พิธีกรรม ประหลาดเทศ

 

โยนเด็กเสี่ยงตาย


  เอพีรายงานเมื่อ 1 สิงหาคม ว่า นักสิทธิมนุษยชนอินเดียประณามชาวมุสลิมในเมืองโชลาปูร์ ทางตะวันตกของอินเดีย ที่จัดพิธี "โยนเด็ก" ลงมาจากหลังคาสุเหร่าบาบา อูเมอร์ ดูร์กา ซึ่งมีความสูงกว่า 15 เมตร ที่เชื่อว่าจะทำให้เด็กสุขภาพแข็งแรงและนำความร่ำรวยมาให้ครอบครัว ทั้งยังเป็นการแก้เคล็ดเนื่องเด็กอินเดียมีอัตราเสียชีวิตสูง



  คณะกรรมาธิการคุ้มครองสิทธิเด็กแห่งชาติของอินเดีย แถลงว่า ประชาชนยังขาดการเข้าถึงการให้บริการสาธารณสุขและควรสร้างความรู้ความเข้า ใจเกี่ยวกับสุขภาพเด็ก ทางคณะกรรมการจะสอบสวนการกระทำดังกล่าวต่อไป



  ชาว ฮินดูและชาวมุสลิมจัดพิธีกรรมดังกล่าวสืบเนื่องกันมากว่า 700 ปี ทำกับเด็กๆ อายุประมาณ 2 ขวบ รวบมือและเท้า เขย่าตัวในอากาศก่อนโยนลงบนฟูก ซึ่งมีญาติรอรับอยู่ด้านล่าง เด็กแต่ละคนกรีดร้องเสียงหลงอย่างเสียขวัญ ด้านผู้จัดงานครั้งนี้ ยืนยันว่าไม่มีเด็กคนใดได้รับบาดเจ็บ


ที่ มาจากหนังสือพิมพ์

 

ไม้คานลอยฟ้า

 

จากรายการ “มันแปลกดีนะ” เมื่อวัน เสาร์ที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา  เดิน ทางมาเปิดแปลกกันในงานแสดงศิลปวัฒนธรรม ที่ อำเภอนาน้อย  จ.น่าน ซึ่งจัดขึ้นเพื่ออนุรักษ์ประเพณีโบราณเก่าแก่ และหาดูได้ยากโดยเฉพาะพิธีกรรมและประเพณี “การเสก คาถาไม้คานลอยฟ้า”   ซึ่งเป็นการแสดงโชว์ในประเพณี สำคัญของท้องถิ่น   ซึ่งเป็นเรื่องแปลกที่สุดและ เป็นไฮไลท์ของงาน ซึ่งประเพณีนี้มิได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี  นานปีจึงจะทำขึ้นสักครั้ง บางคนเกิดมาทั้งชีวิตยังไม่เคยเห็น  ซึ่งผู้ทำพิธีก็คือ พ่อคำหล้า ผู้เฒ่าผู้แก่วัย 88 ปี และเป็นคนเดียวเท่านั้นในปัจจุบันที่ประกอบพิธีกรรมนี้ได้



 

โดยการเสกคาถาไม้คานลอยฟ้านี้ จะต้องมี ไม้ไผ่ขนาดยาว 1 เมตร ตัดปากกระบอกให้เป็นรู  ถ่านหุงข้าวก้อนเล็ก ๆ ซึ่งหาที่ไหนก็ได้  และดอกไม้ธูปเทียนกับเครื่อง เซ่นไหว้ ซึ่งเรียกว่า “ขันตั้ง” หลังจากเตรียมของประกอบพิธีครบแล้ว พ่อคำหล้าจะทำพิธีเสกคาถาใส่ไม้ไผ่ และ ก้อนถ่าน แล้วเขียนเป็นรูปวงกลม  คล้าย ๆ ยันต์ จากนั้นจะนำถ่านที่เสกใส่ลงในปลายด้านล่าง และ ด้านบนของกระบอกไม้ไผ่เป็นอันเสร็จพิธี  ซึ่ง พ่อคำหล้าบอกว่าจากไม้ไผ่ธรรมดา แต่หลังผ่านการปลุกเสกจะกลับกลายมีชีวิต ดิ้นไปดิ้นมา จะกดยังไงก็ไม่ลง ซึ่งทางรายการได้ทำการพิสูจน์   โดยขออาสาสมัครจากผู้ชมในงาน ซึ่งเป็นผู้ชายรูปร่างกำยำ 3 คน  รวมน้ำหนักกันแล้วเกือบ 200 กิโลกรัมมาช่วยกันกด  ก็ปรากฏว่า กดไม้ไผ่ลำดังกล่าวเท่าไหร่ก็ไม่ยอมลง ยิ่งออกแรงกด ก็เหมือนมีแรงดันให้ไม้ไผ่ลอยขึ้น ทำเอาหนุ่มๆอาสาสมัครออกแรงกดจนหน้าแทบคมำ ประมาณ 5 นาที ไม้ไผ่จึงสิ้นฤทธิ์  ท่ามกลางความทึ่งของคนดูหลาย ร้อยคนรอบบริเวณงาน 




และ เพื่อเป็นการยืนยันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ทางทีมงานรายการ “มันแปลกดีนะ”จึงขอให้ พ่อคำหล้า ทำพิธีอีกครั้ง โดยคราวนี้ทีมงานรายการขอเป็นผู้พิสูจน์ด้วยตัวเอง ซึ่งก็ปรากฏเหตุการณ์เหมือนเดิม คือกดเท่าไหร่ ไม้ไผ่ก็ไม่ยอมจรดพื้น ทีมงานกดแบบเต็มแรงจนหกล้มหกลุกแต่ก็ไม่สามารถกดไม้ไผ่ให้ติดพื้นได้ สร้างความทึ่งและแปลกใจให้กับผู้ที่ได้ลงไปพิสูจน์ด้วยตัวเองไม่น้อย



โดย นายสุ รศักดิ์ โวหเกียรติ์ ทีมงานรายการผู้ทำการพิสูจน์ เผยว่า..

“ ตอนที่พยายามกดไม้ลงไป จะรู้สึกว่ามีแรงต้านเอาไว้ ยิ่งออกแรงมากเท่าไหร่ แรงต้านก็จะยิ่งมากขึ้น ซึ่งไม่เข้าใจเหมือนกันครับว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่อยากจะบอกว่าไม่เชื่อ แต่ก็ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องแปลกที่เหลือเชื่อจริงๆครับ”

จากdek-d.com และ video sanook

พิธีตากศพให้แห้งแบบอบอริจิน (Aboriginal Body Exposure)




มัน คืออะไร
เป็นพิธีศพของชาวเผ่าออสเตรเลีย ชนเผ่าอะบอริจิน แต่หลายฝ่ายบอกว่าไม่จริงๆๆๆๆ ไม่มีพิธีแบบนี้นะ ไม่มีหลักฐานนี้หว่า

อย่างไรก็ตามดูๆ ไปจะเหมือนพิธีศาสนาธรรมดามากกว่า ในทิศเหนือโดยเฉพาะ โดยมีสองขั้นคือพิธีก็ทำศพให้แห้งตังหาก เอาใบไม้กับพุ่มไม้มาทับ ให้ศพแห้งแบบแต้ดแต๋ แล้วก็เอากระะดูกออกจากศพแห้งแล้ว มาทาสีแดง แล้วก็เอาศพมาแห่จากนั้นก็เอาไปใส่ไว้ในถ้ำ จนกลายเป็นฝุ่นไปเองไม่ก็เอาไปใส่หลุม นอกจากนี้มีรายงานว่ามีการกินศพด้วย.................กินศพญาติพี่น้องครับ ท่าน กินเนื้อ กินน้ำหนองของศพที่ตายแล้ว โอยท่าจะอร่อย



...ทำไม ถึงมีพิธีแบบนี้ละ?

 

เป็น ความเชื่อของคนถิ่นเดิมและวัฒนธรรมที่ของเขา


จาก www.agalico.com


 

ภาพหาดูย๊าก ยาก พิธีอาบน้ำคงคา มีที่เดียว เมืองพาราณสี

 

ภาพของเหล่าโยคี ในประเทศอินเดียนับหมื่นคน ต่างมารวมตัวกันที่ริมแม่น้ำคงคา เมืองพารา ณาสี เพื่อร่วมพิธีกรรมอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อที่มีมานาน พร้อมกับชมวิถีชีวิตริมแม่น้ำของชาวอินเดีย ทึ่งภาพความสวยงามและพิธีกรรมแปลกที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน


 

นิยายปรัมปรา มหากุมภ เมลา
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหม้อใบใหญ่บรรจุ น้ำอมฤตโผล่ขึ้นมาในทะเลน้ำนมที่เรียกว่า เกษียรสมุทร เทวดาและอสูรทำสงคราวแย่งชิงน้ำอมฤตนี้ ทำให้น้ำอมฤตกระเด็นไปตกในเมืองใหญ่ 4 เมือง คือ เมือง Hardwar(ต้นแม่น้ำคงคา) เมืองอัลลาฮาบัด(อยู่ที่ แม่น้ำคงคาและยมุนาบรรจบกัน) เมืองอุชเชนหรืออุชเช นี(อยู่ที่แม่น้ำ Sipra) และเมือง Nasik(ต้นแม่น้ำโคธาวารี) 






 

นอกจากความสำคัญในเรื่องน้ำอมฤตแล้ว พิธีมหากุมภ เมลา ยังสำคัญในแง่ตำแหน่งของ แม่น้ำด้วย แม่ น้ำคงคาอันเป็นที่ตั้งของเมืองอัลลาฮาบัดนั้น ชาวภารตะเชื่อว่าไหลมาจากสวรรค์ แม่น้ำคงคาในสวรรค์ ก็คือทางช้างเผือกนั่นเอง และแม่น้ำยมุนาก็มีความ สำคัญในเชิงประวัติศาสตร์ เพราะเป็นสถานที่ของสงคราม มหาภารตะยุทธ์
พิธีนี้เป็นพิธีของ พราหมณ์ และต่างจากพิธีของชาวฮินดูในการอาบน้ำในแม่ น้ำคงคา เมืองพาราณสี กลุ่มผู้แสวงบุญในพิธีนี้มี มากมาย กลุ่มที่น่าสนใจก็คือกลุ่มที่เรียกว่าชี เปลือย













ชีเปลือยมีแต่ชาย ไม่ยักเหมือนชีบ้านเรา ในอินเดียมีโทรทัศน์ช่อง มหาฤษีแชนเนล สอนศาสนา อย่างเดียวทั้งวัน พิธีกรเรียกฤษีที่มาสอนศาสนาว่า มหาชี ทุกคำ เน้นคำว่าชีเป็นพิเศษ คำว่าชีในบ้านเราอาจจะมาจากฤษีนี้ก็ได้ จึงมีการฉลองตามเมืองทั้ง 4 นี้เวียนกัน ไปตามตำนาน ซึ่งปีนี้มีงานตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม ถึง 21 กุมภาพันธ์ ที่เมืองอัลลาฮาบัด เฉพาะวันที่ 24 มกราคมมีความสำคัญพิเศษเพราะตรงกับขึ้น 15 ค่ำเดือนยี่ เป็นตรุษจีน ปีงูทองของจีน เรียกว่าวันนี้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งความเชื่อแขกและจีน 

จาก www.oknation.net/

พิธีส่งศพท่องอวกาศ (Space Burial)

 

มัน คืออะไร
กวนจริงๆ สำหรับพิธีศพอันดับหนึ่งมันสยองตรงไหนนี้ กับพิธีฝังศพที่สมัยใหม่ที่สมัยใหม่อย่างตรงไปตรงอย่างยิ่ง คือการส่งอัฐิไปลอยเหนือบรรยากาศโลก หรือ Space Funeral ซึ่งพิธีนี้เป็นความคิดของบริษัทจัดการศพ บาเตสวิลล์ คาสเก็ต ซึ่งใหญ่ที่สุดในอเมริกา ออกไอเดียที่จะให้คนรวยแต่ไม่มีบุญที่อยากไปอวกาศ ไหนๆ ก็ไปตอนมีชิวิตไม่ได้ก็ขอไปตอนตายก็ได้ฟ่ะ


ใช่!! คุณสามารถทำพิธีฝังศพด้วยตัวเองของคุณ เว็บนี้เลยครับ http:// www.memorialspaceflights.com ราคาก็ขึ้นอยู่กับต้องวิธีการส่งและระยะทางที่จะไปไกลขนาด ไหน โดยราคาขั้นต่ำอยู่ที่ 695$ เท่านั้นเอง(ล่าสุด มีลูกค้าใช้เงินกว่า 60,000 $ เพื่อไปดวงจันทร์!!
เมื่อวันเสาร์ (28 เม.ย.) ได้ปล่อยจรวดที่เต็มไปด้วยอัฐิมนุษย์กว่า 200 คน ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงอัฐิของ เจมส์ ดูแฮน ดาราระดับตำนานที่รับบทเป็น มอนโกเมอรี สก็อตต์ หรือ สก็อตตี้ หัวหน้าวิศวกรแห่งยานเอ็นเตอร์ไพรส์ในซีรีย์หนังอวกาศสุดอมตะเรื่อง สตาร์ เทร็ค และนายกอร์ดอน คูเปอร์ อดีตนักบินอวกาศของยานเมอร์คิวรี ซึ่งเป็นยานอวกาศบรรทุกมนุษย์รุ่นบุกเบิกขององค์การบริหารการบินและอวกาศ สหรัฐ (นาซา)


รายงานระบุ ครอบครัวและเพื่อนฝูง รวมถึงสาวกของซีรีย์เรื่องสตาร์ เทร็คกว่า 500 คน ได้ไปรวมตัวกันที่ทะเลทรายอันห่างไกลในรัฐนิวเม็กซิโกที่ใช้เป็นสถานที่ ปล่อยจรวด ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยน้ำตา และรอยยิ้มของแฟนๆ ที่ทั้งอาลัย และยินดีได้ส่งอัฐิของดาราผู้เป็นที่รักขึ้นอวกาศเสียที หลังจากที่ต้องเลื่อนมาหลายครั้งนับแต่เสียชีวิตเมื่อปี 2548 โดยผู้ที่ต้องการส่งอัฐิขึ้นไปโคจรในอวกาศจะต้องเสียค่าใช้จ่ายคน ละ 495 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 17,000 บาท)ไม่แพงใช่ไหมละ

ที่มาwww.agalico.com

พิธี Ashura



เป็น ประเพณี ของ กลุ่มนิกายชีอะห์ ครับ ... อันเนื่องมาจากสาเหตุที่ว่า วันนี้ ในอดีต นั้นเป็นวันที่ ท่านฮุเซน บินอะลีย์ บินอะบีฏอลิบ (หลานชายท่านศาสดานบีมูฮัมหมัด )ถูกสังหารอย่างทารุณในสง ครามอัฏฏ็อฟ ในอิรัก ซึ่งตรงกับวันที่ 10 มุฮัรรอม ฮ.ศ. 61 (หรือ 10 ตุลาคม พ.ศ. 1223) เนื่องมาจากว่า ท่านฮุเซนและครอบครัวได้ร่วมกันต่อสู้กับกองทหารฝ่ายกบฎจากซีเรีย ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาบ่าย ในการต่อสู้ครั้งนี้ ฝ่ายท่านฮุเซนมีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นรวม 132 คน ( ซึ่งเป็น ญาติพี่น้อง และ บรรดาสาวกที่จงรักภักดีต่อท่าน ฮุเซน ) ยกเว้นท่านซัยนุลอาบิดีน บุตรชายคนหนึ่งของท่านฮุเซนที่ไม่สามารถออกรบได้ เพราะป่วยอยู่ในขณะนั้น จึงรอดชีวิตจากการสังหารหมู่ในครั้งนั้น




กลุ่ม ชีอะห์ จะไว้อาลัย ท่านฮุเซนในวันอาชูรอ โดยการจัดพิธีกรรม เช่นการเล่าเรื่องอิมามฮุเซนจากประวัติศาสตร์ การขอดุอาอ์ (ขอพร) การร้องไห้ การเลี้ยงอาหารและน้ำให้แก่คนยากจน นกจากนี้ ยังมีพิธีการที่แสดงออกถึงการรำลึกถึงความโหดร้าย และความเจ็บปวดในโศกนาฏกรรมครั้งนั้น เช่น การ กรีดหัว ลุยไฟ ทุบอกชกตัว หรือ ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ(ในภาพเฆี่ยนตัวด้วยใบมีด) เป็นต้น





เมืองไทย ก็มีครับ คนไทยเรียกพิธีพวกนี้ ว่า เต้นเจ้าเซ็น ครับสัญลักษณะที่มักปรากฏในพิธีนี้คือ ธงดำ กองไฟ มือของฮุเซน ภาพที่นำมาเป็นพิธีAshura ในเลบานอนครับสำหรับมุสลิมสุหนี่







พิธีAshuraหรือ ในภาษาไทยเรียกกันว่า วันอาชูรอครับ ตามปฏิทินอิสลาม จะตรงกับวันที่ 10 เดือน มุฮัรรอม (มุหัรรอมเป็นเดือนแรกแห่งปีจันทรคติอิสลาม) คำว่า อาชูรอ นั้น อิมาม นะวะวีย์ กล่าวว่า หมายถึง วันที่สิบของเดือนมุหัรรอม" (อัลมัจมูอฺ 6/352) ในกลุ่มของยาฮูดีย์ (ยิว ) นั้น เชื่อว่าวันอาชูรอ คือ วันที่อัลลอฮฺได้ทรงทำให้นบีมูซา (โมเสส) และบนีอิสราเอล ( พวกอิสราเอล) รอดพ้นจากการจับกุมของฟาห์โร และกองทหารของฟาห์โรจมน้ำทะเล ดังนั้น จึงมีการถือศีลอด เพื่อแสดงความขอบคุณพระเจ้า(อัลลอฮฺ )






ใน สมัยก่อนนั้น ท่านศาสดานบีมูฮัมมัด (ศ.ล.) ได้เคยกำหนดให้วันนี้ เป็นวันถือศีลอด ฟัรดู (ภาคบังคับ)สำหรับ มุสลิม จนกระทั่ง พระเจ้า(อัลลอฮฺ (ซบ.)) ได้มีบัญชาให้ เปลี่ยนไปถือศีลอดในเดือน รอมฎอม แทน ... การถือศีลอดในวันอาชูรอ จึงเปลี่ยนไปเป็นการถือศีลอด ซุนนะห์ ( ไม่บังคับ)







ดัง นั้น ความสำคัญของ วันอาชูรอ สำหรับมุสลิม นิกายซุนหนี่ห์ จึงมีเพียงเท่านในมุสลิมสายสุหนี่จึงไม่มีการกรีดตัวอย่างที่เห็นครับ


ที่มาจาก  www.magcartoon.com
Credit: http://atcloud.com/stories/71887
#แปลก
Messenger56
นักแสดงรับเชิญ
สมาชิก VIP
24 พ.ค. 53 เวลา 22:39 7,176 12 68
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...