เกย์ในที่นี้เจาะจงไปที่พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ โดยเฉพาะผู้ชายที่มีบุคลิกภาพของหญิงเท่านั้น ตรงกับคำเรียกอื่นๆ เช่น กระเทย, ตุ๊ด, ถั่วดำ, ชาวสีม่วง, ชายรักร่วมเพศ, สาวประเภทสอง เป็นต้น
เราทราบว่าสิ่งที่กำหนดเพศคือ ยีน หรือ โครโมโซม ซึ่งได้มาแต่กำเนิด
การได้โครโมโซม Y มา ก็ได้โครงสร้างทางสรีระอวัยวะออกมาเป็นชาย ไม่สามารถเปลี่ยนไปเป็น โครโมโซม X ให้เป็นหญิงแท้ได้ง่ายๆ
แล้วทำไมโครโมโซมชาย จึงมีพฤติกรรมเป็นหญิง
ถัดจากโครโมโซม X – Y ที่กำหนดเพศแล้ว ก็มาถึงบทบาทของยีนอีกมากหลาย ที่กำหนดพฤติกรรมประจำตัวมาแต่เกิด
มีสมมติฐานว่าเกย์เกิดจากร่างกายแม่ที่ตั้งครรภ์บุตรชายอยู่ สร้างภูมิต้านทานต่อต้านสิ่งแปลกปลอม คือ เพศชายที่อยู่ในครรภ์แล้ว ภูมิต้านทานที่เกิดมากขึ้นๆ ในครรภ์ต่อๆ ไป โน้มนำให้เด็กในครรภ์มีสภาพโครงสร้างผิดแผกไป กลายเป็นเกย์ โดยเฉพาะลูกชายคนท้ายๆ ที่ครอบครัวมีลูกหลายๆ
ดังจะพบได้ในบางครอบครัว
แต่หลายครอบครัวก็ไม่พบ ทั้งที่บรรพบุรุษของเรา มีลูกมากครอบครัวละครึ่งโหลโดยประมาณ ก่อนที่จะเกิดโครงการวางแผนครอบครัว
ก็ไม่เห็นมีเกย์…อาจมีเกเรเกตุง !
ก็จึงน่าจะมีอะไรเพิ่มเติม…
หากวิเคราะห์ว่าเกย์มีมาแต่โบราณ เพียงไม่เด่นชัด เพิ่งมาเป็นที่ยอมรับการแสดงออกของสังคม แต่ก็น่าจะอุบัติเพิ่มขึ้นมามากผิดปกติ ทำนองเดียวกับภาวะคนอ้วนในปัจจุบัน
จึงน่าจะมีอะไรบางอย่างที่ไปกระตุ้นยีนที่กำหนดพฤติกรรม อันมีแนวโน้มค่อนมาทางหญิงให้แสดงออกรุนแรงขึ้น
หนึ่งในสิ่งกระตุ้นยีน ที่มีความโน้มเอียงผิดปกติ หรือส่งเสริมความเป็นเกย์ คือฮอร์โมน
ความรู้เบื้องต้นเท่าที่มีอยู่ คือ ฮอร์โมนเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมแสดงออก…ซึ่งกรณีของเกย์ก็น่าจะหมายถึงฮอร์โมนเพศหญิง…เอสโทรเจน
เราทราบว่าต่อมใต้สมอง (pituitary gland) เป็นตัวหลั่งฮอร์โมนคำสั่งต่อไปยังอวัยวะเป้าหมาย คือ อัณฑะในชาย หรือ รังไข่ในหญิง ให้หลั่งเทสโทสเตอโรน (ฮอร์โมนแสดงความเป็นชาย) หรือเอสโทรเจน (ฮอร์โมนแสดงเพศหญิง) ตามลำดับ
แล้วผู้ชายซึ่งก็ไม่น่าจะมีรังไข่ จะเอาอะไรมาหลั่งฮอร์โมนเอสโทรเจนมากมาย ! แล้วเอสโทรเจนในชายมาจากไหน ? (มีเล็กน้อยที่เปลี่ยนจากเทสโทสเตอโรน หรือสร้างจากหมวกไต และตับ)
จึงน่าจะเป็น เอสโทรเจนจากภายนอกร่างกาย !
ที่เราเรียกกันว่า “xenoestrogen” (ซีโนเอสโทรเจน)
แล้วซีโนเอสโทรเจน มาจากไหน …ก็คงสืบสาวไปที่โครงสร้างเคมี ที่มาของเอสโทรเจน
เอสโทรเจนเป็นฮอร์โมนเพศ ซึ่งโครงสร้างเคมีจัดอยู่ในกลุ่มสเตียรอยด์ โดยส่วนใหญ่ใช้คอเลสเตอรอลเป็นสารตั้งต้น
รึมีอะไรไปกระตุ้นเซลล์ให้สร้างสเตียรอยด์ ?
สเตียรอยด์ก็เป็นโครงสร้างเคมีซับซ้อนของธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน (คล้ายคาร์โบไฮเดรต แต่สายโมเลกุลซับซ้อนกว่า จนหัวท้ายของโมเลกุลไม่ละลายน้ำ) ซึ่งก็จัดอยู่ในกลุ่มประเภทไขมัน
ไขมัน (Lipids) นั้นก็เป็นญาติโยงกับน้ำมัน (Oil) ด้วยเป็นสารประกอบอินทรีย์ขนาดเล็กที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีคุณสมบัติไม่ละลายน้ำ ละลายได้ดีในสารละลายอินทรีย์ (organic solvents) เช่น โคลโรฟอร์ม, อีเทอร์ ซึ่งถ้าสถานะเป็นของแข็ง ณ อุณหภูมิห้องก็เรียก “fat” หากเป็นสถานะเหลวก็เรียก “Oil”
Oil นั้นส่วนใหญ่ได้จากพืช
น้ำมันปิโตรเคมีใต้ดินนั้นเล่าก็มาจากพืช สัตว์ที่ตายทับถม ย่อยสลาย กลายเป็นโครงสร้างของน้ำมันดิบ
ก็น่าจะโยงใยความเป็นไปได้กลับไปกลับมาระหว่าง น้ำมันใต้ดิน ซึ่งนำมาแปลงเป็นพลาสติก พีวีซี โฟม วัสดุเครื่องใช้สารพัด กับสารสเตียรอยด์ ไปจนถึงเอสโทรเจน
แปลว่าเครื่องมือเครื่องใช้ วัสดุอุปกรณ์ที่เป็นพลาสติก หากถูกหลอมละลายทางฟิสิกส์ เช่น ความร้อน หรือเคมี ตัวละลายก็ตาม ล้วนมีโอกาสจับพลัดจับผลู เปลี่ยนแปลงโครงสร้างโมเลกุล เป็นเอสโทรเจนได้ทั้งสิ้น! (ไม่รู้ว่าทำไมไม่เปลี่ยนเป็นแอนโดรเจน (Androgen) บ้าง !)
เราตั้งสมมุติฐานว่า พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศของชาย มาจากฮอร์โมนเอสโทรเจนเป็นปัจจัยหลัก (ยังมีปัจจัยอื่น เช่น พันธุกรรม สังคมแวดล้อม สภาพจิต และที่ยังไม่ทราบ)
แค่เอสโทรเจนจากผลิตภัณฑ์พลาสติกก็น่ากลัวเหลือหลายแล้ว…ล้วนแต่เรามิได้คาดคิด หรือคิดได้แต่เลี่ยงไม่ได้ อาทิ
การที่พลาสติกเนื้ออ่อน ทนความร้อนไม่มาก กระทบอุณหภูมิสูง ไม่ว่าน้ำร้อน แสงแดด ไมโครเวฟ ฯลฯ ย่อมละลายสลายโครงสร้างเป็นเอสโทรเจนได้
สิ่งที่ทารกได้รับตั้งแต่แรกเกิด คือ สารละลายจากขวดนม…จุกนม ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนใช้พลาสติกอ่อน ก่อนใช้หลังใช้ก็ต้องลวก ต้ม นึ่ง หรือเวฟ ฆ่าเชื้อโรค (จำเป็นในแง่กำจัดเชื้อจุลินทรีย์)
เพียงขวบปีแรก คุณแม่มือใหม่ทั้งหลายก็ได้ประเคน ซีโนเอสโทรเจน แก่ลูกน้อยไปมากหลาย ! …โถคุณชาย !
ยังไม่นับเรื่องความสะอาดสุดๆ เข้าทำนอง มดไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม มือเท้าไม่ติดดิน ในช่วงขวบปีแรก อันเป็นข้อสันนิษฐานว่า ทำให้ภูมิคุ้มกันปกติของร่างกายไม่รู้จักสิ่งแปลกปลอมที่มีตามธรรมชาติ ทำให้ปรับอัตรากำลังคุ้มกัน ออกมาผิดปรกติ ที่เราพบกันในรูป โรคภูมิแพ้ นั่นเอง !
เรื่องชวนขนลุกเกี่ยวกับการได้มาซึ่ง เอสโทรเจนภายนอก ยังมีอีกมากมาย…
ตั้งแต่ขวดบรรจุน้ำสะอาดที่เราดื่ม สมัยก่อนนิยมขวดนุ่มขาวขุ่น ราคาประหยัด อันนั้นแน่นอนว่าพอถูกแดดเผา ร้อนๆ เช่น ตอนขนส่งก็ละลายพลาสติกออกมาเป็นซีโนเอสโทรเจน แม้กระทั่งขวดใส (ขวด PET) หากใส่น้ำอาร์โอ ซึ่งสะอาดบริสุทธิ์ดุจน้ำกลั่น เมื่อตั้งทิ้งไว้นานๆ ก็จับตัวกับคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ ได้เป็นกรดคาร์บอนิก กรดอ่อนๆ ที่พร้อมละลายพลาสติก
แล้วยังภาชนะพลาสติก ถ้วยกาแฟ ช้อนพลาสติก อันสะดวกซื้อ อาหารกล่องห่อหุ้มพลาสติก พอเข้าเวฟก็พร้อมทาน บรรดาอาหารดีลิเวอร์รี่สารพัดพร้อมภาชนะพลาสติก มันจะละลายพลาสติกออกมาเป็นเอสโทรเจนเท่าไหร่หนอ !
รวมถึงร้านแฟรนไชส์ตามปั๊มน้ำมัน ห้างสรรพสินค้าสะดวกซื้อ ตลอดจนแสตนด์อโลน ซึ่งใช้แบบปรุงสำเร็จมาจากบริษัทแม่ เก็บแช่เย็นไว้ เพียงนำมาอุ่นร้อนก่อนเสิร์ฟ
บรรดาอาหารบรรจุกล่องพลาสติกที่สะดวกซื้อ แสนอร่อยทั้งหลาย แม้เราจะไหวตัว นำมาเทลงบนจานกระเบื้องก่อนเข้าเวฟ แต่ลองนึกถึงช่วงการบรรจุ จากอาหารปรุงร้อนๆ เทลงภาชนะ แล้วแร็พ (wrap) ด้วยพลาสติกอีกชั้นพร้อมดีลิเวอร์รี่ เวฟอีกทีก็กินได้ หากภาชนะบรรจุพลาสติกนั้นเป็นชนิดไม่ทนอุณหภูมิสูง ก็คงละลายออกมาผสมผสานกับอาหารไปก่อนแล้ว
ลองนึกภาพ ภาชนะพลาสติกบรรจุขนมหวาน น้ำตาลกวนทั้งหลาย…ก็ตอนปรุงเสร็จเทใส่ภาชนะบรรจุนั่น ก็ต้องยังเหลว คือ ร้อนๆ ใช่ไหม ! ...แค่นั้น ซีโนเอสโทรเจนก็ละลายออกมาพร้อมรับประทานอย่างพอเพียง !
ไม่นับแม่บ้านถุงพลาสติก ไม่ว่าถุงร้อนหรือไม่ร้อน หากน้ำแกงร้อนๆ แช่นานๆ มันจะไม่ละลายบ้างให้รู้ไป !
โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำมันผสม เมื่อผ่านความร้อน ไมโครเวฟ ไขมัน ยังเป็นตัวเร่งละลายพลาสติกหรือโฟม ออกมาได้โดยง่าย
พฤติกรรมมักง่ายของแม่ค้าที่โยนถุงน้ำมันพืชทั้งถุงลงไปในกะทะร้อนๆ แล้วเขี่ยยางออกเส้นเดียว…ใครโชคร้ายก็ได้ซีโนเอสโทรเจน ไปเต็มๆ! แล้วเผื่อเป็นเจ้าประจำกันล่ะ…โฮ…โดยเฉพาะสตรีมีครรภ์!
การเดินท่อประปาด้วยท่อพลาสติกสีฟ้า (พีวีซี) ก็ดี หากอยู่ใต้ดิน ใต้น้ำ ก็พอไหว แต่ตอนข้ามสะพาน ลอยพาดบนอากาศโล่งแจ้ง ช่วงกลางวันแดดเปรี้ยง จนน้ำร้อน…มีหรือที่ PVC จะไม่ละลายบ้างเลย ! (เคมีที่ผสม PVC นั้นละลายออกมาได้อยู่แล้ว)
เครื่องทำน้ำดื่มราคาประหยัดหรือไม่ประหยัดทั้งหลาย ล้วนใช้กรรมวิธีรีเวิร์สออสโมซีส (Reversed Osmosis) หรืออาร์โอ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมการผลิตที่สะอาด ปลอดโลหะหนัก แต่ก็ต้องผ่านท่อทางน้ำพลาสติก เพราะท่อโลหะถูกกัดกร่อนหมดไปโดยเร็ว ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่แทบมิมีทางเลือก
แล้วยังดีดีที ยาฆ่าวัชพืชทั้งหลาย ที่แม่บ้าน พนักงานโรงแรม ตลอดจนเกษตรกรทั้งหลายจำต้องใช้ ล้วนเป็นสารไฮโดรคาร์บอน แหล่งเดียวกับน้ำมัน อันนี้เป็นที่พิสูจน์ทราบ ! บ้านใดขยันหมั่นฉีดยุงและแมลงร้าย ตลอดจนยาฆ่าวัชพืชทั้งหลาย แล้วลูกเล็กเด็กแดงกลายเป็นเกย์ ก็คงโทษใครมิได้ !
นอกจากพฤติกรรมเบี่ยงเบนในเด็ก และวัยรุ่นแล้ว สำหรับชายวัยฉกรรจ์อกสามศอก ก็ไม่น่าจะไม่กระทบจากซีโนเอสโทรเจน …ก็อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศทั้งหลาย น่าจะนึกถึงจำเลยรายใหญ่ ในเมื่อตัวเอสโทรเจนเป็นตัวบั่นทอน หรือให้ผลตรงข้ามกับแอนโดรเจน ไปถึงเทสโทสเตอโรน อันแสดงสมรรถนะความเป็นชาย ได้เข้าไปมากๆ จะไม่กระเทือนเลยรึ !
ยังมีแหล่งฮอร์โมนเพศในอาหารประจำวัน ในระบบอุตสาหกรรมทั้งหลาย อาทิ
ตั้งแต่นมวัว ที่เรานิยมชมชื่น ลองนึกดูว่าวัวอะไรให้นมได้มากมาย ตลอดปีผิดมนุษย์มนา (วัว) คำตอบก็คือ ต้องใส่ฮอร์โมน เพื่อหลอกแม่วัวว่าอยู่ในสภาวะให้นมลูกอยู่ตลอดปี…ก็โยงไปที่เอสโทรเจนจนได้
ยังไม่นับยาปฏิชีวนะกันเต้านม (วัว) อักเสบ จากการถูกบีบเค้น รีดนมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน อันเป็นที่มาแห่งสิวดื้อยา ในผู้นิยมชมชอบดื่มนมวัว
ครั้นจะหันไปหานมวัว ที่เลี้ยงแบบธรรมชาติปราศจากการปรุงแต่ง นอกจาก แพง หาซื้อยาก แล้วยังมักเสียก่อนวันหมดอายุ เมื่อเปรียบเทียบกับนม UHT ทั่วไป
ส่วนทำไมน้ำนมที่ขายทั่วไปเก็บอยู่ได้นานๆ ก็น่าจะมีเคล็ดลับนอกเหนือจาก UHT เช่น เติมเคมีอะไรลงไป แต่ไม่เปิดเผย ก็ที่เขาใช้คำว่า โนว์ฮาว (Know How) เฉพาะผู้ผลิตไง !
การเลี้ยงและเก็บถนอมอาหารในระบบอุตสาหกรรม ไม่ว่า ปลา ไก่ หมู เนื้อ กุ้ง ฯลฯ ทั้งหลายในระบบฟาร์มมักต้องพึ่งพาฮอร์โมนเร่งโต แต่อัตราเผาผลาญต่ำ คือให้อ้วนฉุได้เนื้อเยอะๆ ก็หนีไม่พ้นฮอร์โมนกลุ่มเอสโทรเจน
แล้วที่นี้คุณผู้ชายไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่วัยฉกรรจ์ จะไปไหนรอด !
จึงควรระมัดระวังการบริโภค นม เนื้อสัตว์ ปริมาณมาก หรือน่าสงสัยว่ามีการใช้ฮอร์โมน หรือวัสดุกันเสียมากเกิน
จึงเป็นกระแสของอาหารแนวแมคโครไบโอติกส์ ผักธรรมชาติปลอดสารพิษ ไก่ ปลา หมู สมุนไพร ไข่โอเมก้า เป็นต้น
สรุป ไม่อยากเกย์ หรือนกเขาหลับ ก็เลี่ยงการต้องรับซีโนเอสโทรเจน โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ต้องผ่านกระบวนการความร้อนสูงกว่า 50°C ทั้งหลาย โดยวิเคราะห์เจาะลึกเฉพาะตัวท่านเอง ว่าพลาดท่าเสียทีตรงไหนบ้าง ! …แต่หากเลี่ยงไม่ได้ในบางครา หนทางที่จะลดพิษร้าย ก็น่าจะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ น้ำมันปลา และแมกนีเซียมเป็นต้น
ส่วนผู้ใดใคร่เสริมเติมความเป็นเกย์ ก็พอจะมองเห็นลู่ทางสว่างไสว ! แถมมาในราคาไม่แพง
แต้ช้าก่อน…อันซีโนเอสโทรเจนนั้น ก็ถูกจัดเป็นหนึ่งในสารก่อมะเร็ง มือวางอันดับต้นๆ เชียวหละ ! แล้วยังเป็นเหตุแห่งความอ้วนที่ดื้อสารพัดยาอีกด้วย
จะให้นกเขาตื่นฟื้นคืนชีพ นอกจากเลี่ยงแหล่ง ซีโนเอสโทรเจนแล้ว ชีวโมเลกุล เซลล์ซ่อมเซลล์ก็เป็นตัวช่วยที่เป็นสาระ ปลอดพิษภัย ใช้การได้นานวัน อันนี้มีรายละเอียดในเรื่อง “หย่อนสมรรถภาพ” แล้ว
หมายเหตุ บทความนี้เขียนขึ้นบนสมมุติฐานว่า พลาสติกทั้งหลาย เมื่อหลอมละลายจะให้ xenoestrogen แต่ข้อเท็จจริงคงมิได้เป็นเช่นนั้นไปหมด เนื่องแต่พลาสติกก็มีหลายเกรด หลายประเภท เช่น PVC PP PE PG ฯลฯ อีกทั้งภาชนะแต่ละอย่างก็คัดสรรพลาสติกชั้นดีมาใช้ให้เหมาะกับสภาพงาน จึงมิใช่ว่าขวดนมทุกแบรนด์จะเป็นอันตราย ขวดน้ำทุกแบบจะละลายสารพิษออกมา มิประสงค์ให้ตื่นตระหนก แต่สมควรตระหนักใช้วิจารณญาณเลือกซื้อ เลือกหาวัสดุภาชนะที่มีคุณภาพไว้ใจได้ เพราะในเรื่องของสุขภาพพื้นฐานนั้น ตนคงต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน ด้วยดวงตรารับประกัน หรือป้ายปลอดสารพิษ ก็ยังถูกปลอมแปลงอยู่เสมอ จะเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มักง่าย เห็นแก่ตัว หวาดกลัวแต่อับจนปัญญา ขาดข้อมูล ฯลฯ ล้วนมีแอบแฝงอยู่ในสังคม
ในประวัติศาสตร์ก็มีบทเรียนถึงเหตุที่กรุงโรมล่มสลาย เนื่องจากใช้โลหะตะกั่วเดินท่อส่งน้ำ อีกใช้ทำภาชนะ เครื่องใช้ต่างๆ เมื่อสารตะกั่วสะสมในสมองจนได้ระดับ โรคสมองเสื่อมจึงปรากฏผลกันถ้วนทั่ว แพ้ภัยแก่อนารยะชนที่บุกรุกราน
และแม้จะพิสูจน์ทราบได้ว่าพลาสติกมีการละลายได้บ้างเมื่อรับอุณหภูมิสูงถึงระดับหนึ่ง เราก็ยังไม่มีทางเลือกวัสดุอื่น ที่สะดวกประหยัด และปลอดภัย เท่าบรรจุภัณฑ์พลาสติกอยู่ดี ตนจึงต้องเป็นที่พึ่งแห่งตนด้วยประการฉะนี้
นักรบหน้าจอ ID : @TCY8240N
ที่มา: http://www.mmc.co.th/