เรื่อง จริงทะลุโลก (Extension)

(Tinku) ประเพณีในโบลิเวียถือได้ว่าเป็นงานประเพณีประลองพลังที่แปลกแหวกแนวที่สุด ของโลกที่เดียวเพราะเล่นกันถึงตาย!! อันประเพณีเริ่มต้นจากชาวถิ่นอะคาซิโอนั้นมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกเป็นสองฝ่าย ด้วยกันคือ ฝ่ายพวก มาซ่าย่าส์ คือชาวไร่ชาวนาที่ครองพื้นที่ปลูกอุดมสมบูรณ์ กับอีกพวกคือ ฝ่าย อลาซาย่าส์ คือพวกเลี้ยงแกะอยู่พื้นที่ภูเขาสูงๆ ขึ้นไป ในอดีตกาลนั้นสองเผ่านี้ไม่กินเส้นกันนัก เพราะต่างคนอยากได้อาณาเขตของแต่ละฝ่ายมาครอบครอง จนเกิดสงครามย่อยๆ กระจิบๆ มาจนถึงรุ่นปู่รุ่นหลาน แม้แต่ปัจจุบันนี้ความแค้นนี้ก็ไม่หืดหาย แต่ไม่ถึงกับไล่บุกฆ่าแกงกันนอกกฎหมาย แต่เมื่อถึงเทศกาลทินยู เมื่อใด ต้องมีอันต้องตบตีต่อสู้กันถึงตายเมื่อนั้น โดยที่ตำรวจประจำถิ่นก็ไม่มีอำนาจพอที่จะห้ามปรามด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังมีเหตุผลรองลงมาคือ การถวายความสะใจแก่ "เจ้าแม่พาชามา" เป็นเจ้าแม่ผู้ดลบันดารความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พื้นที่ปลูกตามความชื่อของเผ่า นี้ อีกทั้งยังเป็นการรักษาธรรมเนียมของอินคาที่มีแต่นานนมอีกด้วย เทศกาลหรือประเพณีทินยูนั้นจัดขึ้นราว 2 ครั้ง ในหนึ่งปี (ถี่กว่าฟุตบอลโลกอีก) และแต่ละครั้งก็ต้องมีการยกพวกตีกันระหว่างสองหมู่บ้านจนถึงเลือดตกยางออก หรือมีการตายทุกครั้งไป
 

เมลานี รีด นักวิชาการด้านโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ ค้นพบเหรียญโรมันที่ผลิตขึ้นมาเพื่อฉลองชัยชนะในการพิชิตอาร์เมเนียของ จักรพรรดิโรมันผู้นี้โดยบังเอิญระหว่างการตรวจสอบเหรียญโบราณที่ถูกทิ้งไว้ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ของธนาคารแห่งหนึ่งในนิวคาสเซิล เหรียญเหล่านี้ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดีจนอยู่ในสภาพที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ทำให้สามารถศึกษารูปร่างหน้าตาของ คลีโอพัตรา และ มาร์ก แอนโธนี่ ได้ แตกต่างจากเหรียญในยุคเดียวกันที่เคยค้นพบก่อนหน้านี้ซึ่งพบในสภาพที่ไม่ สมบูรณ์มากเพียงพอ เหรียญเงินที่ด้านหนึ่งเป็นภาพมาร์ก แอนโทนี และอีกด้านคือคลีโอพัตรา รูปลักษณ์ของ คลีโอพัตราในเหรียญที่ค้นพบใหม่นี้ แสดงให้เห็นคลีโอพัตราในลักษณะของผู้ทรงบารมี เข้มแข็ง และเด็ดเดี่ยว ดูได้จากลักษณะของรูปคางเรียวแหลม ริมฝีผากบางเฉียบ และจมูกโด่งแหลม นักวิชาการด้านโบราณคดีชี้ให้เห็นว่า ลักษณะดังกล่าวสอดคล้องกับงานเขียนในยุคคลาสสิคจำนวนมากที่พรรณาถึงคลีโอพัต ราในลักษณะของผู้ทรงปัญญา ชาญฉลาด และมากบารมี โดยน้อยมากที่จะบอกว่าเป็นผู้ซึ่งมีความงามอย่างยิ่งและใช้ความเลอโฉมของตน เพื่อสยบผู้อื่น พูดง่ายๆ ว่า คลีโอพัตรา ใช้สมองของพระนางสยบผู้ชายมากกว่าใช้ร่างกายนั่นเอง
 

คอนยัก(Konyak) เผ่าล่าหัวคน ใครก็ตามที่บุกป่าผ่าดงเข้าไปในดินแดนนากาแลนด์คงต้องระวังตัวให้จงหนัก... เพราะทุกวันนี้ชนเผ่า คอนยัก (Konyak) ซึ่งอาศัยอยู่ในดงทึบของแผ่นดินนี้ยังไม่เลิกประเพณีโบราณแห่งการล่าหัว มนุษย์แน่นอน แม้ว่ารัฐบาลอินเดียจะกำชับกำชาหนักหนาแล้วก็ตามที มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เคยได้ยินชื่อชนเผ่า "คอนยัก" กันมาก่อน ที่จริงคำว่า "คอนยัก" นั้นอาจจะทำให้ไขว้เขวนึกไปถึงบรั่นดี คอนยัก (cognac) ที่เป็นเครื่องดื่มอันแสนจะโด่งดังของฝรั่งเศสมากกว่า หากแต่คำพ้องว่า "คอนยัก" นั้นเมื่อนำมาพูดกันในดินแดนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียแล้วถือว่า คำ ๆ นี้เป็นคำที่ไม่มีชาวอินเดียอยากจะได้ยินนัก เพราะชื่อคอนยักนั้นล้วนแล้วแต่ทำให้จินตนาการไปได้ไกลถึง ชนเผ่าที่เต็มไปด้วยการล่าสังหาร - ชนเผ่าที่ใช้อาวุธมีคมที่เรียกว่า "เด-โอส" (daos) ตัวหัวคู่อริและชนเผ่าที่ปกครองยากพร้อมที่จะเรียกร้องความเป็นอิสระของตน เองอยู่ตลอดเวลา ทุกวันนี้ชนเผ่านี้ก็ยังมีตัวตนอยู่ และถูกจำกัดพื้นที่อยู่ในดินแดนที่เรียกว่า "นากาแลนด์" (Nagaland) ซึ่งเป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยชนเผ่าที่มีรากเหง้ามาจากชาวนากาเมื่อหลาย ศตวรรษก่อน
 

อูกันดา (Uganda) อีดี้ อามิน(1925_2003) จอมเผด็จการอูกันดา เขาก่อการปฏิวัติด้วยทหารของเขากว่า 9000 นาย และในปี 1975 เขาประกาศตัวว่าเป็น “ประธานาธิบดีเจ้าชีวิต(President for life)” จากนั้นก็งดโฆษณาและสื่อทั้งหมด และบังคับให้ประชาชนสวมชุดขาวไปเมืองหลวงในขณะที่เขานั่งบนบัลลังก์ เขาจับตัว นายพลจัตวา สุไลมาน ฮุสเซน ผู้บังคับการกองทัพบกแห่ง อูกานดา อย่างอุกอาจและฆ่าและตัดศีรษะจากนั้นก็เก็บไว้ใน ช่องฟิสต์ในตู้เย็นที่บ้านและนำออกมาให้คนภายนอกเห็นเป็นบางครั้งบางคราว เขายังบังคับประชาชนให้ท่องคำสาบานจงรักภักดี และคุกเข่า นอกจากนี้เขายังเผยแพร่ถ่ายทอดสดการตัดศีรษะของนักโทษการเมืองให้ประชาชนใน ประเทศได้ดูกันสดๆ พร้อมกันนี้เขายังเอาเลือดที่ไหลจากคอใส่แก้วและนำมาดื่มสดๆ อย่างกระหาย

สุดยอดภาพถ่ายผี ภาพหนึ่งเดียวที่เป็นของเอเชีย หายากจริงๆ ครับ เนื่องจากปี 2000 ขึ้นไปนี้ส่วนใหญ่รูปถ่ายผีส่วนมากเป็นของปลอม โปโตช็อปสักอย่างทำอย่างไรก็ได้ ยิ่งเป็นของเอเชีย ฝรั่งเขาตั้งแง่ก่อนเลยครับว่า "อีนี้ปลอมชัวร์" แต่ในเว็บบรรดาภาพทั้งหลายนั้นก็มีรูปถ่ายผีที่เป็นของเอเชียเหมือนกัน โดยภาพนี้ถ่ายในปี 2000 ที่กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ สองสาวในรูปนี้กำลังเดินเล่นยามค่ำคืนในเมืองหลวง และพวกเธอก็ไหว้วานให้คนแปลกหน้าที่เดินผ่านไปช่วยถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือ ถือ และมีถ่ายเสร็จ เอามาดูอีกที นั้นแหละมีเงาใสๆ เงาหนึ่งกำลังจับแขนแม่สาวคนหนึ่งด้วย เสมือนว่าผีอยากเป็นเพื่อนด้วย....... ภาพนี้มีอยู่ในสมาคมนักศึกษาวิจัยผีครับ(www.ghostresearch.org) เขาบอกว่าเป็นภาพที่ไม่สามารถอธิบายด้วยเทคนิคใดๆ ได้ และมีคุณสมบัติเป็นภาพถ่ายผีที่ดีที่สุดอีกภาพหนึ่ง
 

อาหารสยองโลก อ่านไม่ผิดหรอกครับ รกเด็กนี้แหละ ไม่ใช้สัตว์นะครับ รกของมนุษย์หรือคนนี้แหละ เชื่อหรือไม่ว่ารกมนุษย์นั้นสามารถเป็นอาหารได้(ไม่งั้นผีกระสือจะชอบกิน ทำไมละ) ในทางการแพทย์จีนถือว่ารกเด็กนั้นเป็นยาสมุนไพรที่ช่วยบำรุงร่างกาย และแก้ปัญหาเสื่อมสรรถภาพทางเพศในชาย แก้โรคหัวใจ และวัณโรค ที่อเมริกาและยุโรป ฮาวาย และบางเกาะ เชื่อว่า ป้องกันภาวะโรคซึมเศร้า ก็อันเนื่องมาจากรกเด็กนั้นอุดมด้วยโปรตีน วิตามิน แคลเซียม ฮอร์โมน และแร่ธาตุต่างๆ มากมาย ในอินเตอร์เน็ตบางแห่งได้นำเสนอสูตรการกินรกเด็กอย่างน่าเอร็ดอร่อยไว้ด้วย วิธีก็ง่ายๆ คือเอาเหล้าผสมหลายชนิดเขย่าและนำรกมนุษย์ดิบๆประมาณ 1/4ถ้วย ใส่น้ำผลไม้ น้ำแข็ง หัวผักกาดแดง ½ ถ้วย ผสมด้วยความเร็วสูง 10 วินาที และดื่ม....โอ้ไม่(ปล. ในอินเตอร์เน็ตมีการขายสารสกัดจากรกเด็กโจ้งแจ้งมาก ในรูปแบบเครื่องสำอาง หรือแบบผงไว้ชงกิน แต่อย. ไม่รับประกันนะ เพราะมันไม่ได้ขึ้นทะเบียน)
 

โรคประหลาดสยอง โรคโพรพีเรีย มาจากภาษากรีซ คำว่า porphyrus ซึ่งแปลว่า สีม่วง ( purple ) เป็นโรคที่มีอาการผิดปกติทางผิวหนังเกิดอาการแพ้แสง จะเกิดเป็นแผลพุพอง ทำให้บวม และเนื้อเยื่อผิวตายจนเป็นแผล อวัยวะส่วนยื่นเป็นระยางยื่น เช่นจมูก นิ้วมือนิ้วเท้า จะเกิดเป็นแผลเรื้อรัง จนหลุดขาดออกจากร่างกาย, ริมฝีปากจะเกิดอาการดึงรั้ง จนมองเห็นฟันชัดเจน นอกจากนั้นยังเห็นเล็บ ปัสสาวะเป็นสีม่วง, ชมพู, สีน้ำตาย หรือดำ ด้วยอาการแพ้แสงทำให้ผู้ป่วยกลัวแสง และออกจากบ้านเฉพาะเวลากลางคืน ทำให้หลายคนเรียกโรคนี้ว่าโรคผีดูดเลือด ส่วนการรักษาทำได้โดยการให้เลือด,ถ่ายเลือด(ในสมัยโบราณจะใช้การให้ดื่ม เลือด) และกระเทียมมีการเคมีบางตัวที่ใช้รักษาโรคโพรพีเรีย ทำให้ผู้ป่วยบางคนกลัวกระเทียม
 

หนอนมรณะมองโกล เป็นหนึ่งใน สัตว์ประหลาดในตำนาน ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ลึกลับ (Cryptozoology ศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ลึกลับ ) ต้องการจะค้นหาและ พิสูจน์หาความจริงให้ได้มากชนิดหนึ่งในโลก โดยมีข้อมูลของ สัตว์ประหลาดตัวนี้ดังนี้ ตามตำนานเล่าว่ามันมีถิ่นอาศัยอยู่ใน ทะเลทรายโกบี ( Gobi Desert ) หนอนมรณะมีลำตัวสี แดงจัดคล้ำเหมือนบรรจุด้วยเลือด มีจุดคล้ำกว่าอยู่บนผิว ดูยากว่าอันไหนคือหางอันๆไหนคือหัว เพราะมันไม่มีตาจมูกและปากให้เห็น ลำตัวยาว 0.6 - 1.5 เมตร ชาวมองโกเลียบางคนบอกว่ามันมีปีกเหมือนไส้กรอกเป็นได้ เคลื่อนที่โดยกลิ้งไปกลิ้งมาและขยับไปข้างๆ แทนที่จะกระดิ๊บเหมือนหนอน ปกติมันจะอยู่ในโพรงทราย มีชื่อในภาษาท้องถิ่นว่า " อัลกอย(Allghoi) "หรืออัลเลอร์กอร์ไฮ-ฮอร์ไฮ(Allegorhai-horhai) ซึ่งมีความหมายว่า หนอนเลือดในลำไส้ เนื่องจากมีรายงานว่าพบมันในลำไส้ของวัว ตามที่ชาวมองโกลได้เล่าต่อกันมา พวกมันสามารถพ่นกรดกำมะถัน ( Sulfuric Acid ) สีเหลืองใส่เหยื่อ พิษของมันสามารถฆ่าสัตว์ที่มันหมายหัวได้ ไม่ว่าจะเป็นหมา อูฐ ไปจนถึงคน ตายทันทีที่สัมผัส มีรายงานคนที่ตายเพราะมันด้วย ยังมีความเชื่ออีกว่า พวกมันสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าเพื่อสังหารเหยื่อ ได้อีกด้วย · ตามความเชื่อของชาวท้องถิ่น หนอนมรณะมองโกล คือสิ่งชั่วร้าย และอัปมงคลเป็นที่สุดกับการที่ได้พบเห็น หรือเพียงแต่เอ่ยชื่อ ยังเป็นที่หวั่นเกรง หวาดกลัว ไม่มีรูปถ่ายเกี่ยวกับมัน
 

ภาพการตัดสินพิพากษาที่ 15 Dhahian Rakan-Sibai’I ซึ่งทำการประหารในปี 2007 การตัดหัวนั้นเป็นวิธีที่ครึ่งไทยได้ไปใช้และได้รับยกเลิกเพราะมันโหดร้าย แต่กระนั้นการประหารนี้ยังคงมีอยู่ในปัจจุบันในบางประเทศที่มีกฎหมายอิสลาม เช่น โซมาลี ซาอุดิอาระเบีย การตัดหัวที่พบเห็นบ่อยที่สุดในประเทศที่มีกฎหมายมุสลิน คือการประหารโดยใช้ดาบวงพระจันทร์ ในประเทศซาอุดิอาระเบียจะทำการประหารนี้ที่ใจกลางเมือง ในนครเจดาห์ คืนวันศุกร์ในที่สาธารณะนอกมัสยิดหลักของเมือง หลังจากละหมาด ต่อหน้าทุกคนที่ชุมนุมกันมาดู(ผมดูสารดดีที่ใจกลางประหารที่พื้นจะมีช่อง ระบายน้ำสำหรับกวาดเลือดที่ไหลออกจากตัวของนักโทษลงไป) การลงโทษนี้ใช้สำหรับนักโทษที่ลงมือกระทำข่มขืน, ฆาตกรรม, ยาเสพติด และปฏิเสธความเชื่อทางศาสนา เนื่องด้วยมันเป็นดาบวงพระจันทร์ มันไม่ใช้ดาบหนักๆ ที่มีพลังทำลายมาก ดังนั้นมีอยู่บ่อยครั้งที่นักโทษประหารไม่ตายในดาบเดียว ทำให้เพชฌฆาตต้องลงดาบซ้ำหลายครั้งจนกว่าหัวจะหลุดจากบ่า วิธีการประหารตัดหัวของประเทศซาอุได้จุดประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยธรรมจาก นานาๆ ประเทศอย่างมากมาย เนื่องจากมีนักโทษอายุน้อยที่ตายในการประหารชีวิตแบบนี้ด้วย ซึ่งในภาพคือ Dhahian Rakan-Sibai’I เขาถูกตัดหัวในขณะอายุ 18 ปีเท่านั้น

 

SEALAND (Principality): เกาะเล็กที่สุดในโลก ซีแลนด์ เป็นประเทศจำลองขนาดเล็ก ตั้งอยู่ที่ป้อมปราการทางทะเลด้านตะวันออกเฉียงใต้ของสหราชอาณาจักรเป็นระยะ ทาง 10 กิโลเมตร (ประมาณ 6 ไมล์ทะเล) ป้อมปราการนี้ครั้งหนึ่งมีชื่อว่า "HM Fort Rough" (หรือเรียกกันว่า Rough Towers) ที่อังกฤษสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อปี 1944 ซึ่งห่างออกจากชายฝั่งอังกฤษทางด้านทะเลเหนือ 10 กิโลเมตร (6 ไมล์ทะเล) ในระหว่างสงครามเคยมีทหารประจำการอยู่ที่นี่ประมาณ 150-300 นาย เมื่อสงครามจบลง ป้อมก็ถูกทิ้งให้ร้างไปตั้งแต่ปี 1956 ป้อมปราการแห่งนี้ถูกยึดครองโดยพันตรีแพดดี รอย เบทส์(Roy Bates) อดีตนายทหารสื่อสารแห่งกองทัพบกสหราชอาณาจักร เพื่อใช้ตั้งเป็นสถานีวิทยุกระจายเสียงเถื่อน ได้ประกาศให้ป้อมกลางทะเลดังกล่าวแยกตัวเป็นอิสระจากเขตแดนของอังกฤษ และตั้งชื่อประเทศว่าซีแลนด์ รวมทั้งตั้งตัวเองเป็นเจ้าชายรอย เบทส์ หรือเรียกอีกชื่อว่า Roy of Sealand เมื่อวันที่ 2 กันยายน 1967 แต่ไม่มีการรับรองจากประเทศที่เป็นสมาชิกของสหประชาชาติแม้เพียงประเทศเดียว ทำให้ที่นี่ไม่มีสถานะเป็นประเทศโดยสมบูรณ์และขาดการยอมรับจากนานาชาติ
 

คุณเคยได้ยินคำว่า “Amok” ไหม แน่นอน ในภาษาอังกฤษแปลว่าคลุ้มคลั่ง ในภาษามาเลเซียรู้จักคำนี้ที่แปลว่าอาการคลุ้มคลั่งของช้างตกมันและแยกออก จากฝูง เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ นอกจากนี้มันก็ยังเป็นชื่อของโรคจิตเช่นกัน มันก็คือโรค “Amok”เป็นโรคที่เกิดในมาเลเซีย เป็นรูปแบบหนึ่งของความบ้า ผู้มีอาการนี้จะมีความรู้สึกอยากต่อยหรือฆ่าผู้อื่นอย่างกะทันหัน โดยไม่สนนั้นว่าคนนั้นจะเป็นใคร (แบบว่าเปรี้ยวกะทันหัน) และเมื่อทำการปลดปล่อยอารมณ์เสร็จแล้ว(ฆ่าคนเสร็จแล้ว) จะหมดแรงและจำอะไรไม่ได้เลย (อย่างนี้คงกล่าวอ้างในศาลได้เนอะว่าผมไม่รู้เรื่องครับ สงสัยเพราะผมเป็นโรค Amok เลยฆ่าคนไปแค่ 3 รายเอง.....) พูดเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่เคยมีกรณีที่มาแล้ว เมื่อปี 2000 มีคดีเกิดขึ้น 13 ราย มีรายงานว่ามี 11 คนถูกฆ่า และ 23 ได้รับบาดเจ็บ และคนก่อคดีก็อ้างต่อศาลว่าเป็น “Amok” และสุดท้ายก็รอดพ้นกฎหมาย ฮ่าๆๆๆ ส่วนสาเหตุโรคนี้อาจพบได้ในโรคลมชัก ไข้มาเลเรีย ซิฟิลิสขึ้นสมอง สูบกัญชา กินสารพิษ ส่วนพบได้ในคนที่มีบุคลิกภาพแบบอันธพาลในประเทศกำลังพัฒนา อันเกิดจากความตึงเครียดของภาวะแวดล้อม การเจ็บป่วยเรื้อรัง โรคติดเชื้อ
 

เกาะโพลลีเพล, นิวยอร์ก (Pollepel Island) กลางแม่น้ำฮัดสัน เกาะโพลลีเพล ของนิวยอร์ก มีประวัติศาสตร์ที่น่ากลัว เกาะแห่งนี้เป็นยุทธภูมิสำคัญในช่วงสงครามประกาศอิสรภาพของชาวอเมริกัน ยุคต้นศตวรรษที่ 19 เกาะแห่งนี้ครอบครองโดยชาวสกอตแลนด์ ฟรานซีส แบนเนอร์แมน ผู้ผลิตปืนพก เขาสร้างโกดังสินค้าด้วยรูปแบบปราสาทของชาวสก็อตที่มีหอคอยสูง หลังจากที่เขาเสียชีวิตในปี 1918 ปรากฏว่าดินระเบิดและลูกปืนใหญ่น้ำหนักรวมกันกว่า 200 ปอนด์เกิดระเบิดขึ้น ส่งให้ชิ้นส่วนบางส่วนของปราสาทลอยไปไกลถึงตัวเมืองนิวยอร์ก แรงระเบิดทำให้เรือบรรทุกสินค้าและเรือขนส่งผู้โดยสารระเบิด ชนฝั่ง และจมลงสู่ก้นแม่น้ำ ผู้คนมากมายเสียชีวิตฉับพลัน ณ ที่แห่งนี้
 

ราชอาณาจักรเกย์และเลสเบียนแห่งหมู่เกาะคอรัลซี เพลงชาติ: "ฉันเป็นตัวของตัวเอง" ("I am What I am") รูปแบบประเทศ: ประเทศจำลอง ที่ตั้ง: หมู่เกาะคอรัลซี ดินแดนที่อ้างสิทธิ์: หมู่เกาะคอรัลซี ประชาชน: ชาวเกย์และชาวเลสเบียน วันสถาปนารัฐ: 14 มิถุนายน 2547 ประมุข: สมเด็จพระจักรพรรดิเดลที่ 1 (เดล พาร์เคอร์ แอนเดอร์ซัน) โครงสร้างการปกครอง: ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ภาษาราชการ: อังกฤษ หน่วยเงิน: ยูโร ราชอาณาจักรเกย์และเลสเบียนแห่งหมู่เกาะคอรัลซี (อังกฤษ: Gay and Lesbian Kingdom of the Coral Sea Islands) เป็นประเทศที่จำลองขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ กลุ่มเรียกร้องสิทธิชาวเกย์ (อังกฤษ: Group for Gay Rights) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย การสถาปนาประเทศนี้เป็นการแสดงออกของลัทธิชาตินิยมในหมู่ผู้ชื่นชอบเพศเดียว กัน (queer nationalism)

 

 

 

 

Credit: http://atcloud.com/stories/72998
#แปลก
Messenger56
นักแสดงรับเชิญ
สมาชิก VIP
24 พ.ค. 53 เวลา 22:01 6,332 8 52
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...