เรียบเรียงโดย Clipmass.com
"รูปปั้นโมอายแห่งเกาะอีสเตอร์" เป็นรูปปั้นหินยักษ์อายุกว่า 100 ปีที่จัดสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของโลก รวมทั้งเป็นมรดกโลกที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่ในปัจจุบันอีกด้วย
โดยคาดว่ารูปปั้นโมอายน่าจะถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1250 และ 1500 ด้วยฝีมือของชาว Rapa Nui ที่อาศัยอยู่บนเกาะ ซึ่งมีพื้นเพมาจาก Polynesia
และคาดว่ารูปปั้นโมอายนั้นเป็นตัวแทนของบรรพบุรุษ โดยการจัดวางรูปปั้นโมอายนั้นจะตั้งอยู่ในตำแหน่งหันหน้าออกจากเกาะ
รูปปั้นโมอายที่อยู่บนเกาะนั้นมีจำนวนทั้งหมด 887 ตัวด้วยกัน และหลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่ารูปปั้นโมอายนั้นมีเพียงส่วนหัวเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วมีการขุดลึกลงไปและพบว่า รูปปั้นโมอายมีลำตัวอยู่ด้วยแต่ถูกฝังลึกลงไปในใต้ดิน โดยแต่ละตัวนั้นมีความสูงกว่า 30 ฟุต และมีน้ำหนักมากถึง 82 ตันด้วยกัน
นอกจากนี้ยังพบอีกด้วยว่าด้านหลังของรูปปั้นโมอายยังมีการสลักอักขระแปลกประหลาดที่ไม่สามารถถอดรหัสได้ว่าหมายถึงอะไร...? ซึ่งอาจจะเป็นสัญลักษณ์ของชนพื้นเมือง หรือการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบรรพบุรุษก็เป็นได้
และรูปปั้นโมอายแต่ละตัวนั้นต่างก็มีลักษณะแตกต่างกันออกไป บางตัวก็มีมวยผม ซึ่งอาจจะบ่งบอกถึงสถานะและชนชั้นได้ อีกทั้งยังมีการประดับตกแต่งดวงตารูปปั้นด้วยปะการังขาวอีกด้วย
ซึ่งสาเหตุที่หยุดก่อสร้างรูปปั้นโมอายนั้นคาดว่า หลังจากปี ค.ศ. 1500 ผู้คนในสมัยนั้นเริ่มหันมานับถือบูชารูปปั้นครึ่งนกครึ่งคน
ส่วนสาเหตุที่ทำให้รูปปั้นโมอายยังเป็นปริศนาลึกลับนั้นมีหลายสาเหตุด้วยกัน โดยคาดกันว่าน่าจะเป็นเพราะ ในปี ค.ศ. 1700 เกิดการแย่งชิงอำนาจของคนบนเกาะทำให้มีการโค่นล้มโมอาย ปัญหาแผ่นดินไหว ปัญหาการขาดแคลนอาหารจากการตัดไม้ทำลายป่าของคนบนเกาะ รวมถึงการล่าอาณานิคมของมิชชันนารีชาวคริสต์นั่นเอง
ข้อมูลและภาพประกอบจาก