รถของกลางดีเอสไอโผล่บ้านแม่ยาย "วรวุฒิ" ผู้ต้องสงสัยยิง "สนธิ" ความลึกลับซับซ้อนของคดีลอบสังหาร “สนธิ” นับวัน ยิ่งใกล้สภาพแดนสนธยามากขึ้นทุกที

ตั้งแต่ การเข้ามาพัวพัน ของทหารในหน่วยรบพิเศษ รวมไปถึงตำรวจบางคน ที่เคยร่วมงานกับดีเอสไอแล้วเมื่อวันที่ 11 สค. ก็มีข่าวที่ทำเอาผู้คนที่สนใจติดตามคดีนี้อ้าปากค้าง

รถคันดังกล่าว เป็นรถ "เชฟโลเลต ซาฟีร่า" ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นรถของกลางคดียาเสพติดที่ถูกดีเอสไอยึดไว้  รถคันดังกล่าวจอดอยู่ที่บ้านแม่ยาย "ส.ต.ท.วรวุฒิ" ผู้ต้องสงสัยยิง"สนธิ" จากการสอบถามนางสมส่วนซึ่งเป็นแม่ยายของ ส.ต.ท. วรวุฒิ   ได้ความว่า รถคันดังกล่าว ส.ต.ท.วรวุฒิ ใช้มานานแล้ว แต่หลังจากถูกออกหมายจับก็เอารถและสุนัขมาฝากไว้ ก่อนจะพาภรรยาออกจากบ้านไป

หลังจากมีข่าวนี้ออกมา นายพีระพันธุ์ รมต.ยุติธรรม ได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ว่าอนุมัติไปได้อย่างไร ?

พ. ต.อ.ณรัชต์  รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ยอมรับว่าหลังยึดรถแล้วดีเอสไอได้ทำเรื่องขอใช้ประโยชน์ เพื่อภารกิจราชการมาจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) โดย พล.ต.ท.กฤษณะ  เลขาธิการป.ป.ส. มีคำสั่งอนุมัติให้ดีเอสไอใช้รถยนต์ทั้ง 5 คัน เพื่อภารกิจในราชการได้ตั้งแต่เดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา

ดังนั้นมี ความเป็นไปได้ที่ส.ต.ท.วรวุฒิ อาจจะนำรถไปใช้ เนื่องจากรถยนต์คันดังกล่าวยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นของหลวง แต่ได้รับอนุมัติจากป.ป.ส.ให้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้องพร้อม กันนั้น ดีเอสไอ ได้แต่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 11 ส.ค. โดยเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ว่า รถยนต์คันดังกล่าวหลุดรอดนำไปใช้ได้อย่างไรและผิดระเบียบหรือไม่ โดยกรรมการจะเป็นผู้ชี้ข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าใครเป็นผู้เซ็นต์รับรถ และรถคันดังกล่าวอยู่ในการดูแลของผู้ใด

ความมหัศจรรย์ประการแรก คือ รถของกลาง ที่ถูกยึดในคดียาเสพติดของดีเอสไอ หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งต้องถือเป็นสมบัติทางราชการ กลับมาอยู่ที่บ้านของแม่ยาย ส.ต.ท. วรวุฒิซึ่งเป็นประชาชนธรรมดาได้อย่างไร ที่สำคัญกว่านี้ คือ ของกลางดังกล่าว ส.ต.ท.วรวุฒิ “ใช้มานานแล้ว” ตามคำบอกเล่าของนางสมส่วน ซึ่งเป็นแม่ยาย

ความมหัศจรรย์ประการที่สอง คือ บ้านหลังที่ว่า บังเอิญเป็นบ้านของแม่ยาย ส.ต.ท.วรวุฒิ ซึ่งก็บังเอิญอีกนั่นแหละ ที่ ส.ต.ท. วรวุฒิเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีลอบสังหาร "สนธิ"

ความมหัศจรรย์ ประการที่สาม ก็ คือ ก่อนหน้านี้ ดีเอสไอ หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ปฏิเสธมาตลอด ว่า ส.ต.ท. วรวุฒิ ไม่ได้ทำงานให้ดีเอสไอ ถ้าเป็นเช่นนั้น ส.ต.ท. วรวุฒิ สามารถนำรถของกลางที่ถูกยึดไว้ ออกมา ใช้งานเป็นเวลานานได้อย่างไร และ ใครผู้ใด ในดีเอสไอ เป็นผู้อนุมัติให้ใครผู้ใดนำรถคันนี้ออกมาใช้ ?

การ “สอบข้อเท็จจริง” เรื่องนี้ ไม่น่าจะยาก เพราะเป็นการนำรถยนต์ทั้งคันออกมาใช้งาน หากตั้งใจสอบกันจริง ใช้เวลาสักหนึ่งสัปดาห์ ก็เกินพอ หากแม้เนิ่นนานกว่านั้น ก็สงสัยไว้ก่อนได้ว่า เจออีก “ตอ” แล้วววว...
ที่สำคัญกว่านี้ ก็คือ รมต.ยุติธรรม คงไม่ยุติการ “ไล่ล่าหาความจริง” เพียงที่ ส.ต.ท. วรวุฒิ แต่ต้องขุดไปถึง ต้นตอ ที่ปล่อยปละละเลย กระทั่ง หน่วยงานสำคัญทางราชการเช่นนี้ กำลังจะกลายเป็นซ่องโจร