ร้านซีร็อคโค ตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้น 63 ของตึกสูงระฟ้าอย่างอาคารสเตททาวเวอร์ เป็นร้านเปิดโล่งสามารถมองเห็นวิวตึกสูงในเมืองได้เกือบรอบทิศ มีลมพัดตลอดเวลาบรรยากาศดีโรแมนติคอย่างมาก ร้านมีสองโซนคือโซนร้านอาหารและบาร์ ข้างบนจะเป็นโดมแบ่งเป็นส่วนของร้านอาหารและบาร์ ทางลงบันไดจะมองเห็นวิวกรุงเทพฯฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเรื่องราคาสำหรับอาหารและเครื่องดื่มที่นี่ถือว่าแพงพอสมควรแต่สำหรับบรรยากาศและรสชาติอาหารแล้ว ถือว่าคุ้มค่ากับการมาในโอกาสพิเศษเลย หากใครอยากจะพาคนพิเศษมาในวันสำคัญหรือโอกาสพิเศษแต่ก่อนมาเราNightLifeSocietyแนะนำให้เช็คสภาพอากาศก่อนเนื่องจากเป็นร้านอาหารเปิดโล่งเพื่อป้องกันความผิดพลาดจากวันที่ดีจะกลายเป็นวันแย่ๆไปได้
ร้านอาหารบรรยากาศดีที่แรกๆที่คนส่วนใหญ่คิดถึงคงต้องเป็นที่นี้ เนื่องจากเป็นร้านอาหารที่อยู่บนตึกสูงที่สุดและเปิดมานาน เป็นร้านอาหารแนวบุฟเฟ่ต์ ตั้งอยู่บนชั้น 76และชั้น78 โดยอาหารจะเป็นบุฟเฟต์นานาชาติและซีฟู้ด ร้านเป็นแบบอินดอร์อยู่ภายในตัวตึกไม่ห้องกังวัลเรื่องสภาพอากาศ แต่หากมาในวันที่อากาศดี ท้องฟ้าโปร่งคุณจะมองเห็นวิวได้ทั่วทั้งกรุงเทพฯเลยทีเดียว ภายในร้านเป็นเหมือนห้องอาหารขนาดใหญ่โดยร้านจะตั้งอาหารไว้รอบห้องให้คุณเดินตักได้สะดวก แต่เรา NightLife Societyแนะนำให้มาในเวลากลางคืน คุณจะได้เห็นความโรแมนติกจากทัศนียภาพยามค่ำคืนของเมืองกรุงเทพฯ
ตั้งอยู่บนตึกระฟ้าชั้น 61 ของโรงแรม บันยันทรีโรงแรมชื่อดังย่านสาทร ซึ่งร้านอาหารนี้จะแบ่งเป็น 2 โซน คือ Vertigo ที่ให้บริการเป็นห้องอาหารแบบเปิดโล่งหรือที่เรียกว่ารูฟทอปไว้สำหรับดินเนอร์หรือรับประทานอาหารกับคนพิเศษในวันและโอกาสที่พิเศษ และอีกโซนคือ Moon Bar ที่ตั้งอยู่ ณ จุดที่สูงสุดของร้านอาหารเป็นโซนที่ให้บริการเครื่องหลากหลายชนิดส่วนใหญ่โซนนี้จะเป็นโซนที่คนแน่นกว่าโซนVertigo เปิดมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2545 สั่งสมชื่อเสียงมาเรื่อยจนเป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาสัมผัสความสวยงามพร้อมชมวิวเมืองกรุงเทพฯกันตลอดไม่ขาดสาย ด้วยความสูงเกือบสองร้อยเมตร เราสามารถชมทัศนียภาพอันกว้างไกลของเมืองกรุงเทพฯได้แบบ สามร้อยหกสิบองศา ทั้งแบบก่อนพระอาทิตย์ตก และยามค่ำคืนภายใต้แสงจันทร์
อยู่แต่บนตึกสูงกันมามากลงมาอยู่ติดพื้นดินกันบ้าง ใครที่เคยคิดว่าร้านอาหารหรูๆบรรยากาศดีๆต้องอยู่บนตึก บนโรงแรม ร้านนี้จะทำให้คุณเปลี่ยนความคิดใหม่ ร้านอาหารสุดหรูย่านเกษตร-นวมินทร์ที่ฮิตสุดๆถึงขนาดที่โต๊ะเต็มแทบทุกวัน ที่ร้านนี้ถูกจัดให้เป็นร้านอาหารบรรยากาศดียอดฮิต เป็นเพราะการจัดร้านที่เป็นเอกลักษณ์ จำลองบ้านเรือนสไตล์ยุโรปเป็นหมู่บ้านขนาดย่อมทำให้สามารถเดินท่องเที่ยวถ่ายรูปได้ทั้งยังมีทะเลสาบที่ให้บรรกาศสุดโรแมนติก ในเวลากลางคืนร้านจะใช้ไฟโทนสีเหลือง(Warm White) ทำให้เหล่าบ้านที่เราเห็นในตอนกลางวันนั้นเป็นอีกอารมณ์หนึ่งบวกกับสถานที่ที่กว้างถึงสิบหกไร่จึงทำให้มีลมเย็นพัดมาตลอดเวลา บอกได้เลยว่าเป็นร้านอาหารที่บรรยากาศดีอันดับต้นๆของประเทศเลยทีเดียว
หนึ่งธุรกิจของ The Scenery Vintage Farm ฟาร์มแกะชื่อดังแห่งสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี โดยร้าน พาร์เลอร์ เรสเตอร์รองท์ แอนด์ บาร์ ได้ยกกลิ่นอายธรรมชาติสไตล์ยุโรปมาตั้งกลางเมืองกรุงได้อย่างลงตัวในโครงการCDCเลียบทางด่วนรามอินทรา เพียงเดินเข้ามาภายในร้านก็รู้สึกถึงความอบอุ่นแตกต่างจากร้านอาหารอื่น บรรยากาศในร้านเป็นแบบโรแมนติกสไตล์อิงลิชคันทรี ที่มีอบอุ่นนุ่มนวล เหมือนกำลังนั่งอยู่ในฟาร์มแถบชนบทที่ประเทศอังกฤษ โดยที่นี่ได้จำลองโรงทอขนแกะของจริงมาไว้ภายในร้าน มุมต่างๆมีการตั้งโชว์ของที่เกี่ยวเนื่องกับโรงทอขนแกะ ร้านแบ่งออกเป็นหลายโซนทั้งโซนเอาท์ดอร์ให้นั่งจิบไวน์หรูริมน้ำ หรือจะเป็นโซนโซฟาที่ออกแบบให้รู้สึกถึงความความสบายแบบเป็นส่วนตัว สร้างความโรแมนติกด้วยโซฟานุ่มๆในม่านสีขาวบางพริ้ว และโซนริมสระน้ำที่ปูพื้นด้วยพรมแสนนุ่มมีลดเย็นพัดผ่านตลอดเวลาในยามค่ำคืนที่แสนพิเศษ
จากโกดังโรงน้ำแข็งเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านคลองสาน ที่ปิดตัวลงกว่า 40 ปี ถูกรีโนเวทใหม่แต่ยังคงโครงสร้างเดิมไว้เป็นร้านอาหาร คาเฟ่ โชว์รูมเฟอร์นิเจอร์และร้านหนังสือโดยมีสนามหญ้าสีเขียวเป็นจุดเด่นอยู่ด้านหน้า บรรยากาศในร้านเดอะ เนเวอร์ เอ็นดิ้ง ซัมเมอร์ถูกตกแต่งโดยเน้นให้โปร่ง โล่ง เพื่อให้เข้าถึงธรรมชาติได้ผ่อนคลาย และใช้ผนังแบบปูนเปลือยเมื่อถูกแสงไฟในยามค่ำคืนจึงให้บรรยากาศที่มีความโรแมนติกที่สำคัญภายในร้านยังเว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวซึ่งเหมาะแก่การพาคนพิเศษมาอย่างยิ่ง ที่ร้านนี้ยังมีโซนที่ติดกับห้องครัวโดยมีกระจกใสกั้นทำให้มองเห็นการปรุงอาหารทุกขั้นตอนอีกด้วย