เมื่อไม่นานมานี้วงการแฟชั่นอเมริกาเพิ่งจะมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เพราะได้สีสันจากการแต่งกายของสตรีหมายเลขหนึ่งคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา “มิเชล โอบามา” เช่นเดียว กับวงการแฟชั่นเมืองไทย ก็เริ่มคึกคักยิ่งขึ้น หลังมีข่าวไปทั่วโลกว่าผู้ออกแบบเสื้อผ้าซึ่ง มิเชล โอบามา นิยมชมชอบนั้น เป็น “ดีไซเนอร์เลือดไทย”
ที่ ชื่อ.....“ฐากูร พานิชกุล”
ฐากูร พานิชกุล หรือ “ก็อต” ปัจจุบันอายุ 34 ปี เขาแจ้งเกิดเป็นที่รู้จักในฐานะดีไซเนอร์ดาวรุ่งของนิวยอร์กมาระยะหนึ่งแล้ว เพราะเป็นขวัญใจ บก.แฟชั่น และนักวิจารณ์แฟชั่นชั้นนำ
อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเขามาโด่งดังไปทั่วโลกก็ตอนที่ “มิเชล โอบามา” หยิบชุดแบรนด์ “ฐากูร-Thakoon” มาใส่ในงานสำคัญ
ครั้งแรกเป็นชุดเดรสลายดอกไม้สีม่วงแดงดำ ใส่ขึ้นเวทีประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต วันที่ “บารัค โอบามา” ประธานาธิบดี สหรัฐคนปัจจุบัน ตอบรับเป็นตัวแทนพรรคลงชิงชัยเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการ และสวมชุดลายดอกไม้โทนเหลืองน้ำตาล ในวันที่สามีดีเบตครั้งแรกกับ จอห์น แมคเคน
เส้นทางก่อนจะเป็นดีไซเนอร์ชื่อดังในระดับสากลในวันนี้ หลังจากเรียนจบปริญญาตรีสาขาธุรกิจจากมหาวิทยาลัยบอสตัน เพื่อตามหาฝันของตัวเองที่อยากทำงานในแวดวงแฟชั่น ฐากูรตัดสินใจไปอยู่ที่มหานครนิวยอร์ก เริ่มจากทำงานกับแบรนด์แฟชั่น เจ.ครูว์ รับผิดชอบด้านการผลิต ค่อย ๆ ขยับมาจัดซื้อ ซึ่งที่นี่ได้เปิดโอกาสให้เขาได้เรียนรู้เบื้องหลังงานแฟชั่นทุกขั้นตอน จากนั้นเขาก็ลาออกไปเป็นนักวิจารณ์แฟชั่นให้กับนิตยสารฮาร์เปอร์ส บาซาร์ อยู่ประมาณ 3 ปี ระหว่างนั้นฐากูรเริ่มค้นพบตัวเอง ว่าความจริงแล้วเขาอยากเป็นดีไซเนอร์มากกว่า เขียนหนังสือ..
จึงตัดสินใจเข้าคอร์สเรียนการออกแบบ-ตัดเย็บเสื้อผ้าที่สถาบันดีไซน์ชื่อดัง ของนิวยอร์กควบคู่กันไป ใช้เวลาเก็บเกี่ยวและฝึกปรือจนฝีมือพร้อมเต็มที่
ใน ปี ค.ศ. 2004 เขาจึงตัดสินใจเปิดแบรนด์ ของตัวเอง คือ “Thakoon”
เพราะความ ที่เป็นคนโปรด ของนักข่าวแฟชั่น บรรณาธิการระดับ ท็อป บก.นิตยสารชั้นแนวหน้า “แอนนา วินทัวร์” บก.จอมโหดแห่งแมกกาซีนโว้ค อเมริกา ที่ลงทุนเป็น “เจ๊ดัน” สนับสนุนลูกรักเต็มพิกัด รวมถึงสไต ลิสต์ และคนดังหลังจากนั้นผลงานของเขาก็ปรากฏตามนิตยสารชั้นนำ อย่างเช่น โวค, เอลล์..
แอนนา วินทัวร์
และไม่นาน ฐากูรก็ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลซีเอฟดีเอ (CFDA) ของสภานักออกแบบแฟชั่น อเมริกา ซึ่งเขาสามารถคว้ารางวัล ดิ เอคโค โดมานี แฟชั่น ฟาวน์เดชั่น อะวอร์ด (The Ecco Domani fashion foundation award) ในฐานะหน้าใหม่ ซึ่งทำให้เขาได้ร่วมงานกับดีไซเนอร์ ชั้นนำ
นอกจากจะเป็นดีไซเนอร์ขวัญใจท็อป เอดิเตอร์ ฐากูรยังเป็น The Most Wanted ของเซเลบริตี้ทั่วโลก อย่าง เดมี่ มัวร์, ซาราห์ เจสซิก้า ปาร์คเกอร์ และราเชล บิลสัน โดยสไตล์โดดเด่นของฐากูรคือเสื้อผ้าแนวสปอร์ต ที่ทำให้ผู้หญิงดูอ่อนเยาว์ เป็นลุคที่สง่างาม แต่แฝงไว้ด้วยความสนุกสนาน เขามักเล่นกับไอเดียเรื่องการประดับ ตกแต่ง อันเกิดจากโครงสร้างของเสื้อผ้า แม้รูปแบบจะยังคงความคลาสสิก แต่การฟินิชชิ่งกลับเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมาก เชื่อหรือไม่ว่าเพียงแค่ลายเส้นที่ไม่เด่นชัดก็สามารถสร้างอิมแพคที่แตกต่าง ได้อย่างเหลือเชื่อ
“ผมรู้ว่า มิเชล โอบามา ซื้อชุดแบรนด์เราไปหลายชุด ก็รอดูว่าเธอจะใส่ชุดไหนออกงานอะไร พอเห็นชุดเดรสพิมพ์ลายของตัวเองถ่ายทอดออกทีวีทุกช่อง แถมยังขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ ผมได้แต่อุทาน โอ มาย ก๊อด ไม่นึกไม่ฝันมาก่อน รู้สึกตื่นเต้นและเป็นเกียรติอย่างมาก ที่เธอเลือกใส่ชุดเดรสของผมในค่ำคืนประวัติศาสตร์ของเธอ ของครอบครัวเธอ และดินแดนเสรีอย่างสหรัฐอเมริกา อย่างน้อยจนถึงวินาทีนี้ ผมก็ยังแฮปปี้ที่จะคุย จะเล่าเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะนั่นเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม ซึ่ง กิโมโนกลับด้าน คือชุดที่เธอใส่ หลังจากวันนั้น ผมวางขายกิโมโนกลับด้าน ชุดละ 1,250 เหรียญ (ประมาณ 43,750 บาท) ขายดิบขายดี มีบรรดาผู้หญิงโทรฯสั่งจองกันจนตัดเย็บไม่ทัน ตอนนี้ แบรนด์ของผมมีขายใน 30 ประเทศทั่วโลกแล้ว”
ดีไซเนอร์เลือดไทยยังเล่าถึงการเป็นลูกค้าแบรนด์ Thakoon ของ มิเชล โอบามา อีกว่า เธอค้นพบคอลเลกชั่นแรกของเขาตอนที่มาชอปปิงที่ร้านมาชิคาโก จาก นั้นเธอก็แวะเวียนมาเป็นลูกค้าประจำ ซื้อทุกสิ่งทุกอย่างที่ร้าน ทุกครั้งก็มักจะมีคำสั่งพิเศษว่าต้องการชุดแบบนี้ เน้นยาวกว่านี้ เพราะเธอเป็นคนสูง เสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเธอจะเป็นชุดกระโปรง เเจ๊กเกตสำหรับใส่หน้าหนาว และยีนไว้ใส่ช่วงหน้าร้อน ซึ่งช่วงก่อนจะมาเมืองไทยก็เพิ่งจะสั่งตัดเสื้อโค้ตสีขาวที่มีขอบสีดำที่ ฐากูรออกแบบให้เป็นพิเศษ ซึ่งมิเชลชื่นชอบมากเช่นกัน
“มันเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ มิสซิสมิเชลเป็นลูกค้าของผมมา 2 ปีแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้ว่าเธอเป็นใคร แต่ปัจจุบันเธอเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของโลก เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก แต่จะพยายามไม่คิดถึงมัน จะปฏิบัติต่อเธอเช่นเดียวกับลูกค้าคนอื่น ๆ” เป็นความรู้สึกของฐากูร
เหล่านักวิจารณ์แฟชั่นให้คำจำกัดความผลงานการออกแบบของฐากูรว่า ล้ำสมัย, ให้ความสำคัญกับอดีต แต่ไม่ใช่เสื้อผ้าแนววินเทจ เป็นเทคนิค แบบดีคอนสตรัคชั่นอันละเอียดอ่อน และยังชื่นชมในพรสวรรค์ของฐากูรที่สามารถผสมผสานอิทธิพลหลากหลายเข้ากับผล งานการดีไซน์ของตัวเอง
ถามถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบเสื้อผ้า ฐากูรบอกว่า มาจากทุกอย่างรอบ ๆ ตัว โดยเฉพาะแรงบันดาลใจจากรูปภาพสมัยนีโอคลาสสิก ยุคนั้นให้ความรู้สึกที่ เบิกบาน ซึ่งตรงกับสไตล์แบรนด์ Thakoom เช่น รูปภาพผู้หญิงที่เดินไปเดินมาในบรรยากาศที่สว่างไสว ดูแล้วชวนให้เกิดความรู้สึกในทางบวก แต่เขาก็ไม่ได้นำมาใช้ทั้งหมด เพราะมันออกมาจะตรงไปตรงมาเกินไป เขาจะเพิ่มแง่มุมความเท่ในแบบโตเกียวเข้าไปด้วย...
'คุณยาย' คือไอดอลแรก
“ภูมิใจ ในตัวลูกชายคนนี้มาก ๆ ไม่คิดว่าเขาจะโด่งดังได้ขนาดนี้” ...เป็นเสียงของ “ปรียากร ณ นครพนม” ผู้เป็นมารดาของ “ฐากูร พานิชกุล” ซึ่งคุณแม่ของดีไซเนอร์ชื่อดังเล่าย้อนว่า เดิมทีนั้นเธอเองทำงานที่เอไอที แต่เพื่ออนาคตของลูกจึงตัดสินใจลาออก แล้วพาลูกชาย 2 คน คือ ฐากร (คนโต) และฐากูร (คนเล็ก) ไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เพราะเห็นว่าที่นั่นเรื่องการศึกษาเปิดกว้างกว่า แต่แม้จะอยู่ที่สหรัฐ ครอบครัวก็จะเดินทางมาเมืองไทยทุกปี มาเยี่ยมญาติ มาท่องเที่ยว และรับประทานอาหารไทย “ฐากูรจะชอบมากที่สุด”