จะเพื่อนๆท่านใดมีใครจำเรื่อง นี้ได้มั๊ยคะ การผจญภัยของ ผ้าขี้ริ้ว..มันเป็นเรื่องอ่านนอกเวลาในหนังสือเรียนภาษาไทย
ตำรวจสาวจำ ได้รางๆ ว่าเป็นเรื่องของเสื้อ..ที่ลอยไปตามสายลมถูกเก็บได้ และนำไปใช้ในหลายๆ แบบ..จำตอนจบไม่ได้... แต่จำความรู้สึกสนุกได้ดี
เลยลองเข้า มาค้นดู...ตำรวจสาวค้นแล้ว เจอแต่ภาพที่ถ่ายมาจากหนังสือ เลยพิมพ์ มาให้เพื่อนๆอ่าน จะได้อ่านได้ง่ายๆ.....แล้วเพื่อนๆ จะย้อนวัยเด็กไปเช่นเดียวกับตำรวจสาว....แก่อ่ะจิ่....555
เวลาท้ายแบบเรียนภาษาไทยป. 5 เล่ม 2 เรื่อง การผจญภัยของผ้าขี้ริ้ว
พออ่านบทนำเรื่องแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็น การเขียนเรื่อง ของนักเรียน
ชั้นประถมปีที่ 5 - 6 แต่งได้ดี ชอบมากๆค่ะ
-----------
การผจญภัยของผ้าขี้ริ้ว..
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ แม๋ ! ฉันรู้สึกอายจังเลยค่ะ แต่ก็มีความยินดีมาก ที่ได้มาเล่าเรื่องของดิฉันให้เพื่อนๆฟัง ไม่ต้องถามหรอกค่ะว่าดิฉันเป็นใคร เพราะดิฉันกำลังบอกว่า ฉันคือ "ผ้าขี้ริ้ว " เพราะเพื่อนๆคงรู้จักดีทุกคน และยังคงเคยใช้พวกพ้องของฉันเช็ดข้าวของ ต่างๆด้วยใช่ไหมคะ ?
วันนี้ดิฉันนอนอยู่ข้างห้องน้ำใน คฤหาสน์ของนายกเทศมนตรี(ขอใช้คำว่าคฤหาสน์เถิดนะคะ เพราะมันโก้ดี) แต่เดิมน่ะ ดิฉันไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกค่ะ ดิฉันเป็นกางเกงของเด็กชายเล็กๆคนหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ ที่หมู่บ้านจัดสรร แห่งหนึ่งแถวชานเมืองต่อมาสัก 2 ปีเห็นจะได้
ฉันเก่าลง และเด็กชายคนนั้นใส่ฉันไม่ได้อีกแล้ว รวมทั้งก็ไม่มีน้องเสียด้วย
ฉันต้องเลยแปรสภาพลงมาเป็น " ผ้าขี้ริ้ว " แม๋ ! เดิมดิฉันเป็น " คน " รักความสะอาด
เสียด้วยซี ฉันจึงไม่ค่อยอยากจะเช็ดฝุ่นอันเปรอะเปื้อนอยู่ตามฝาผนัง หรือเช็ดคราบ
กาแฟที่หกลงบนโต๊ะเสียเลย แต่..บัดนี้ ฉันรู้สึกยินดีมากทีเดียวที่ฉันได้เป็นผู้รักษาความสะอาดที่ต่างๆ และสิ่งของภายในบ้าน ประโยชน์ของดิฉันมิได้ลดน้อยลงไปกว่าการที่ฉันเป็นกางเกงแต่เดิมเลย แต่ฉันก็ยังเป็นสิ่ง " สกปรก " ตามความคิดของคนอื่นอยู่นั่นเอง ทั้งๆที่ฉันช่วยให้ บ้านและสิ่งต่างๆของสะอาดน่ามองดูแท้ๆ เข้าควรจะชมฉันมากกว่าว่าฉันเป็นสิ่ง " สกปรก " เสียอีก
-----------------
วันหนึ่งคนใช้รื้อตู้เก่าๆ และนำฉันไปเช็กสิ่งต่างๆที่รื้อออกมา มีทั้งตลับชี้ผึ้งเก่าๆ กล่องรูป เหรียญสตางค์แดง โอ๊ย! ยัง มีอีกเยอะแยะ วันนั้นฉันสกปรกมาก คนใช้จึงนำฉันไปซัก และตากใว้ที่ราวผ้า โดยไม่ใช้ไม้หนีบ หนีบฉันใว้
สักครู่ มีลมกรรโชกมาอย่างแรง ฉันจึงปลิวมาติดที่กิ่งไม้ ฉันติดอยู่ที่นั่นทั้งวัน
แล้ววันรุ่งขึ้น มีนกตัวหนึ่งบินมาคาบฉันไป จะเอาฉันไปรองรังของมันกระมัง เฮ๊อ !
ค่อยยังชั่วหน่อย นี่ฉันจะได้ " บำเพ็ญ " ประโยชน์อันแปลกประหลาดอีกแบบหนึ่งแล้ว
----------------
แต่แล้ว.....ว้า! เรื่องของฉันมี...แต่...อยู่เรื่อยเลย แต่แล้ว... มีนกอีกตัวหนึ่งบินมาแล้วแย่งฉันกับนกตัวเก่า ทั้งสองแย่งฉันอยู่ตั้งนานแน่ะ ในที่สุด....ตัวของฉันขาดเป็น สองส่วน ส่วนหนึ่งของฉัน ซึ่งเป็นส่วนเล็กๆ ติดไปกับนกตัวใหม่ อีกส่วนหนึ่งติดไปกับนกตัวเก่า
นกตัวเก่าบินคาบฉันผ่าน ทุ่งนา ป่า หมู่บ้าน จนถึงหมู่บ้านในแหล่งเสื่อมโทรมแห่งหนึ่ง
มีเด็กชาย 2 - 3 คน ใช้ก้อนหินปานก นกร้องด้วยเสียงอันดัง การที่นกอ้าปากร้องทำให้ฉันร่วงจากปากของเขา และเข้าก็ไม่สามรถแย่งฉันคืนเพราะเด็กเหล่านั้นตะครุบฉันใว้ เข้าจึงบินหนีไป
ฉันสงสารเข้าจังเลย เด็กพวกนี้ใจร้ายจริงหนอ เขาไม่ได้ทำร้ายใครสักนิด ยังใช้ก้อนหินปาเขาได้ลงคอ..
--------------
เด็กชายเหล่านั้นจึงพูดว่า " เฮ๊ย ! ชัย ขอกางเกงตัวนี้ให้ข้าเถอะ ข้าจะเอาไปให้แม่ข้าซ่อมให้น้องใส่ " เด็กชายคนหนึ่งซึ่งไม่ได้สวมเสื้อ แต่สวมกางเกงสีน้ำเงิน ซึ่งเปื้อนฝุ่นและถ่าน จนสีติดจะดำไปทุกที พูดขึ้น " มันจะดีเหรอ เดช ข้าก็ช่วยปานกเหมือนกันนา " เด็กชายที่ชื่อชัยพูด "ให้เดชไป เถอะชัย ให้น้องเดชมันใส่ " เด็กชายที่ท่าทางเป็นหัวโจกและอายุมาที่ สุดพูด "ขอบใจมากนะพี่ก้อง" เดช พูด
แล้วเดชก็นำฉันเดินไปตามสะพานไม้เก่าๆ ใต้สะพานเป็นน้ำเน่าสีดำ ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง และแล้ว....เดชมาหยุดที่หน้าบ้าน ซึ่งมีลักษณะ เป็นเพิงเล็กๆ เขาก้าวเข้าไปในบ้าน เรียกแม่ให้ดุกางเกงอย่างยินดีว่า " แม่ ดูกางเกงตัวนี้ซี เดชเก็บมาให้ "
"ให้แดงใส่หรือลูก" แม่พูดพรางใช้มือผอมๆ ลูบศรีษะของเดชเบาๆอย่างรักใคร่แล้วหยิบกางเกงมาดู"แล้วแม่จะซ่อมตรงที่ขาดให้ ขอบใจเดชมาก" แล้วแม่ของเดชก็ใช้เศษผ้าเก่าๆ ผืนเล็กๆมาปะที่ตัวฉัน ฉัน ไม่ชอบตรงที่ปะเสียนี่เลย ดูไม่ใช่ตัวของตัวเอง มันเป็นผ้าเก่าๆ สีซีดๆ แต่ยังดีที่มันช่วยให้ฉันไม่ขาดเป็นรูโหว่อีกแล้ว..
-----------------
แดง น้องของเดชใส่เสมอ ดูจะถูกใจเขายิ่งนัก ส่วนฉันกองอยู่กับกองเสื้อผ้า วันหนึ่งแดงคงหิวงอแง และแม่ก็ไม่อยู่เสียด้วย ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้ แดงตรงมารื้อกองเสื้ออย่างอารมณ์ไม่ดี ไม่มีใครอยู่ ไม่มีใครห้ามแดงเลย ขณะที่แดงเหมือนช้างที่กำลังตกมันไม่มีใครห้ามได้ ฉันถูกแดงปาออกมาทางหน้าต่าง โดยแรงและตกลงไปในน้ำครำสีดำ
ว้า! ฉันไม่ชอบน้ำครำเสียเลย ฉันลอยตามน้ำครำไปเรื่อยๆ แล้วลอดใต้สะพาน เวลานี้เองที่ฉันสังเกตุเห็นว่ามีสิ่งต่างๆลอยอยู่ในน้ำมากมาย มีถุงพลาสติก หลอดกาแฟ
รองเท้า ท่อนไม้ กระป๋องลิ้นจี่ และสิ่งอื่นๆอีกมากมาย สภาพของฉันตอนนี้ ไม่เป็นกางเกงอีกแล้ว.....
--------------
ฉันลอยอยู่ในน้ำครำตั้งเกือบ 1 สัปดาห์ ฉันจึงมาเกยฝั่ง ที่นั่นมีกองขยะมากมายกองโตจนเหมือนภูเขาขยะ ขนาดย่อมๆ กลิ่นน้ำเน่าเหม็นๆ ก็ไม่ค่อยถูกกับฉันอยู่แล้ว ยิ่งมาพบกับกลิ่นขยะ ฉันยิ่งแย่ใหญ่ ตอนนี้ฉันเป็นผ้าสีดำๆ ตัวฉันมีกลิ่นเหม็นๆ ฉันไม่ชอบเลย
วัน ต่อมา ดวงอาทิตย์ทอแสงอ่อนๆ ฉันลืมตาขึ้น รู้สึกว่าตัวชุ่มไปด้วยน้ำค้างในยามเช้า แต่ไม่นานนัก...หยาด น้ำค้างเหล่านั้นก็ระเหยไปจนหมด และตัวฉันเริ่มแห้ง..จนแห้งสนิท เที่ยง..แสงแดดร้อนแรง จนตัวฉันแทบสลายลง เป็นจุณ ยามนี้ อากาศร้อนอบอ้าวจริงๆ " ถ้ามีลมพัดมาสักวูบหนึ่งก็คงจะดีทีเดียว " ฉันคิด "ฉันจะได้คลายร้อนและถ้าลม พัดแรงๆ ฉันก็อาจจะได้ไปจากที่นี่ " ยาม เย็น ..อากาศเย็นขึ้น ฉันรู้สึกสดชื่น ความร้อนและอบอ้าวในตอนเที่ยงหายไปหมด...
---------------
ไม่นานนักมีเด็กหญิงเล็กๆ คนหนึ่งเดินมาที่กองขยะ เมื่อเธอเห็นฉัน เธอก้มลงเก็บฉันขึ้นมา จากนั้นเธอเดินไปที่กองขยะ ค้นหาถุงพลาสติก และเศษผ้าจนเนื้อตัวสกปรก ใกล้ค่ำ เธอหยุดเก็บแล้วเดินออกไปจากที่นั่น
เธอพาดิฉันมาบ้านเล็กๆ หลังหนึ่ง ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวห่างจากบ้านหลังอื่นๆ เมื่อเธอเปิดประตูบ้าน ฉันแลเห็น หญิงสาวค่อนข้างสวยคนหนึ่งกำลังรีดผ้าอยู่ ผ้าที่รีดนั้นเป็นผ้าผืนเล็กที่เย็บริมอย่างเรียบร้อย ฉันดูก็รู้ว่าเศษผ้านั้น มีค่าขึ้น เด็กหญิงวางของที่เก็บมาข้างฝาผนัง หญิงสาวหันมามองเด็กหญิงแล้วกล่าวว่า "ขอบใจมากจ่ะปิ่น ลูกไปอาบน้ำอาบท่าเสียก่อนเถอะ ดูซิมอมแมมจังเลย " ปิ่นเดินไปข้างในเพื่ออาบน้ำ....
------------
ฉันสอดสายตาไปรอบๆบ้าน ก็แลเห็นถุงพลาสติกขนาดต่างๆกันตั้งอยู่ ฉันจึงพอเดาได้ว่า ปิ่นมีอาชีพขายถุงพลาสติก และผ้าที่แม่ปิ่นกำลังรีด ส่วนคนที่ซื้อจะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่ ฉันนอนอยู่ข้างฝาผนังนั้นทั้งคืน เพราะปิ่นกับแม่ไม่ได้ย้าย
ฉันไปใว้ที่อื่น
รุ่งเช้า แม่และปิ่นช่วยกันซักผ้าที่ปิ่นเก็บมาและมีฉันรวมอยู่ด้วย ปิ่นกับแม่ซักอย่างสะอาด ทำให้ฉันสะอาดขึ้น แต่ยังไม่สะอาดทีเดียวนัก
แม่จึงบอกปิ่นว่า " ผ้าผืนนี้อย่าขายเลยนะลูก ยังไม่สะอาดดี เอาใว้ ทำผ้าขี้ริ้วในบ้านเราแล้วกัน " "จ้ะ แม่ " ปิ่นตอบ ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ เป็นผ้าขี้ริ้วอยู่ที่บ้าน ส่วนผ้าอื่นๆปิ่นก็เอาไปขายทุกวัน แต่ระยะนี้เป็นระยะเศษฐกิจฝืดเคือง ปิ่นจึงขายผ้าไม่ได้ แม้จะขายถุงพลาสติกได้บ้าง แต่เงินที่ได้มาก็พอสำหรับค่าอาหารไปวันหนึ่งๆเท่านั้น แม่ ของปิ่นเห็นไม่ได้การ จึงคิดจะออกไปหางานทำนอกบ้านแต่โชคไม่ช่วยแม่เลย แม่ออกหางาน วันแล้ว ...วันเล่า จนเป็นสัปดาห์ แม่ก็ยังไม่ได้งารนฉันจึงได้แต่อวยพรให้แม่ได้งานทุกครั้งที่แม่ออกจาก บ้าน....
---------
แล้ววันหนึ่ง...แม่กลับมาจนค่ำ พอเข้ามาในบ้าน แม่แสดงอาการดีใจแทนอาการเซื่องซึมเมื่อแม่ไม่ได้งาน "แม่คงได้งานจริงๆ"ฉันนึกในใจ และก็เป็นจริง แม่บอกปิ่นให้เก็บของแล้วพูดว่า
" แม่ได้งานเป็นคนใช้ที่บ้านนายกเทศมนตรี ลูก ถึงแม้จะเป็นอาชีพที่ต่ำต้อยแต่ก็สุจริต " ฉันเห็นด้วยกับแม่
จากนั้น...แม่และปิ่นก็ย้ายไปอยู่บ้านนายกเทศมนตรี โดยขนข้าวของทั้งหมดไปใว้ทีบ้านนายกเทศมนตรี ปิ่นเอาฉันไปด้วย นี่แหละ ฉันจึงได้มาอยู่ที่นี่.....