู่ไม่ได้แล้ว มันยังมีของอยู่ ถ้าอยู่แล้วมันจะไม่ดีกับคนในบ้านพอดึกๆเราก็โทรไปอีกถามว่าเก็บของหมดยัง แม่บอกเก็บไปบางส่วนแล้ว ดวงที่เอาไปดูอะของพ่อ เลยดูใหม่เป็นของแม่ เขาบอกว่ายังอยู่ได้ เพราะว่าดวงแม่แข็ง มีเทวดา3องค์คุ้มครองอยู่ เราก็มโนไปเองว่าเป็นเรา3คนพี่น้องรึเปล่า55555

จนถึงตอนนี้ก็ผ่านไป2เดือนแล้ว แม่เราก็ถามเราบ่อยๆว่าฝันถึงพ่อบ้างมั้ย เราก็ไม่ฝันเลย แม่เราก็ไม่ แต่พี่คนกลางเราเนี่ยดิ...
พี่เราบอกว่าฝันถึงพ่อหลายครั้งแล้ว พ่อมาใบ้หวยด้วย แต่ไม่ถูก ครอบครัวเราก็ไม่ได้ซื้อนะ55555
พี่ก็เล่าฝันล่าสุดเลยคือฝันว่าเห็นพ่อใส่เสื้อสีกากีอะ พี่บอกเหมือนพ่อตอนแต่งงานกับพ่อแรกๆ


พี่: พ่อ!! หล่อจัง ไอหยา หุ่นดี เห้ยแล้วพ่อตายแล้วไม่ใช่หรอ?

พ่อ: พ่อยังไม่ตาย

พี่ : พ่อจะไม่ตายได้ไง มีงานศพพ่อ แล้วก็เพิ่งไปเผาพ่อมาด้วย

พ่อ: พ่อยังไม่ตายจริงๆ พ่อโดนอุ้ม

พี่: แล้วพ่อไปอยู่ไหน กินอะไรยัง

พ่อ:พ่อเพิ่งหนีมาได้ พ่ออยู่วัด กินข้าววัด

ก็ประมาณนี้ แล้วก็มีอีกคืนนึงที่พี่เรากับเพื่อนพี่เราไปนอนบ้านอีกหลังนึงพี่เราบอกว่าพี่กับเพื่อนนอนห่างกันมาก แล้วพี่เรานอนตะแคงไงตอนนั้นก็ปิดไฟกำลังจะนอนเลย สักพักพี่เราก็รู้สึกที่นอนมันยวบไปแล้วก็รู้สึกว่ามีคนมาจี้หลัง พี่เราก็นึกว่าเพื่อนแกล้ง ก็เลยหันขวับไป เห็นเพื่อนนอนตะแคงอีกฝั่งห่างๆ พี่เราก็คิดในใจแกล้งกูใช่มั้ยพี่เราก็ตะแคงกลับไปเหมือนเดิม สักพักก็ที่นอนก็ยวบลงอีก พี่เราก็คิดละ เดี๋ยวจะแกล้งหันไปเอาให้จับได้เลยพี่เราก็ค่อยๆหันๆ ไปค่อยๆลืมตาเห็นเป็นมือดำๆกำลังจะเอามาปิดหน้า พี่เราก็หันขวับเลย ทุกอย่างหายไป พี่เราก็ตะโกนเลย ‘เห้ย!!แกล้งกูทำไม' เพื่อนพี่เราก็สดุ้งหันมา ทำหน้างงๆ บอกกูไม่ได้แกล้ง กูหลับ

หลังจากนั้นพี่เราก็ต้องกทม.มาฝึกงาน เราก็ถามว่าฝันหรือเห็นไรที่นี่มั้ย พี่เราก็บอกว่าไม่เห็นแล้ว
แล้วเราก็มารู้อีกอย่างนึงคือ พี่ชายคนโตเราเขียนเรื่องส่งเมลไปรายการคนอวดผี แล้วเขาก็ติดต่อกลับมาเบอร์แม่เราแม่เราก็เล่าเรื่องเหตุการณ์ทั้งหมดให้เขาฟังเขาก็บอกให้ส่งรูปงานศพ แล้วก็ตอนที่อยู่รพ.ไปให้เขา เราก็ส่งรูปที่ถ่ายที่รพ.ไปแม่เราก็อยากรู้ว่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นที่พ่อเราเสียนี่เกิดจากโรค หรือเพราะโดนของจริงๆ เขาก็บอกว่าจะติดต่อกลับมาอีกที..

 

ขอบคุณที่มา ::: http://pantip.com/topic/34220167 

Credit: http://variety.teenee.com/foodforbrain/72254.html
30 ก.ย. 58 เวลา 06:42 1,419
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...