ใน ที่สุดโลกก็เริ่มตื่นตัวกับคำลวงคำโกหกของรัฐบาลสหรัฐ ที่ค่อยๆ ถูกเปิดเผยมากขึ้นทุกวัน ยิ่งมีผู้ออกมาเปิดโปงแผนลับต่างๆ ของอเมริกามากขึ้น ก็ทำให้โลกได้รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขามองสหรัฐ อย่างที่สหรัฐอยากให้เห็น ไม่ได้รู้จักสหรัฐ อย่างที่เป็น ในบทความนี้เราจะนำเสนอบรรดาบุคคลที่เคยเปิดโปงความลับ และแผนการอันน่ากลัวต่างๆที่รัฐบาลสหรัฐได้เคยทำไว้ โดยก่อนหน้าที่ทาง ABNEWS ได้นำเสนอเรื่องราว เกี่ยวกับ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน และ จูเลียน อาสซานจ์ เจ้าของวิกิลีกส์ ไปแล้วบางส่วน ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับคนเหล่านี้เพิ่มเติมกัน
ลำดับ 10 – แกรี่ สตีเฟน เวบบ์ (Gary Stephen Webb) : ผู้เขียน Dark Alliance และนักเขียนหนังสือพิมพ์ San Jose Mercury News
แกรี่ คือนักเขียน หนังสือพิมพ์ San Jose Mercury เขาได้เขียนหนังสือ ชื่อว่า Dark Alliance หรือ พันธมิตรมืด โดย เวบป์ ได้ออกมาเปิดโปง ถึงเรื่องที่ CIA ได้ลักลอบขนยาเสพติดในปี 1980 และได้จำหน่ายในเมืองลอสแองเจลิส กรณีที่หน่วยงานของรัฐทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ และเรื่องที่รัฐบาลได้ปกป้องนักขนของเถื่อนเมื่อถูกนำตัวพิจารณาคดี การเปิดโปงของเวบป์ ทำให้เกิดความโกลาหล งานเขียนของเขาเริ่มต้นด้วยการ กล่าวประนามรัฐบาลการค้าเสรี และบรรดาบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่ร่วมมือกันปิดบังความจริง การเปิดโปงครั้งนี้ทำให้ชื่อเสียงของเว็บแพร่หลายออกไปอย่างรวดเร็ว เขาต้องเสียอาชีพนักเขียนไปในที่สุด และไม่มีหนังสือพิมพ์หรือสำนักพิมพ์ไหนรับเขาเข้าทำงานอีก ต่อ มาในปี 2004 มีผู้พบศพเวบป์ โดยมีกระสุนฝังอยู่ที่ศรีษะถึง 2 นัด ข่าวแพร่ไปว่า เขาได้ฆ่าตัวตาย ถึงแม้ว่าครอบครัวของเขาเชื่อว่าเขาฆ่าตัวตาย เพราะหางานทำไม่ได้ แต่คนส่วนมากเชื่อว่า เว็บป์ตายเพราะถูกฆ่าปิดปาก
ลำดับ 9 – มาร์ค เฟลธ์ (Mark Felt) : ข่าวอื้อฉาววอเตอร์เกท (Watergate)
มาร์ค เฟลธ์ อดีตเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เขานับเป็นบุคคลที่โด่งดั่งที่สุดของอเมริกาในด้านการเปิดโปงความลับ เขาได้ส่งข้อมูลให้กับ บ็อบ วู้ดเวิร์ด นักข่าววอชิงตัน ข่าวฉาวเรื่องวอเตอร์เกท ทำให้ ริชาร์ด นิกสัน ต้องลาออกจากการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ มาร์ค เปิดโปงว่า รัฐบาลนิกสัน พยายามที่จะล้มคู่ต่อสู้อย่างผิดกฎหมาย พวกเขาไปรวมตัวอยู่ที่โรงแรมวอเตอร์เกท
ลำดับ 8 – แดเนียล เอลส์เบิร์ก (Daniel Ellsberg) : เอกสารลับเพนตากอน (Pentagon Papers)
แด เนียล ได้นำบันทึกลับเพนตากอนออกมาเปิดโปงในปี 1971 สิ่งที่เขายืนยัน ก็คือ ประธานาธิบดีทั้งสี่คนได้โกหกประชาชนมาโดยตลอด ในเรื่องปฏิบัติการและการแทรกแซง ตลอดจนทั้งภารกิจต่างๆ ในสงครามเวียดนาม ” โร เบิร์ต แมกนามารา (Robert McNamara) รมต.กลาโหมในยุคสมัยนั้น ได้มอบบันทึกนี้ไว้ในปี 1967 เพื่อให้รัฐบาลในยุคหลังๆ ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ความผิดพลาด จากสงครามเวียดนาม และคำสั่งเสียต่างๆ “สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง” สำหรับรัฐบาลต่อไปที่จะมาในอนาคต ทำให้ บุคคลจำนวนหนึ่ง เข้าใจว่า รัฐบาลสหรัฐพยายามโกหกประชาชนอยู่ตลอดเวลา แดเนียล รู้สึกรับไม่ได้ กับการที่จะต้องปิดบังคำหลอกลวงเหล่านี้ ทำให้เขาตัดสินใจออกมาเปิดโปงคำโกหก และการหลอกลวงของรัฐบาล และสงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุด เขาได้มอบบันทึกลับให้กับนิวยอร์กไทมส์ หลังจากที่บทความได้เผยแพร่ออกไป เกิดสั่นสะเทือนทางการเมืองในหลายๆ กรณี ดังนี้ -รัฐบาลมีข้อมูลอย่างละเอียดและสมบูรณ์ ที่ทำให้รู้ว่า สงครามเวียดนามนั้นไม่ใช่สงครามที่จะสามารถเอาชัยชนะกลับมาได้ แต่ก็ยังดันทุรังไปเปิดสงคราม -อเมริกา ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย จากการช่วยเหลือชาวเวียดนามใต้ พวกเขาเพียงแต่ต้องการที่จะเล่นการเมืองกันเท่านั้น -รัฐบาลของ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ได้วางแผนโค่นล้มประธานาธิบดีเวียดนามใต้ นาย โง ดินห์ เดียม (Ngô Đình Diệm Jean Baptiste) -ลินดอน บี จอห์นสัน ปธน.สหรัฐ ได้สัญญาในการปราศัยครั้งหนึ่ง ว่า อเมริกาจะลดการเข้าร่วมในสงครามเวียดนามให้น้อยลง และมีโปรแกรมในการทิ้งระเบิด ในเวียดนามทางตอนเหนือ -สหรัฐ ไม่เคยบอกความจริงกับประชาชนของตัวเองทั้งเรื่องสงครามและเรื่องการทิ้ง ระเบิด ว่าไปทำอะไรบ้างในเวียดนาม โดยสรุปแล้ว เคนเนดี้ จอห์นสัน นิกสัน ไอเซนฮาวร์ ทั้งหมด ต่างก็โกหกต่อชาวโลกในสงครามเวียดนาม
ลำดับ 7 – โทมัส แอนดรู เดรก (Thomas Andrews Drake) :โครงการเทรลเบลเซอร์ (project Trailblazer)
โทมัส เดรก อดีตเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ NSA ได้ออกมาเปิดโปงแล้ววิจารรณ์ “โครงการเทรลเบลเซอร์” ที่สหรัฐถลุงเงินไปมากวว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ โดยโครงการดังกล่าว เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนอเมริกัน ในช่วงเริ่มต้นนั้นทางรัฐบาลได้แนะนำโครงการเทรลเบลเซอร์ว่า เป็นเสมือนทางเลือกในการค้นหาข้อมูลต่างๆ ในอินเตอร์เน็ต ในขณะนี้พวกเขามีโครงการทับซ้อนอีกอันหนึ่ง ทีเรียกว่า “Thinthread” ที่มีค่าใช้จ่าย สูงถึง 3 ล้านดอลลาร์ อยู่ ซึ่งรูปแบบการทำงานก็ไม่ได้แตกต่างกัน และยังมีประสิทธิภาพมากกว่า และคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนได้มากยิ่งกว่า มีการโฆษณาโครงการอันนี้อย่างแพร่หลาย แต่สุดท้าย โครงการที่มีค่าใช้จ่าย และมีปัญหาทางกฎหมาย อย่างเทรลเบลเซอร์ ก็เป็นโครงการที่สหรัฐ เลือกที่จะนำมาใช้
ลำดับ 6 – บันนาไทน์ กรีนเฮ้าส์ (Bunnatine Greenhouse) : หน่วยวิศวกรรมกองทัพอเมริกัน บริษัท แฮลลีเบอร์ตัน (Halliburton)
ความสัมพันธ์ ระหว่างรัฐบาลสหรัฐ กับ บริษัท แฮลลีเบอร์ตัน เป็นประเด็นที่ถูกตั้งข้อสงสัยเป็นอย่างมาก เมื่อถึงเวลาอันควร ในปี 2003 บันนาไทน์ ก็ออกมาเปิดโปงถึงเรื่องอื้อฉาวที่รัฐบาลสหรัฐได้กระทำไว้ นั่นคือ ทางฝ่ายรัฐบาลได้ให้การสนับสนุน แฮลลีเบอร์ตันคอมปานี ก็เพื่อสร้างช่องทางในการเก็บเกี่ยวผลกำไรจากน้ำมันในอิรัก และแน่นอนไม่มีคอมปานีใดที่จะมีสิทธิในโครงการนี้ นอกจาก แฮลลีเบอร์ตัน บันนาไทน์ได้ออกมาประนามรัฐบาลอย่างมากมาย ทั้งในเรื่องความไม่ยุติธรรมและประเด็นดำมืดด้านอื่นๆ
ลำดับ 5 – โคลีน โรว์ลีย์ (Coleen Rowley) : เอฟบีไอ (FBI)
ภายหลังจาก เหตุการณ์ 11 กันยา ผ่านไปไม่ทันไร ชาวอเมริกันต่างก็กำลังตกอยู่ในภาวะของความเศร้าโศก และไม่รู้เลยว่า กลุ่มก่อการร้ายเล็กๆ สามารถจู่โจมแผ่นดินสหรัฐได้อย่างไร โดยที่เจ้าหน้าที่สายลับและเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองจะไม่ได้กลิ่นนี้ แน่นอนว่า เป็นไปไม่ได้แน่นอน หนึ่งในเจ้าหน้าที่ ที่ออกมาชี้แจงในเรื่องนี้ คือ โคลีน โรว์ลีย์ เจ้าหน้าที่ FBI เขาได้ออกมาเปิดโปงว่า สำนักงานในพื้นที่ๆเขาประจำอยู่นั้น ได้รับข่าวกรองว่า ซะการียา มูซาวีย์ หนึ่งในสมาชิกผู้ซึ่งปรากฎตัวในเหตุการณ์ 11 กันยา ได้ใช้เงิน 8 พันดอลลาร์ เพื่อเรียนขับเครื่องบิน ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 747 เสียด้วย และหน่วยข่าวกรองยังรายงานอีกว่า บุคคลผู้นี้ มีเป้าหมายเพื่อปล้นและระเบิดเครื่องบิน ในขณะมีการเรียกร้องให้สืบสวนเกี่ยวกับบุคคลต้องสงสัย โดยให้ทำการตรวจค้นที่พักอาศัยของ ซะการียา มูซาวีย์ แต่ท้ายที่สุด ก็ถูกปฏิเสธไปง่ายๆ โรว์ ลีย์ ยังได้เปิดโปงถึงการใช้วิธีการสกปรกของหน่วยงานภายใน ทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์ 11 กันยา บันทึก 13 หน้าที่ได้คัดลอกสำเนาจาก รอบเลต มูเลอร์ ประธานเอฟบีไอ โดยในบันทึกมีบทสนทนาว่า เอฟบีไอ “จงใจ” ที่จะหยุดความพยายามในการทำงานของพวกเขา ซึ่งเป็นไปได้ว่า อาจจะทำไปเพื่อปกป้องเหตุการณ์ 11 กันยา นิตยาสารไทมส์ก็ได้เปิดเผยรายละเอียดในบันทึกนี้ ในปี 2002 เช่นเดียวกัน โรว์ลีย์ ได้ให้การยืนยันว่า ถ้าหากสำนักงานของเขาอนุญาตให้เขาสืบสวนเรื่องนี้ เหตุการณ์11กันยา ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น หรืออาจจะยับยั้งมันได้
ลำดับ 4 – แบรดลีย์ แมนนิ่ง (Bradley Manning) : ทหารกองทัพสหรัฐ
แมนนิ่ง คือ หนึ่งในทหารของกองทัพสหรัฐ ที่ได้ทำการเปิดโปงความลับชิ้นใหญ่เกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ ของกองทัพประเทศนี้ ซึ่งเขาได้มอบเอกสารลับให้เว็บไซต์วิกิลีกส์ ที่เขาสามารถเปิดโปงความลับเหล่านี้ได้ ก็เพราะเขาได้เก็บบันทึก และรวบรวมแฟ้มลับต่างๆนับเป็นพันๆ แฟ้ม แต่เดิม แมนนิ่ง เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งเคยถูกส่งไปอิรัก ซึ่งข้อมูลส่วนมากก็ได้จากที่้นั่น ซึ่งในภายหลังเขาค่อยๆ ออกมาเปิดโปงความลับต่างๆของสหรัฐ ตัวอย่างข้อมูลที่แมนนิ่ง ได้นำออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชน ได้แก่ -วิดิ โอลับ ที่เหล่าบุคคลผู้มีอิทธิพล กำลังหัวเราะขำขันกับการนั่งดูเฮลิคอปเตอร์อเมริกัน กำลังสังหารผู้คนหลายสิบคน อันได้แก่พลเรือนและผู้สื่อข่าว -แฟ้ม รายงานที่ชี้ถึงสถิติตัวเลขผู้ถูกสังเวยในอิรัก ในขณะที่กองทัพสหรัฐ มักจะอ้างโต้งๆ ว่า พวกเขาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสถิติพวกนี้ ซึ่งจากสถิติยอดผู้เสียชีวิตตลอดระยะเวลา 6 ปี คือ 109,000 คน ซึ่ง 66,081 คนเป็น พลเรือนที่ไม่มีอาวุธ -ทหารอเมริกันได้ทรมาน เหล่านักโทษสงครามชาวอิรัก มีการร้องเรียนมากกว่าร้อยครั้ง แต่วอชิงตันก็ไม่ได้สืบสวนการร้องเรียนเหล่านี้ ภายหลัง แมนนิ่ง ถูกตั้งข้อหา ให้การช่วยเหล่าศัตรู และมีโทษ จำคุกตลอดชีวิต
ลำดับ 3 – รัสเซล ไทส์ : เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงแห่งชาติ
ตามคำกล่าวของ รัสเซล ไทส์ อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งชาติ ระบุว่า “พวกเขาได้เก็บข้อมูลต่างๆของสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็น แฟกซ์ บทสนทนาทางโทรศัพท์ ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ ไม่สำคัญเลยว่า คุณจะอยู่ในภาคกลางของอเมริกาหรือไม่ หรือคุณจะไม่ติดต่อกับต่างประเทศ พวกเขามีข้อมูลของคุณทั้งหมด” ไทส์ เผยว่า มีคนหลายคนที่ได้ทำการบันทึกข้อมูลต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง และตลอด 7 วัน ซึ่งถึงแม้เราจะไม่รู้ว่า พวกเขาเอาข้อมูลเหล่านี้ไปทำอะไร แต่ก็มั่นใจได้เลยว่า ข้อมูลเหล่านี้ ถูกบันทึกไว้ในสถานีอย่างแน่นอน
ลำดับ 2 เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน : เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ
ชื่อนี้ เป็นชื่อ เรามักจะคุ้นหู ถึงบทบาทการของนายคนนี้เกี่ยวกับการออกมาเปิดโปงความลับของสหรัฐ โดยเขาได้เปิดโปงปฏิบัติการและโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลสหรัฐและอังกฎษ ได้อนุมัติและกระทำ โดยละเมิดต่อสิทธิมนุษยชน การเปิดโปงของสโนว์เดน ทำให้เกิดกระแสการตื่นตัวของประชาชนมากยิ่งขึ้น และทำให้ประชาชนได้เข้าใจว่า รัฐบาลสหรัฐเข้ามายุ่งเกี่ยวและสอดแนมชีวิตของแต่ละคนมากน้อยแค่ไหน โดยข้อมูลบางส่วนที่สโนว์เดน ได้ออกมาเปิดโปง และส่งผลกระทบอย่างมากมาย มีตัวอย่างดังต่อไปนี้
-คำ สั่งจากศาลให้ทำการเฝ้าระวังข้อมูลภายนอก ซึ่งเป็นโครงสร้างในการนำเสนอโครงการ metadata บทสนทนต่างๆ ทางโทรศัพท์มือถือทุกๆ การสนทนาของประชาชนจะถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด
-โครงการสอดแนม PRISM เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง สามารถที่จะเข้าไปขโมยอีเมลต่างๆ ทางอินเตอร์เน็ตของประชาชนทุกๆ คน
-การแฮกข้อมูลต่างๆ ทางคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัย และบริษัทต่างๆ
ใน ปี 2013 สโนเดน ต้องหลบหนีอยู่ตลอดเวลา จากประเทศหนึ่งสู่ประเทศหนึ่ง เพื่อหาที่ลี้ภัย หรือประเทศที่จะไม่ส่งตัวเขาให้กับสหรัฐ ซึ่งถ้าหากเขาเดินทางกลับสหรัฐเมื่อไหร่ เขาจะถูกตั้งข้อหาอย่างมากมาย หลายกระทง อาทิ การเผยแพร่ข้อมูลของฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต ประชาชนส่วนมากชาวอเมริกัน ถือว่า สโนเดน คือ จอมแฉที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา
ลำดับ 1 ปีเตอร์ เบิรกซ์ตัน
ความไม่เป็นธรรม และการจารกรรมข้อมูลของสหรัฐ ที่ได้กระทำกับประชาชนคนธรรมดา ดำเนินไปถึงขั้นที่เป็นไปได้ว่า พวกเขาสามารถที่เปลี่ยนให้มนุษย์เป็นคนจน หรือคนป่วยได้ จากการทดลอง ขององค์กรดังกล่าว
ข้อมูล : http://en.wikipedia.org/wiki/Gary_Webb http://en.wikipedia.org/wiki/Mark_Felt
http://en.wikipedia.org/wiki/Daniel_Ellsberg
http://fa.wikipedia.org/wiki/%D9%86%DA%AF%D9%88_%D8%AF%DB%8C%D9%86_%D8%AF%DB%8C%D9%85
http://en.wikipedia.org/wiki/Lyndon_B._Johnson
http://en.wikipedia.org/wiki/Thomas_Andrews_Drake
http://www.nytimes.com/2005/08/29/international/middleeast/29halliburton.html?_r=0
http://en.wikipedia.org/wiki/Coleen_Rowley
http://en.wikipedia.org/wiki/Chelsea_Manning
http://www.mashreghnews.ir/fa/news/296397/%D8%A2%D9%85%D8%B1%DB%8C%DA%A9%D8%A7%DB%8C%DB%8C%E2%80%8C%D9%87%D8%A7%DB%8C%DB%8C-%DA%A9%D9%87-%D8%AF%D8%B1%D9%88%D8%BA%E2%80%8C%D9%87%D8%A7%DB%8C-%DA%A9%D8%A7%D8%AE-%D8%B3%D9%81%DB%8C%D8%AF-%