ชา เนลกำเนิดขึ้นมาจากมันสมองของกาบริแอล โคโค่ ชาเนล เธอลืมตามาดูโลกในวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ.1883 ค่ะ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันครบรอบวันเกิดของเธอแล้วนะคะ วัยเด็กของชาเนลนั้น ถือว่าลำบากทีเดียว เพราะหลังจากคุณแม่ตายจากไปในขณะที่เธอยังเด็ก ต่อมาไม่นานพ่อก็ทิ้งไปอีก สุดท้ายแล้ว แม่สาวน้อยของเราก็เลยต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเด็กกำพร้า
ชาเนลในวัยสาว
แต่ นี่อาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับอนาคตก็ได้ เพราะที่บ้านเด็กกำพร้าที่มีเหล่าแม่ชีเป็นผู้ดูแลเด็กสาวๆนั้น ได้มีการสอนให้เรียนรู้เกี่ยวกับการตัดเย็บ ทำให้กาบริแอล ได้โอกาสเปิดโลกทัศน์เกี่ยวกับเสื้อผ้า และหลังจากอายุครบ 18 ปี ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ต้องออกจากบ้านเด็กกำพร้าที่อุปการะมานานหลายปี กาบริแอลก็ใช้ความสามารถด้านนี้ไปทำงานในร้านตัดเย็บเพื่อหาเลี้ยงชีพ และมีบางช่วงที่หาลำไพ่พิเศษยามค่ำด้วยการเป็นนักร้องในคาเฟ่ ซึ่งที่นั่นเรียกขานเธอว่า โคโค่ ชาเนล ซึ่งกลายมาเป็นชื่อที่โด่งดังของเธอในที่สุด
ในช่วงแรกๆของการทำงาน นี่เองค่ะ ที่สาวน้อยวัยสะพรั่งของเราได้ เปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งมโหฬาร เมื่อได้รู้จักกับเอเตียง บาซอง เศรษฐีเพลย์บอย รักแรกที่นำความหรูหรามาสู่ชีวิตแม่สาวรุ่นด้วยของกำนัลต่างๆ เช่น เสื้อผ้าราคาแพง ไข่มุก หรือแม้แต่เพชร นั่นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นให้โคโค่ สนใจความหรูหรา ที่กลายมาเป็นแนวคิดการออกแบบของเธอในเวลาต่อมา
ใน ช่วงนั้น ถือได้ว่าเป็นรุ่งอรุณแห่งการเริ่มฉายแสงของชาเนลค่ะ เพราะเป็นช่วงที่โคโค่เริ่มต้นหัดออกแบบหมวกเป็นงานอดิเรก และต่อมาก็เกิดหลงใหลงานด้านการออกแบบเอาอย่างจริงๆจังๆ ในขณะที่ความรักเดินหน้าไปไม่ถึงไหน สาวเจ้าแยกทางจากเอเตียง บาซอง แล้วก็เลิกเป็นลูกจ้างด้วย เธอตัดสินใจเปิดร้านขายเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง โดยขายพวกเสื้อกันฝน แจ็กเกต และเสื้อผ้าแฟชั่น แต่มันก็เหมือนกับความรัก คือไปไม่รอด แต่แทนที่จะหมดหวัง โคโค่กลับมีความมุ่งมั่นมากขึ้น
ย้อน กลับไปที่เรื่องของหัวใจ หลังเลิกรากับคนเดิม เธอก็เกิดไปสะดุดรักหนุ่มใหม่ อาเธอร์ คาเพล ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเกลอของกิ๊กเก่านั่นแหละ แถมรักใหม่คราวนี้ก็เป็นเศรษฐีอีกเหมือนกัน และด้วยการช่วยเหลือของเขา โคโค่ก็สามารถเปิดร้านได้ใหม่ในบริตานี คราวนี้เป็นร้านขายหมวกที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จ บรรดาคนดังหรือดาราของฝรั่งเศส ต่างก็พากันหาซื้อและสวมหมวกจากร้านที่นำแฟชั่นของเธอ เป็นการเริ่มสร้างชื่อเสียงให้โคโค่ ชาเนล ได้เป็นอย่างดี
ต่อมา โคโค่ก็เปิดตัวเสื้อกีฬาสำหรับผู้หญิงในร้านใหม่ที่โดวิลล์ คราวนี้ประสบความสำเร็จแบบล้นหลามทีเดียวค่ะ จากการออกแบบเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ด้วยแนวคิดที่จู่ๆแม่สาวนักออกแบบหน้าใหม่ก็ประกาศก้องฝรั่งเศสว่า ผู้หญิงควรจะแต่งตัวเพื่อตนเอง ไม่ใช่แต่งเพื่อให้ผู้ชายดู ว่าแล้วแนวคิดนี้ก็ถูกขานรับจากสาวๆแดนน้ำหอม ที่หันมาแต่งตัวด้วยแฟชั่นของโคโค่ ชาเนล กันยกใหญ่ ถือเป็น "การปฏิวัติ" วงการแฟชั่นเลยก็ว่าได้
ก่อนหน้านั้น แม้ฝรั่งเศสจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย แต่ความงามแบบฝรั่งเศสยุคก่อนนั้น ก็เป็นเรื่องทรมานสาวๆน่าดูชมทีเดียวค่ะ เพราะแฟชั่นสมัยก่อน ผู้หญิงมักจะสวมชุดรัดรูปแบบที่น่าจะเรียกว่ารัดติ้ว ในขณะที่กระโปรงก็เป็นทรงสุ่ม ที่แม้จะหรูหรา แต่มันทั้งแข็งและไม่สะดวกสบาย แถมระบายอากาศไม่ได้ ทำให้ต้องทนร้อน ทนเหงื่อออกอยู่ภายใต้ความหรูหรานั้น เรียกว่า สวยตามสมัยนิยม แต่คนสวมใส่แทบจะลมใส่นั่นแหละค่ะ ดังนั้น พอโคโค่ลุกขึ้นมาทวงสิทธิ์ที่จะให้ผู้หญิงได้ใส่เสื้อผ้าที่สวมสบาย เพื่อความสะดวกของสตรีเอง โดยไม่ต้องสนใจว่าผู้ชายจะชอบหรือไม่ ก็ทำให้เสื้อผ้าของเธอกลายเป็นยุคใหม่ของแฟชั่นฝรั่งเศส
ด้าน การออก แบบนั้น โคโค่มักจะเน้นที่ความเรียบง่ายเหมือนกับที่เธอเคยกล่าวเอาไว้ว่า ความเรียบง่ายเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของความงามสง่าที่แท้จริง ดังนั้น ชุดของเธอจึงจะเป็นชุดแบบง่ายๆ สบายต่อการสวมใส่ แต่มีความสง่า และเปิดเผยร่างกายแบบเซ็กซี่พองาม
งานของโคโค่ทำให้ผู้หญิงสัมผัสได้ ถึงความอิสระแบบที่ไม่เคยได้รับมาก่อน พวกสาวๆโดยเฉพาะสาวหัวสมัยใหม่ชื่นชอบผลงานของเธอมาก จนทำให้เกิดสาวสังคมรุ่นใหม่ที่กล้านุ่งกระโปรงสั้น แต่งหน้าเข้ม ก๋ากั่นแบบดื่มจัด ในขณะที่มือก็คีบบุหรี่ ซึ่งเป็นเหมือนชีวิตของโคโค่เองด้วย
นอกจากเสื้อผ้าที่ใส่สบาย แบรนด์ชาเนลยังได้ดัดแปลงชุดของผู้ชายมาให้เป็นชุดเท่ๆของผู้หญิง โคโค่เป็นนักออกแบบคนแรกๆที่กล้าทำกางเกงให้สาวๆได้ใส่กัน หลังจากที่นิยมแต่กระโปรงมาโดยตลอด จนบางคนบอกว่าเธอทำให้มีความเป็นเด็กหนุ่มอยู่ในตัวของเด็กสาว แต่พอถึงเวลาเป็นการเป็นงาน เธอก็ออกแบบชุดให้สาวๆใส่ไปงานกลางคืนได้อย่างสง่างามไม่แพ้ใครด้วยแนวคิด ชุดกลางคืนสีดำที่กลายเป็นชุดยอดนิยม
ชา เนลในวัยใกล้เกษียณ
หลัง จากประสบความสำเร็จจากเสื้อผ้า โคโค่ ก็เปิดตัวน้ำหอมชาเนล นัมเบอร์ ไฟว์ เป็นของตัวเอง นับเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าคนแรกที่มีน้ำหอมภายใต้ชื่อเดียวกัน จนกลายเป็นมาตรฐานให้นักออกแบบรุ่นหลังได้เดินตามรอย
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่กิจการไปได้ด้วยดี ในปี ค.ศ.1939 โคโค่ต้องปิดร้านลงเพราะเป็นช่วงที่เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเธอมองเห็นแล้วว่าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมของแฟชั่น
ในช่วงสงคราม นั้น นาซีจากเยอรมนีสร้างฐานอำนาจไปทั่วยุโรป มีข่าวออกมาว่าโคโค่ ได้หันไปมีความสัมพันธ์ กับพวกนาซีคนหนึ่ง และนั่นก็ทำให้ชื่อเสียงของเธอมัวหมอง แต่ความซ่าส์ก๋ากั่นก็ยังไม่หยุดหรอกค่ะ เพราะมีเรื่องเล่าว่า ตอนที่ผู้คนรุมประ-ณามที่โคโค่ในวัยเฉียดเกษียณไปรักกับนาซีนั้น "คุณป้า" โคโค่ก็ตอกกลับพวกปากหอยปากปูว่า แหม...อยู่มาจนอายุป่านนี้แล้วถ้ามีใครมารักสักคนก็คงไม่ต้องขอดูพาสปอร์ต ก่อนจูงมือกันขึ้นเตียงหรอกน่า
เห็นไหมคะว่าซ่าส์ไม่มีขีดจำกัดเลย จริงๆ แต่มันก็อาจจะทำให้ผู้คนที่เกลียดชังนาซีเหม็นขี้หน้าเธอมากขึ้น จนป้าแกต้องหลบหน้าผู้คนไปอยู่ที่ดินแดนเป็นกลางอย่างสวิตเซอร์แลนด์อยู่ หลายปีนับตั้งแต่สงครามสงบใน ค.ศ.1945 จนคิดว่าผู้คนน่าจะลืมเรื่องราวฉาวๆแล้ว โคโค่ซึ่งตอนนั้นก็อายุปาเข้าไป 71 ปี ถึงได้กลับปารีสอีกครั้งในปี 1954 ด้วยความหวังที่จะหวนคืนสู่โลกแฟชั่น แต่กลายเป็นว่าคนฝรั่งเศสไม่ค่อยยอมรับผลงานของเธอแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ยี่ห้อชาเนลล้มเหลว เพราะกลับไปได้รับความนิยมจากสาวๆอเมริกันที่กลายมาเป็นลูกค้าหลักของชาเนล
โคโค่อยู่ดูความสำเร็จของชาเนลต่อมาอีก หลายปีค่ะ ก่อนจะหัวใจวายตายจากไปในวันที่ 10 มกราคม 1971 เรียกว่าอายุยืนพอใช้ คือ 87 ปีเศษ แต่จากวันนั้นถึงวันนี้ ยี่ห้อชาเนลก็ไม่หยุดการพัฒนา ยังคงเดินหน้าเป็นเสาหลักเสาหนึ่งของวงการแฟชั่นโลก และออกผลิตภัณฑ์มาอีกมากมายหลายอย่างตามเจตนารมณ์ของโคโค่ ชาเนล นักออกแบบผู้ปฏิวัติวงการแฟชั่น นักออกแบบเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับเลือกจากนิตยสารไทม์ให้เป็น 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลของโลกในศตวรรษที่ 20
ก่อนที่โคโค่ ชาเนล จะจากไปไม่กี่ปี มีผู้สนใจชีวิตของเธอจนมีการนำไปสร้างเป็นละคร บรอดเวย์ และล่าสุดเรื่องของเธอก็กลายมา
เป็น ภาพยนตร์จอเงินที่จะเข้าฉายรับวันครบรอบวันเกิดของเธอในเดือนนี้ ภายใต้ชื่อเรื่อง Coco Avant Chanel หรือชื่อไทยว่า "โคโค่ ก่อนโลกเรียกเธอชาเนล" ซึ่งถ่ายทอดชีวิตเบื้องหลังของนักปฏิวัติแฟชั่นผู้ทำให้สตรีที่เคยติดอยู่ใน กรอบกลายเป็นสาวมั่นกันได้ทั่วโลกอย่างทุกวันนี้.
Credit by : ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมงาน ต่วย'ตูน