กรณีโบราณวัตถุที่เชื่อว่าอาจจะเป็น "สมบัติชาติไทย" เก่าแก่ตั้ง แต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยเฉพาะมงกุฎทองคำ หรือที่ทางกรมศิลปากรระบุว่าตามลักษณะต้องเรียกว่า "เครื่องประดับพระเศียรทองคำ" แล้วมีการเรียกขานกันใหม่ว่า "พระมาลาทองคำ" ไปปรากฏอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่สหรัฐอเมริกา โดยทางไอทีวีเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมานั้น กระบวน การทวงคืนกลับสู่ไทยเป็นด้านหนึ่งที่คนไทยสนใจติดตามข่าวคืบหน้า...
ขณะที่อีกด้าน...การย้อนเรื่องราวของกลุ่มผู้ขุดขโมยสมบัติเก่าแก่โบราณ การร่ำลือถึง "เหตุการณ์ร้าย ๆ" "เหตุการณ์แปลก ๆ" ที่เกิดกับหัวขโมย หรือผู้ที่ครอบครอง ก็ดูจะมีผู้ให้ความสนใจไม่น้อยเช่นกัน...
คนไทยจำนวนไม่น้อยเชื่อในเรื่อง "อาถรรพณ์"
"มีอันเป็นไป" เพราะฤทธิ์เดช "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์"
"ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" เป็นคำคุ้นหูสำหรับคนไทยมานาน และปัจจุบันยังเป็นคำสแลงเรียกคนบางกลุ่มบางบทบาทหน้าที่ในแวดวงธุรกิจการเงิน แต่กับตำนานความเป็นมา-กำเนิดคำ ๆ นี้...ยุคนี้น้อยคนที่จะรู้ ?!?
"กษัตริย์ในสมัยโบราณมีการทำสุสานและฝังสมบัติ คนที่ทำสุสาน คนดูแลหรือคนเฝ้า มักจะถูกฆ่าตายตรงบริเวณที่ฝังสมบัติ เป็นการฆ่าปิดปากไม่ให้ความลับแพร่งพรายออกไปว่ามีสมบัติซ่อนอยู่ที่ไหน เพราะเกรงว่าจะมีการนำความลับไปบอกแก่ญาติพี่น้องให้มาขุดไป"
นี่ก็เป็นจุดกำเนิดหนึ่งของความเชื่อเรื่อง "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" จาก การบอกเล่าของ พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ ซึ่งให้ความสนใจศึกษาเรื่องราวโบราณ เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
ผู้รู้รายนี้ยังบอกอีกว่า...อีกจุดกำเนิดหนึ่งเกี่ยวกับ "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" การฆ่าคนดูแลสถานที่ฝังสมบัตินั้น ยังมาจากคติทางจีน และทางอียิปต์ ซึ่งสำหรับจีน...อย่าง "สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้" ที่เมืองซีอาน ก็มีการฆ่าเหล่าทหารจำนวนมากฝังลงไปพร้อมกับสมบัติของพระเจ้าแผ่นดิน ส่วนอียิปต์...ที่มีการสร้าง "ปิรามิดฟาโรห์" ซึ่งเป็นสถานที่เก็บพระศพ และสมบัติของฟาโรห์นั้น ภายในปิรามิดจะประกอบไปด้วยห้องต่าง ๆ และมีห้องสมบัติที่จะเป็นประตูกล ซึ่งคนที่สร้างและคนที่ดูแลประตูกลก็จะถูกฆ่าตาย เพราะเป็นคนที่รู้กลไก รู้ทางเข้า-ทางออก
"สำหรับประเทศไทย เรื่องของปู่โสมเฝ้าทรัพย์มักจะปรากฏในรูปของการถูกผีหลอก เพราะไปขุดสมบัติตามกรุ หรือตามถ้ำต่าง ๆ ซึ่งเรื่องการถูกผีหลอก หรือถูกวิญญาณตามหลอกหลอนนั้น เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล"...พลาดิศัยกล่าว
"ฆ่าปิดปาก" แล้วกลายเป็น "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์"
"เกณฑ์มาฆ่า" เพื่อจะให้เป็น "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์"
เป็นบางตำนานที่เล่าขานต่อ ๆ กันมา...เกี่ยวกับเรื่องของ "วิญ ญาณผู้ปกป้องทรัพย์สมบัติ"
"เท่าที่ฟังคนโบราณเล่าให้ฟัง มันเหมือนกับว่ามีทรัพย์สมบัติที่มีค่ามหาศาลอยู่ใต้ดิน ซึ่งเจ้าของเดิมอาจจะมีการสาปแช่งไว้ หรือหวงสมบัติ เมื่อตายไปแล้ววิญญาณก็ไม่ไปผุดไปเกิด ยังคงวนเวียนและไม่ยอมให้ใครได้สมบัติเหล่านี้ไป ต้องเป็นคนที่ดวงต้องกันจึงจะมีสิทธิได้ครอบครองเป็นเจ้าของ หรือวิญญาณนั้นไปเข้าฝัน ชี้จุดบอกที่ซ่อนสมบัติให้ ไปขุด"
นี่ก็อีกแง่มุมเกี่ยวกับ "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" จากปากของคนที่โด่งดังขึ้นมาจากการทำงานเกี่ยวกับเรื่อง "ผี" อย่าง ป๋อง-กพล ทองพลับ ดีเจ-พิธีกรรายการทีวีที่คนชอบฟัง-ชอบดูเรื่องผี ๆ รู้จักกันดี
ป๋อง-กพล ยังกล่าวอีกว่า...อีกกรณีก็จะเป็นสมบัติของบรรพบุรุษ เชื้อพระวงศ์ต่าง ๆ ในสมัยโบราณ ที่มีการทำสงคราม หรือมีเหตุทำให้ต้อง ทิ้งบ้านทิ้งเมือง ก็จะมีการนำสมบัติล้ำค่าไปฝังซ่อนไว้ แล้วก็จะมีข้าทาส บริวาร หรือทหารที่ "จงรักภักดี...ยอมเสียสละชีวิตเพื่ออยู่เฝ้าดูแลทรัพย์สมบัติ"
"อาจจะผ่านไปหลายร้อยหลายพันปี เพื่ออยู่รอเจ้าของที่แท้จริง หากใครที่ไม่ใช่เจ้าของแท้จริงมาพบมาเจอแล้วเอาไป ก็จะโดนวิญญาณที่เฝ้าทรัพย์สมบัติทำร้าย"
คนดังเกี่ยวกับเรื่องผี ๆ รายนี้ยังบอกด้วยว่า...ถ้าถามว่าตนเอง "เชื่อ เรื่องผีปู่โสมเฝ้าทรัพย์หรือไม่ ??" บอกได้คำเดียวว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ !!" เพราะใต้ดินที่เรายืนอยู่ทุกวันนี้...เราไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่บ้าง ทั้งซากศพบรรพบุรุษ สมบัติต่าง ๆ ต้นตะเคียน ฯลฯ ที่ผ่านมาหลายชั่วอายุคน
มีตัวอย่าง...มีคนไปขโมย "พระแสงดาบ" ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ตำรวจยังไม่สามารถตามจับผู้ขโมยได้ แต่ยังไม่ทันถึง 3 วัน พระแสงนั้นก็ได้คืนมา ?!?
"ก็ขอฝากไว้ด้วยว่าอะไรที่ไม่ใช่ของเรา...เราก็ไม่ควรจะเอา โดยเฉพาะสมบัติล้ำค่าที่เป็นของสูงคู่บ้านคู่เมือง เรายิ่งไม่ควรเกี่ยวข้องหรือครอบครอง"...ป๋อง-กพล กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้และทั้งนั้น กรณีสมบัติเก่าแก่-สมบัติของชาติ ไม่ว่าจะเป็นกรุ สมบัติวัดราชบูรณะ หรือที่ไหน ก็มีการเล่าขานร่ำลือมานานว่าผู้ที่ลักลอบขโมย สมบัติไป...ส่วนใหญ่จะ "มีอันเป็นไปแปลก ๆ" ซึ่งก็น่าคิด ?!?
"ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ...ก็คงสุดแท้แต่...
แต่..."ขโมย-ขายสมบัติชาติ" ยังไงก็ไม่พ้น "บ่วงกรรม"
และก็มักจะเป็น "กรรมหนักแปลก ๆ" ที่น่าฉงน ?!?!?.