ภาพประกอบข่าว
(4 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีการเผยแพร่หนังสือประทับตราด่วน ที่ออกจากสำนักงานเจ้าคณะจังหวัด (จจ.) หนึ่งในภาคกลาง วันที่ 22 มิถุนายน 2558 ส่งถึงเจ้าคณะอำเภอในเขตปกครองผ่านสังคมออนไลน์ ข้อความในหนังสือระบุว่า "ด้วยการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 เจ้าคณะจังหวัดได้มีคำสั่งให้พระสังฆาธิการทุกระดับรีบดำเนินการ แต่เท่าที่ติดตามดูการขับเคลื่อนของแต่ละวัด ส่วนมากได้ตระหนักในหน้าที่ และช่วยดำเนินการเป็นที่น่าพอใจ แต่ยังมีอีกหลายวัดที่ไม่มีชื่อวัดปรากฏ และอีกหลายวัดที่มีชื่อวัดปรากฏ แต่สถิติคนมาทำบุญที่วัดประจำไม่ถึง 50 คน จึงขอให้เจ้าคณะอำเภอตรวจสอบว่าในอำเภอที่ปกครอง มีวัดไหนบ้างที่มีคนมาทำบุญที่วัดประจำไม่ถึง 50 คน ถ้าเป็นวัดของเจ้าคณะตำบล ให้เจ้าคณะอำเภอออกคำสั่งตำหนิโทษเป็นเวลา 3 เดือน และถ้าพระสังฆาธิการที่ถูกตำหนิโทษยังไม่ดำเนินการตามมติของมหาเถรสมาคม (มส.) อีก ให้เจ้าคณะผู้ปกครองทำเรื่องเพื่อเสนอขอปลดพระสังฆาธิการรูปนั้น และให้เจ้าคณะจังหวัดออกคำสั่งปลดออกจากตำแหน่ง ด้วยเหตุขัดมติ มส.และไม่สนองงานคณะสงฆ์จังหวัดฯ ในโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5" ปรากฏว่ามีทั้งพระสงฆ์ และฆราวาส เข้าไปวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับข้อความหนังสือฉบับดังกล่าวมากมายถึงความไม่เหมาะสม พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ วัดสร้อยทอง กรุงเทพฯ กล่าวว่า ได้เห็นหนังสือดังกล่าวแล้ว หากเจ้าคณะปกครองต้องการกำชับพระสังฆาธิการในเขตปกครองให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งตามคำสั่งของเบื้องบน เพื่อเป็นการกระตุ้นนโยบายหมู่บ้านศีล 5 จึงทำให้เจ้าคณะจังหวัดดังกล่าวออกคำสั่งมาเช่นนี้ ดูแล้วเหมือนเป็นการทำยอด เพื่อใช้ในการประเมินผลเชิงปริมาณของโครงการหมู่บ้านศีล 5 จากคำสั่งดังกล่าวทำให้คนมองว่านอกเหนือจากการเชิญชวนให้ประชาชนมาเข้าร่วมโครงการแล้ว ยังกลายเป็นการบังคับให้โยมเข้าวัดไม่ก่อให้เกิดผลดีเชิงบวกใดๆ เลย การออกคำสั่งเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับการขายสินค้า ที่ต้องทำยอดตามหัวหน้าสั่ง นอกจากนี้ สังคมยังได้ตั้งคำถามมากมายว่าการออกป้ายศีล 5 ติดตามวัด หรือหมู่บ้าน จะเกิดผลจนสามารถทำให้คนหันมารักษาศีล 5 ได้จริงหรือ และเมื่อมีคำสั่งจากเจ้าคณะจังหวัดให้พระสงฆ์บังคับชาวบ้านเข้าวัดเกิน 50 คน สังคมก็เกิดคำถามว่า ขณะนี้วัดข่มขืนประชาชนให้ทำบุญแล้วหรือ ด้านพระวชิรธรรมคณี เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี เจ้าอาวาสวัดหนองจอก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เปิดเผยว่า ประกาศเจ้าคณะจังหวัดฉบับลงวันที่ 22 มิถุนายน 2558 ได้เป็นผู้ออกประกาศถึงเจ้าคณะอำเภอในเขตปกครองคณะสงฆ์ในจังหวัดเพชรบุรีจริง เพื่อขานรับนโยบายของมหาเถรสมาคมที่ต้องการให้วัดต่างๆ ชักชวนให้พุทธศาสนิกชนหันมาเข้าวัดมากขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ชาวพุทธในประเทศเราเคยเรียกร้องให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แต่เราไม่เคยมีฐานข้อมูลที่ชัดเจนว่ามีผู้เลื่อมใสศาสนาเรามากน้อยเพียงใด "ส่วนที่กำหนดว่าให้แต่ละวัดหาคนเข้าวัดให้ได้อย่างน้อย 50 คนอาตมาเป็นผู้กำหนดเอง จะได้ 50 คนหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ อาตมามองว่าถ้าแต่ละวัดหาคนเข้าวัดได้น้อยกว่า 50 คนก็แย่แล้ว แต่วัดไหนทำไม่ได้ก็ไม่ได้ไปเคร่งครัดอะไร เป็นกุศโลบายที่ต้องการให้คนเข้าวัดเพื่อเข้าถึงธรรมะกันมากขึ้น ฝึกทำบุญสร้างกุศลกันมากขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ถ้าวัดแต่ละวัดไม่ออกแรงกระตุ้น ก็ไม่มีการขับเคลื่อน อาตมาได้ขอให้เจ้าอาวาสและพระในวัดต่างๆ ช่วยกันคุยกับญาติโยมเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนในเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้อาตมาเคยออกประกาศไปครั้งหนึ่งแล้ว สั่งให้วัดต่างๆ ขับเคลื่อนในเรื่องนี้มาแล้ว ให้แต่ละวัดเชิญชวนญาติโยมกรอกข้อมูล มีบัตรประชาชนเป็นหลักฐาน จัดทำข้อมูลคนเข้าวัดลงในอินเตอร์เน็ต วัดต่างๆ ให้ความร่วมมือจากเดิมฐานตัวเลขคนเข้าวัดทั้งจังหวัดจริงๆ มีแค่ 260 คน ขณะนี้เพิ่มมากขึ้นเป็น 37,000 กว่าคนแล้ว อาตมาเห็นว่าได้รับการสนองตอบในทางที่ดี ส่วนถึงขนาดจะปลดพระสังฆาธิการที่ไม่สนองตอบคำสั่ง คงไม่ทำถึงขนาดนั้น สิ่งที่ทำเป็นเพียงแค่กุศโลบายและสนองนโยบายของมหาเถรสมาคม" พระวชิรธรรมคณีกล่าว
ที่มา: http://news.sanook.com/1823990/