วิวาห์สังหารในอินเดีย ฆาตกรต่อเนื่อง 20 ศพ

http://board.postjung.com/915270.html

วิวาห์สังหารในอินเดีย ฆาตกรต่อเนื่อง 20 ศพ

ผู้หญิงอินเดียที่ไม่ได้แต่งงานก็ไม่ต่างอะไรกับภาระและความอัปยศของครอบ ครัว หญิงสาวแทบทุกคนจึงพร้อมจะเปิดใจรับชายหนุ่มที่เข้ามาตีสนิท โดยไม่เคยระแวงเลยว่าสิ่งที่เห็นกับความเป็นจริงอาจไม่ใช่เรื่องเดียวกัน เพราะสุนัขจิ้งจอกบางตัวอาจแฝงกายมาในคราบของผู้ชายที่แสนดีก็ได้

ที่รัฐเคราลา ภูมินา หญิงสาววัย 35 ปี กำลังจะออกจากบ้านเพื่อไปเป็นเจ้าสาวของ "อนันดา" ครูหนุ่มใหญ่จากรัฐทางใต้ ก่อนออกเดินทางพ่อแม่ของเธออวยชัยให้พรเสียยืดยาว ด้วยความปลื้มใจที่ลูกสาวจะได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ถึงแม้พวกเขาจะไม่เคยรู้จักหัวนอนปลายเท้าของอนันดามาก่อน แต่ท่าทางสุภาพเรียบร้อยของชายหนุ่ม ก็ทำให้สองผัวเมียเชื่อว่าภูมินาจะต้องมีสามีที่ดีอย่างแน่นอน แต่แล้วหลังจากการอำลาในวันนั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้ข่าวคราวของภูมินาและสามีอีกเลย

เช่นเดียวกับครอบครัวของเบบี้ นายัค หญิงสาววัยเบญจเพสจากเมืองพิราจ ที่ไม่ได้ข่าวคราวลูกสาวอีกเลย หลังจากเบบี้กับ "อนันดา" เจ้าบ่าวที่เธอรู้จักเพียงวันเดียว มาบอกลาเพื่อเดินทางไปแต่งงานที่บ้านของเจ้าบ่าว ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าบ่าวที่แสนอ่อนโยนจะพาเบบี้เข้าพักในโรงแรมราคาถูกใกล้ กับสถานีรถประจำทาง KSRTC แล้วลงมือข่มขืนเธอ จากนั้นก็ให้เบบี้กินยาเม็ดหนึ่ง ก่อนจะหลบหนีไปพร้อมกับเงินทองและเครื่องประดับที่เธอนำติดตัวมา ทิ้งให้หญิงสาวนอนหายใจรวยรินจวนเจียนจะขาดใจตาย อันเป็นผลจากพิษไซยาไนด์ที่เธอกินเข้าไป กว่าที่พนักงานโรงแรมจะพาเบบี้ส่งโรงพยาบาล เจ้าสาวเคราะห์ร้ายก็อาการโคม่าเกินเยียวยาแล้ว เธอเสียชีวิตบนรถพยาบาลโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกชื่อฆาตกรให้ใครได้รู้

เหตุการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นกับอนิตา บาริมา วัย 22 ปี ซึ่งหายตัวไปเหมือนไม่มีตัวตนอยู่บนโลก หลังจากเดินทางไปพร้อใว่าที่เจ้าบ่าวเพื่อไปเข้าพิธีวิวาห์ที่บ้านของฝ่าย ชาย จะแตกต่างกันก็ตรงที่ครอบครัวของอนิตา ไม่ได้ชะล่าใจคิดว่าลูกสาวกำลังปรับตัวกับบทบาทแม่ศรีเรือนจนไม่มีเวลาแม้ แต่จะโทรศัพท์มาหา เหมือนครอบครัวหญิงสาวคนอื่นๆ พอลูกสาวขาดการติดต่อไปสองสัปดาห์ บิดาของอนิตาก็นึกสังหรณ์ขึ้นมาทันทีว่าลูกสาวและลูกเขยอาจถูกปล้นระหว่าง เดินทาง จึงตัดสินใจไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเมืองบันท์วัล ตาลุค จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดโปงคดีฆาตกรรมครั้งใหญ่ที่สร้างความตกตะลึง ไปทั่วประเทศอินเดีย

ตำรวจลงมือสืบหาด้วยการแกะรอยคลื่นโทรศัพท์ของอนิตา จนพบว่ามันถูกใช้ครั้งสุดท้ายที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ห่างจากเมืองมังกาลอร์ออกไปประมาณ 20 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่จึงติดตามไปจนพบตัวอนันดา แต่กลับไม่มีร่องรอยของอนิตาผู้เป็นภรรยา อนันดาจึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการหายตัวของหญิงสาวทันที เมื่อถูกสอบปากคำอย่างหนัก อนันดาก็จนด้วยหลักฐานจนต้องยอมสารภาพว่าเขาได้สังหารภรรยาไปแล้ว และที่น่าตกใจที่สุดก็คือ เขานี่ล่ะที่เป็นฆาตกรต่อเนื่อง เจ้าของปริศนาการหายตัวไปของหญิงสาว 20 คน

อนันดามีชื่อจริงว่า โมฮาน คูมาร์ วัย 46 ปี เป็นอดีตครูในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในเมืองบันท์วัล ตาลุค แต่ในปี 2003 เขาถูกไล่ออกจากงานเนื่องจากไม่ตั้งใจสอนหนังสือ ทำให้โมฮานหมดทางทำมาหากิน เขาจึงวางแผนหาเงินจากหญิงสาวที่อยากมีครอบครัว โดยเข้าไปตีสนิทแล้วขอเธอแต่งงาน จากนั้นก็ให้พวกเธอหอบเครื่องประดับเท่าที่มีอยู่ติดตามเขาไป ก่อนจะฆ่าชิงทรัพย์ภรรยาผู้น่าสงสารเหล่านี้เสียตั้งแต่กลางทาง

"ผู้ต้องหาจะเลือกเหยื่ออย่างระมัดระวัง โดยพุ่งเป้าไปที่ผู้หญิงเรียบร้อย ไม่ค่อยมีเพื่อน ท่าทางหัวอ่อน เมื่อพบคนที่เขาต้องการ เขาจะเข้าไปตีสนิท โดยทำทีเป็นทักคนผิดคิดว่าเธอเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่เขารู้จัก จากนั้นก็ใช้ความปากหวานตะล่อมถามถึงความเป็นอยู่ในครอบครัวของเธอ" ผู้กำกับการตำรวจเมืองมังกาลอร์แถลงต่อหน้านักข่าว "ถ้าหญิงสาวมีญาติพี่น้องหลายคน หรือมีญาติเป็นผู้มีอิทธิพล เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย โมฮานจะเลือกเฉพาะหญิงสาวจขากครอบครัวเล็กๆ ฐานะปานกลาง ไม่มีเส้นสายที่จะตามสืบหาตัวเขา เมื่อได้คนที่เหมาะสมแล้วเขาจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนในการหลอกล่อจนเหยื่อตกหลุมรัก แล้วจึงขอเธอแต่งงานโดยไม่ต้องมีสินสอด มีเหยื่อเพียงไม่กี่รายที่ปฏิเสธข้อเสนอนี้ หญิงสาวส่วนใหญ่อยากเป็นฝั่งเป็นฝาอยู่แล้ว เมื่อเขาเสนอว่าพวกเธอจะได้แต่งงานโดยไม่ต้องหาเงินค่าสินสอดมาสู่ขอเขา พวกเธอก็รับปากทันที"

วันรุ่งขึ้นเขาจะชวนเหยื่อไปทำพิธีแต่งงานกันที่มัสยิด จากนั้นก็ให้เธอไปบอกลาคนที่บ้าน พร้อมกับเก็บเงินทองของมีค่า ซึ่งโดยมากมักจะเป็นเครื่องประดับทอง เงิน และเครื่องเพชรที่แม่มอบให้ลูกสาวเป็นของขวัญแต่งงาน แล้วพาเจ้าสาวคนใหม่นั่งรถเมล์ไปลงที่เมืองใกล้ๆ เมื่อถึงที่เปลี่ยวที่หมายตาไว้ โมฮานจะบอกให้ภรรยาเอาเครื่องเพชร และกระเป๋าสตางค์ที่ใส่บัตรประชาชนมาให้เขาเก็บไว้เพื่อความปลอดภัย ก่อนจะข่มขืนเธอแล้วเอายาพิษไซยาไนด์ให้กิน โดยหลอกว่าเป็นยาคุมกำเนิด กลลวงของเขาทำให้ผู้หญิงที่มีความฝันจะได้แต่งงานต้องจบชีวิตลงอย่างน่า เวทนา เมื่อศพถูกพบในภายหลัง ตำรวจท้องที่มักสรุปสำนวนว่าเป็นคดีที่ปิดไม่ลง เพราะไม่รู้ว่าเหยื่อเป็นใครมาจากไหน เนื่องจากไม่มีเอกสารที่จะระบุตัวตนเหลืออยู่เลย

โมฮานยอมสารภาพว่านอกจากอนิตาแล้ว เขายังได้ทำฆาตกรรมหญิงสาวอีก 18 คน ด้วยวิธีเดียวกัน โดยบางช่วงเขาจะลงมือติดต่อกันหลายคดี จากนั้นก็เว้นช่วงไปนานหลายเดือนแล้วจึงออกอาลาวาดอีกครั้ง รวมเวลาในการฆ่าต่อเนื่องทั้งหมดประมาณ 5 ปีเต็ม ในบรรดาเจ้าสาวที่เขาสังหารไปมี 4 คนเป็นชาวเมืองโคดากู อีก 4 คนมาจากเมืองบันท์วัล ตาลุค 2 คนเป็นชาวเมืองซูเลีย 3 คนเป็นชาวเมืองพูเทอร์ คนหนึ่งมาจากเมืองมูดบิดรี 2 คนเป็นชาวเมืองเบลแทนกาดี 1 คนจากเมืองมันกาเลอร์ และที่เหลืออีก 2 คนมาจากเมืองกาสะราก็อด

ส่วนโรงแรมอันเป็นสถานที่ฆาตกรรมนั้น โมฮานจะเลือกที่ไม่ซ้ำกันเพื่อป้องกันคนจำหน้าได้ ผิดกับสถานีรถประจำทางที่เขาพาเจ้าสาวไปหยุดพัก ซึ่งโมฮานมักจะเลือกสถานที่ที่เขาคุ้นเคย เช่น สถานีแมดิเกอรี, สถานีเมืองบังกาลอร์, สถานีอุดูปี เป็นต้น เพราะเขารู้ทำเลเป็นอย่างดี รู้ว่าจะลัดเลาะจากสถานีไปยังโรงแรมเล็กๆ ในละแวกนั้นได้อย่างไรโดยไม่มีใครเห็น

ในตอนนั้น ชื่อของเหยื่อที่ตายด้วยน้ำมือโมฮานมีถึง 19 รายแล้ว จากประสบการณ์คลุกคลีกับผู้ร้ายใจทมิฬมามากทำให้ตำรวจเชื่อว่ายังมีอะไร บางอย่างที่โมฮานไม่ยอมบอกออกมา ไม่ว่าสิ่งที่เขาพยายามซ่อนเร้นจะเป็นอะไรก็ตาม แต่มันต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้เจ้าหน้าที่จึงไม่แปลกใจเลย เมื่อชายสูงอายุคนหนึ่งมาแจ้งความหลังจากได้อ่านเรื่องราวของโมฮานจาก หนังสือพิมพ์ เขาสงสัยว่าภูมินาลูกสาวของเขาซึ่งออกจากบ้านไปพร้อมลูกเขยได้หายตัวไปอย่าง ไร้ร่องรอยเช่นกัน พ่อเฒ่าจึงสงสัยว่าภูมินาอาจจะตกเป็นเหยื่อของฆาตกรต่อเนื่องที่กำลังเป็น ข่าวดังทั่วประเทศก็ได้ และเมื่อตำรวจนำรูปของโมฮานออกมาให้ดู บิดาของภูมินาก็ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเขาก็คือลูกเขยที่ภูมินาพามา รู้จักที่บ้านนั่นเอง การปรากฏตัวของพ่อเฒ่าบีบให้ฆาตกรเลือดเย็นจำต้องสารภาพว่าเขาได้สังหารภูมิ นาไปแล้วที่เมืองบัลกาลอร์ ห่างจากบ้านเกิดของเธอไม่ไกลนัก

เมื่อรวมคดีของภูมินาอีกหนึ่งคดี จำนวนเหยื่อฆาตกรรมในครั้งนี้จึงเพิ่มขึ้นเป็น 20 รายมากพอที่จะส่งโมฮานขึ้นสู่ลานประหารได้นับสิบครั้ง และเมื่อสืบคดีย้อนไปไกลกว่านั้น หน่วยสืบสวนก็พบอีกด้วยว่า เหยื่อรายแรกที่สังเวยชีวิตให้กับความอำมหิตของโมฮานเป็นหญิงสาวชื่อรัธนา เธอเป็นหญิงสาวคนแรกที่โมฮานพยายามล่อลวงให้แต่งงานด้วย แต่รัธนาปฏิเสธ โมฮานจึงบันดาลโทสะผลักเธอตกสะพานเนทราวาตี ที่เมืงธาร์มัสตาล จนจมน้ำตาย

คดีของโมฮานถูกตัดสินตั้งแต่ยังไม่ขึ้นศาลว่าเขาคงหนีไม่พ้นโทษประหาร เมื่อความตายที่เคยหยิบยื่นให้คนอื่นกลับมาถึงตัวเสียเอง โมฮานก็มีอาการตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำลายสติสัมปชัญญะและกำลังขวัญของเขามากที่สุดก็คือการ ต้องตระเวนไปตามเมืองต่างๆ เพื่อชี้จุดที่เขาสังหารเหยื่อแต่ละราย พร้อมกับบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเธอทุกคนให้ตำรวจฟังอย่างละเอียด ภาพของหญิงสาวผู้บริสุทธิ์ถึง 20 คนย้อนกลับเข้ามาในมโนสำนึกของเขา ทีละฉากละตอนราวกับจะมาทวงชีวิตของพวกเธอ ความกดดันถาโถมเข้าใส่โมฮานจนทนต่อไปไม่ไหว

เช้าวันหนึ่งเขาจึงพยายามฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอในห้องน้ำสถานีตำรวจ แต่ตำรวจที่เฝ้าอยู่หน้าห้องได้ยินเสียงผิดปกติเสียก่อนจึงเข้ามาช่วยยื้อ ชีวิตโฉดของเขาไว้ได้ เพื่อยืดเวลาให้เขาต้องจมอยู่กับห้วงเวลาแห่งความทรมานอีกนานนับเดือน จนกว่าจะถึงวันประหารชีวิต

โพสท์โดย: ตัวเดืยวอันเดืยว

Credit: โพสต์จังดอดคอม
#ฆาตกรรม
THEPOco
Production Manager
สมาชิก VIPสมาชิก VIPสมาชิก VIP
29 ก.ย. 58 เวลา 02:13 2,129 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...