ความเห็นที่ 4
ขอต่อเลยนะครับ ขอย้ำว่า เรื่องราวของช่อง 4 ผมสรุปมาจากหนังสือ"โลกของอารีย์" ต้องขออนุญาติอาจารย์อารีย์ นักดนตรีและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนี้ทั้งหมด ผมคัดลอกมาเพื่อเป็นวิทยาทานบันเทิงให้กับผู้สนใจในเรื่องของละครไทยและดาราละครไทย เท่านั้น ก็จะพูดเฉพาะในเรื่องของดาราละครเท่านั้น เทคนิคหรือวิวัฒนาการด้านอื่น จะไม่นำมาพูด ส่วนช่องอื่นเป็นความเห็นส่วนตัวของผมเอง
2513 - เกิดสถานีโทรทัศน์ขึ้นอีกช่อง เป็นช่องที่ 3 ในประเทศไทย คือ ไทยทีวีสีช่อง 3 หนองแขม ได้คนจากช่อง 4 บางขุนพรหมมาหลายคน ส่วนกรรณิการ์ ธรรมเกษร ก็เป็นเด็กฝึกงานที่ช่อง 4 ตั้งแต่เด็กๆ ได้เล่นละครชิมลางไปแล้วด้วย ก็มาสมัคร ได้เป็นใหญ่ที่นี่ แล้วยังมี มานวิกา เปรมวิภาค(แม่ของปอรัชต์ ยอดเณร),สันติสิริ,มีศักดิ์ นาครัตน์ พร้อมทีมพากย์ แข็งปั๋ง คือ อุดม สุนทรจามร,อนุวัฒน์,กรรณิการ์,มาณวิกา ฯลฯ มีรายการถ่ายทอดสดยอดฮิตคือ คนดังพาเหรด โดย ยิ่งยง สะเด็ดยาด เชิญดาราดังๆมาออกรายการได้หมดทุกคน
ต่อไป ผมจะพูดเฉพาะเรื่องราวของช่อง 4 เพราะในหนังสือนี้ ผู้เขียนคือ คุณอารีย์ นักดนตรี ท่านทำงานที่ช่อง 4 และพูดเฉพาะเรื่องราวของช่อง 4 ส่วนช่องอื่น ผมเติมเข้าไปเอง เพื่อให้กลมกลืนกันและเชื่อมโยงสมดุลกัน
2513 - ศันสนีย์ สมานวรวงศ์ เข้ามาทำงานแต่ยังไม่ได้เล่นละคร พอ 2514 ก็เล่นละครเรื่อง"บันไดเมฆ" เป็นน้องนางเอก นางเอกคือ บุศรา นฤมิตร พระเอกคือ กำธร สุวรรณปิยะศิริ,สุรินทร์ แสงขำ ช่วงหลังจากนี้ ช่อง4 เริ่มอัตคัดพระเอก กำธร สุวรรณปิยะศิริ จากรูปร่างหน้าตาที่เคยหล่อเหลา ล่ำสำ ก็เริ่มโรยราไปตามกาลเวลา กลายเป็นดาราอาวุโสไป จึ
ต้องหาเองจากคนข้างนอก ทั้งพระเอก,พระรอง ก็มี ชุมพร เทพพิทักษ์ และแมน ธีรพล ส่วน รุจน์ รณภพ ก็เป็นพระรอง เอามาจากหนังใหญ่ทั้งนั้น ส่วนดาราสาวๆก็ใช้คนในสถานีทั้งหมด มี อรวรรณ โปร่งมณี,เพลินพรรณ เกียรตินิยม,สุทธิจิต วีรเดชกำแหง,ศิริพร วงศ์สวัสดิ์,สมจินต์ ธรรมทัต,สินีนาฎ โพธิเวช,รอง เค้ามูลคดี,ประชา เทพาหุดี ฯลฯ
มิ.ย.2513 สามารถส่งโทรทัศน์สีได้ จากการอนุมัติตั้งแต่ พ.ค.2508(ระบบ 625 เส้น) แต่ยังไม่ได้ใช้ เพราะติดการขนย้า จากสถานีจากบางขุนพรหมไปยังสถานีชั่วคราวที่บางลำพู
2513 นิรุตต์ ศิริจรรยา หนุ่มนักเรียนนอก หล่อ สมาร์ท ทำงานที่การบินไทย เริ่มเข้าสู่วงการละครก่อน โดยแมวมอง เทิ่ง สติเฟื่อง ชักนำเข้ามาเล่นเป็นพระรอง,พระเอก อยู่หลายเรื่อง ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าไร พอ 2515 เทิ่ง หันไปสร้างหนังใหญ่เรื่อง"ดาร์บี้"เอานิรุตต์ เป็นพระเอก พบนางเอกยอดนิยม อรัญญา นามวงศ์ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ นิรุตต์ ต้องกลายเป็นพระรอง ตาม สมบัติ-กรุง-สรพงษ์ อยู่พักใหญ่ แล้วจึงหันกลับมาเล่นละครอีกครั้ง ในเรื่อง"ไฟพ่าย"ละครที่ดาราต้องท่องบทเอง ประกบ สมภพ-ภั่ทราวดี ประสบความสำเร็จพอประมาณ นิรุตต์ มาดังในบท จะเด็ด ละคร"ผู้ชนะสิบทิศ" ทางช่อง 9(ช่อง 4 เดิม)ช่วงปี 2520 และขึ้นสู่ตำแหน่งพระเอกละครยอดนิยมอันดับ 1 หลังจากเรื่อง"ผู้กองยอกรัก"(2522)"ทางช่อง 5 ดังระเบิด เกิดคู่พระนาง นิรุตต์-ดวงใจ ,นิรุตต์-รัชนู ขึ้นมาแทน พิศาล อัครเศรณี ซึ่งไปได้ดีจากหนังใหญ่ เรื่อง"รักเอย" ซึ่งพิศาล ก็เคยครองตำแหน่งพระเอกละครยอดนิยม ต่อจาก กำธร สุวรรณปิยะศิริ
2516 เดือนเต็ม สาลิตุลย์ เด็กนักเรียนสาว อายุ 16 โรงเรียนนาฎศิลป์ กรมศิลปากร ได้เข้ามาฝีกแสดงเป็นตัวประกอบ ละครเรื่อง "หลานสาวคุณหญิง" มีคู่พระ-นาง ศิริพร วงศ์สวัสดิ์ - ชุมพร เทพพิทักษ์ มีพระรองดาวรุ่งกำลังมาแรง ภิญโญ ทองเจือ และเปียทิพย์ คุ้มวงศ์ สาวเซ็กซี่ ร่วมแสดงด้วย ดาราประจำในยุคนั้นที่ถูกอัธยาศัยเรียกมาเล่นกันบ่อยก็มี สุพรรณ บูรณะพิมพ์,พงษ์ลดา พิมลวรรณ,กิ่งดาว ดารณี,โฉมฉาย ฉัตรวิไล,อดุลย์ ดุลยรัตน์,ชุมพร เทพพิทักษ์,มาลี เวชประเสริฐ,มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา ฯ
2517 ย้ายสถานีจากบางขุนพรหมไปยังบางลำพู มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ผู้บังคับบัญชาเบื้องบนก็เปลี่ยนไปด้วย ผู้บริหารคนใหม่ คือ คุณ สรรพสิริ วิรยศิริ แล้วก็ต้องออกจากตำแหน่งไป เมื่อเกิดเหตุการณ์ 9 ตุลาคม 2519 ศิริพร วงศ์สวัสดิ์ ลาออกไปพากย์หนังอยู่กับช่อง 3 รวมทั้งแบ่งเอาตัวละครจากช่อง 4 ไปแสดงที่นั่น ทั้ง กนกวรรณ ด่านอุดม,ฉันทนา ธาราจันทร์ และ เพลินพรรณ เกียรตินิยม
2517-2518 จตุพล ภูอภิรมย์ ก้าวเข้าสู่วงการละครก่อนหนัง เรื่องแรก คือ "อีสา" รับบท ม.ร.ว.รวี โชติช่วง เปียทิพย์ คุ้มวงศ์ รับบท"อีสา" กรรณิกา ธรรมเกษร เป็นคุณหญิง เป็นละคร 6 ตอนจบ ได้รับความนิยมมาก
- วุฒิ คงคาเขตร์ ข้าราชการการประปา ที่เป็นนักแสดงสมทบและหาเวลานอกราชการมาแสดงละคร ภาคดึก ได้ฝากฝังน้องชายคือ ศิริวัฒน์ คงคาเขตร์ ให้ร่วมแสดงด้วย ในละครของคณะอารีย์วัลย์(อารีย์ นักดนตรี)
-ศิริวัฒน์ คงคาเขตร์ เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง มีเพื่อนฝูงอยู่ในทีมละครของมหาวิทยาลัยมาก จึงได้นำตัวแสดงจากภาพยนตร์พากย์เสียงของดาราฟิลม์(ช่อง 7)มาฝากฝังหลายคน เช่น อุทุมพร ศิลาพันธ์,รัชนู บุญชูดวง,รัชนีพร บิชอป,ชัชนี ดำรงชัย ฯลฯ
รัชนู บุญชูดวง เป็นคนแรกที่ครูอารีย์ นักดนตรี นำมาฝึกเล่นละครก่อน(ต่อจากเดือนเต็ม ช่วงหลังต้องใช้ดาราจากภายนอก เนื่องจากนโยบายของผู้บริหารใหม่ นักแสดงหลักเดิมๆโดนปล่อยเกาะหมด ทั้ง กำธร,สมจินต์,นงลักษณ์ ฯลฯ) มีปัญหาเรื่องการพูด ต้องฝึกหนักหน่อย จึงปล่อยให้แสดงละครเรื่องแรกในชีวิตของรัชนู คือ "คุ้มผาดำ" รัชนู เป็นคนสวยคมแต่แข็ง เหมาะกับบท นางเอกที่แข็ง เช่น "ใครกำหนด" ส่วน สุริยา ชินพันธ์ เข้ามาร่วมกับพี่สัมพันธ์ เมื่อหัวหน้าจำนงพ้นตำแหน่งไปแล้ว จึงเป็นดาราประจำสถานีอยู่ได้ไม่นาน
ก่อนละคร"ใครกำหนด"จะส่งรัชนู ให้ดังระเบิดฟ้า ทางครูอารีย์ นักดนตรี ก็เตรียมงาน"เครื่องแบบสีขาว"ก่อน ได้พระเอก-นางเอกคู่ขวัญ ของคุณอารีย์ ในช่วงนั้น มาแสดง คือ นิรุตต์ ศิริจรรยา-ศิริพร วงศ์สวัสดิ์
หลังเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ได้มีการยุบเลิกบริษัทไทยโทรทัศน์ เปลี่ยนเป็นองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย(อ.ส.ม.ท.) มีผลบังคับเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2519 และถือเอาวันนี้เป็นวันเกิดของ อ.ส.ม.ท.พนักงานเก่าที่ถูกจำหน่ายออกมี 50 คน รวมทั้ง นักแสดงประจำด้วย เช่น สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์,สมจินต์ ธรรมทัต,นฤพนธ์ ดุริยพันธ์,บุญถึง ฤทธิเกิด,สมพงศ์ สมใจเจริญ ฯลฯ แต่พวกเขาเหล่านี้ก็มีผู้อ้าแขนรับไปทำงานกันทุกคน ทำให้ละครเรื่อง"ผู้ใหญ่ลีกับนางมา" ที่วางตัวนฤพนธ์ ดุริยพันธ์ เป็นพระเอก เกิดอาการรวนเร เพราะเจ้าตัวไม่ยอมกลับมาเล่นให้เสียศักดิ์ศรี นายใหม่ให้ผู้จัดไปขอร้อง จนในที่สุดก็ต้องมาเล่น เพราะสงสารผู้จัด
-สวรรค์เบี่ยง
ปลายปี 2520 ครูอารีย์ นักดนตรี ได้เลือกเอาเรื่อง"สวรรค์เบี่ยง" ของ กฤษณา อโศกสิน มาทำเป็นละครสั้น ได้พระเอก อัศวิน รัตนประชา มาเล่น หลังจากเพิ่งชิมลางหนังสั้นไปเพียงหนึ่งเรื่องคือ"ผู้ชนะสิบทิศ"ของคณะกัญชลิกา ซึ่งเป็นของ กัณฑรีย์ นาคประภา แต่ไม่ประสบความสำเร็จและตัดสินใจเอา เดือนเต็ม สาลิตุลย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็หันไปเล่นหนังใหญ่อยู่หลายเรื่อง ไม่ประสบความสำเร็จ ก็กลับมาเล่นละคร สกาวเดือน คู่ ภิญโญ ทองเจือ ฮือฮาพอสมควร ละคร"สวรรค์เบี่ยง" ออกอากาศต้นปี 2521 กลายเป็น "สวรรค์ส่ง" ดังระเบิด ชาวบ้านติดกันงอมแงมตั้งแต่เริ่มตอนที่ 1 เลย(รวมทั้งผมด้วย ซึ่งยังเด็กอยู่ และเป็นละครเรื่องแรกที่ผมติดตามดูตั้งแต่ต้นจนจบ) เริ่ม 6 โมงเย็น ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ทุกคนหลังเลิกงานหรือเลิกเรียนต้องรีบกลับบ้าน รวมทั้งผมด้วยหลังเลิกเรียน ผมก็รีบกลับบ้าน บางคนกลับบ้านไม่ทัน ก็จะมานั่งหรือยืนออดูกันที่หน้าสถานีชั่วคราวบางลำพู ผู้อุปถัมภ์(โฆษณา)เต็มเหยียดจนล้น จนชาวบ้านโทรศัพท์เข้ามาต่อว่า ว่าทำไมโฆษณาเยอะจัง ละครเรื่องนี้เป็นสาเหตุให้คณะกรรมการการบริหารวิทยุและโทรทัศน์ถึงกับขีดเส้นตายให้โฆษณาได้ไม่เกินตามที่กำหนด คือละครครึ่งชั่วโมง มีโฆษณาได้ 5 นาที เรื่องนี้ตอนทำเป็นหนังเมื่อปี 2513 มิตร-เพชรา สร้างโดย วิเชียร วีระโชติ เพื่อนรักของมิตร โดยมี อดุลย์ ดุลยรัตน์ ซึ่งก็เป็นเพื่อนรักของมิตร กำกับ ก็โด่งดังทำเงินมากมาย หลังจากที่เพื่อนวิเชียร สร้างหนังเจ๊ง มาตลอด 3-4 เรื่อง
-ใครกำหนด
ละครเรื่องต่อมาของครูอารีย์ นักดนตรี คือ"ใครกำหนด" บทของ"คุณนิ่ม"ทาริกา สำหรับนางเอกสวย รวย เชิด หยิ่ง ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับเธออีกแล้ว....รัชนู บุญชูดวง พบ 3 พระเอก อัศวิน รัตนประชา(เจ้าเก่า),สุเชาว์ พงษ์ วิไล และพระเอกละครยอดนิยมในขณะนั้น นิรุตต์ ศิริจรรยา ละครออกอากาศ รัชนู แจ้งเกิด โด่งดังระเบิด มีละครตามมาอีกมากมายหลายเรื่อง ดังกว่าเล่นหนังทีวี ของดาราฟิล์ม ทางช่อง 7 ซะอีก ถึงขนาดรัชนู ซาบซึ้งไม่ลืมครูอารีย์เลย
แม่ม่าย / หลานสาวคุณหญิง
หลังจากละครเรือง"ใครกำหนด"ประสบความสำเร็จอย่างท้วมท้น ละครสั้นประจำวันเรื่องต่อไป คือ "แม่ม่าย" ดาราเด็กในอดีตของช่อง 9 อายุเริ่มมาก พอดีมีเด็กรุ่นใหม่รอคิวแสดงอยู่คือ อุทุมพร ศิลาพันธ์ และ มนฤดี ยมาภัย และฝ่ายชายคือ ร.ต.อ.อนุสรณ์ เดชะปัญญา นายร้อยหนุ่มหล่อจากกองทัพบก มาร้องเพลงในรายการวันกองทัพไทยทางทีวีช่อง 9 และได้พากเพียรฝากเนื่อฝากตัวกับครูอารีย์ จนครูอารีย์ต้องรับเข้าสังกัด ละครเรื่องนี้มีพระเอก-นางเอก ทั้งรุ่นพ่อแม่ และรุ่นลูกหลาน ตัวแสดงเยอะ พระเอกรุ่นพ่อคือ อดุลย์ ดุลยรัตน์ รุ่นลูกคือ อัศวัน รัตนประชา,อนุสรณ์ เดชะปัญญา รุ่นลูกสาวๆ ก็มี เดือนเต็ม สาลิตุลย์,อุทุมพร ศิลาพันธ์,มนฤดี ยมาภัย,วิไล เพชรเงาวิไล ซึ่งเพิ่งจะเริ่มฝึกการแสดง ทั้ง 4 คนเป็นน้องใหม่ในคณะของครูอารีย์ ก็ออกจะเหน็ดเหนื่อยพอควร แต่โชตดีที่ยุคนั้นละครยังมีน้อย ตัวละครมีคิวให้ซ้อมจนเป็นที่พอใจ งานจึงผ่านไปได้ด้วยดี
ต่อจาก แม่ม่ายก็เป็นละคร"หลานสาวคุณหญิง"ของ ศรีฟ้า นางเอกเป็นน้องนางบ้านนาจากสุพรรณบุรี ที่คุณหญิงน้าสาวเอามาชุบเลี้ยงจนเป็นดาวสังคม และต้องเป็นนางแบบด้วย ตามฟอร์มของลูกหลานคุณหญิงคุณนายยุคนั้นจะต้องเป็นนางแบบเดินแฟชั่นการกุศล ใครจะเหมาะสมรับบทนี้ รัชนู รึ คงไม่ใช่แน่ ก็ให้เผอิญครูอารีย์ไปเตะตาเด็กฝึกเล่นละครของภัทราวดี ทางช่อง 3 ที่เล่นละครชุดสั้นๆ 2-3 ตอนอยู่ เป็นเด็กที่คุณจำลอง สามีคุณน้อย เชื้อวิวัฒน์ ส่งไปเรียนทำผมและเดินแบบจากอังกฤษ ชื่อ ลินดา ค้าธัญเจริญ หลังจากได้คุยกัน ลินดาก็ตกลงมาเล่นละคร เป็นนางเอกเรื่อง "หลานสาวคุณหญิง" พอละครออกอากาศไปวันแรก แฟนละครของคุณอารีย์ไม่พอใจ ทนดูไม่ได้ เพราะเคยเปิดละครมา มีแต่ฉากนางเอกสวยสดงดงามอลังการ พอมาเจอนางเอกนุ่งผ้าถุง มัดผมง่ายๆแบบคนชนบท ไม่มีการแต่งหน้าแต่งตา โดนแฟนหนังโทรมาต่อว่ามากมายตลอด 2 ตอนแรก ว่านางเอกหน้าตาไม่สวย ผอม ดำ บ้านนอก ไม่แต่งหน้า แต่พอถึงตอนที่ 3 นางเอกถูกคุณหญิงน้าพาไปแต่งหน้าทำผมงามเฉิดฉาย คนดูที่โทรมาต่อว่าเสียๆหายๆเงียบกริบ ไม่โทรมาอีกเลย ละครประสบความสำเร็จเกินคาด หลังจากนั้นลินดา ก็ดังติดลม หันไปเล่นหนังเรื่องแรก คือ "แก้ว" ของเปี๊ยก โปสเตอร์ เป็นนางเอกพบพระเอกใหม่ ทูน หิรัญทรัพย์ ก็ประสบความสำเร็จ มีทั้งหนังเล่นมากมายแต่จะไปเป็นตัวรอง,ตัวร้ายเกือบหมด ขณะที่ในละครก็มีมาก เปลี่ยนจากนางเอกมาเป็นตัวรอง,ตัวร้าย ในที่สุด
กุหลาบไร้หนาม / สามอนงค์
ลินดา ได้ฝากฝังเพื่อนสนิทคนหนึ่งให้มาแสดงละครด้วย ชื่อ นวลปรางค์ ตรีชิต ซึ่งเป็นนางแบบเหมือนกัน แต่เนื่องจากครูอารีย์ มีนางเอกประจำครบทุกบุคลิกแล้ว จึงเสนอบทตัวเด่นกว่านางเอกแต่ร้ายให้ นวลปรางค์ ก็จำยอมตอบตกลง เรื่องนั้นคือ "กุหลาบไร้หนาม" ในขณะที่บทนางเอก จะเรียบเรียบ มอบให้ ปนัดดา โกมารทัต นางเอกหนังจากเรื่อง"ผีเพื่อนรัก"และ"หยาดพิรุณ" แต่ไม่เคยเล่นละครมาก่อน ส่วนพระเอกมี 2 คน คือ อัศวิน รัตนประชา(เจ้าเก่าอีกแล้ว) กับ พระเอกดาวรุ่ง ฉายา"ไชยา 2 " ปรัชญา อัครพล ซึ่งได้รับการฝากฝังมาจากศิริวัฒน์ คงคาเขตร์ ก่อนหน้านี้ได้เล่นหนังใหญ่เป็นพระรองมาก่อนจากหนังเรื่อง"สลักจิต" ของ สมบัติ เมทะนี เรื่อง"กุหลาบไร้หนาม" ได้รับความสำเร็จ อีกตามเคย ทำให้ นวลปราง ดังระเบิด ต่อจากนั้นก็เริ่มวางตัวละครเรื่อง"สามอนงค์"ของศรีฟ้าทันที โดยเอา ลินดา,รัชนูและนวลปรางค์ มาเป็นพี่น้อง 3 ใบเถา พระเอกมี 2 คน คนที่เป็นตัวดีให้อัศวินไป(อัศวินอีกแล้ว) ส่วนอนุสรณ์ เดชะปัญญา ให้เป็นพระเอกจอมเกเร หลานรักของคุณย่า อนุสรณ์ อยากเล่นเป็นตัวอัศวินมากกว่า ครูอารีย์ ก็ให้กำลังใจว่า " ตัวนี้สิใครเล่นแล้วจะดัง เอ๋น่ะต้องเล่นบทนี้แหละ เพราะหน้าตาหัวหูของเธอน่ะหล่อแบบเกเร เล่นแล้วมันดีนะ บทเรียบๆ จะดีอะไร ไม่ได้แสดงฝีมือเท่าไร" เมื่อเริ่มบันทึกเทปละครเรื่อง"สามอนงค์"ไปได้ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ทางทีมงานต้องขนข้าวของย้ายจากสถานีชั่วคราวบางลำพูไปยังทุ่งมหากาฬ พระราม 9 ซึ่งตอนนั้นยังเป็นทุ่งนา พื้นต่ำ น้ำขัง ยิ่งหน้าฝน น้ำยิ่งท่วมสูงหนัก รถตายกันเป็นแถว ดาราและทีมงานลำบากกันถ้วนหน้า ละคร"สามอนงค์" เกิดดังระเบิด คนดูโทรมาให้กำลังใจ ทางทีมงานก็เลยหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
หลง
ละครเรื่องต่อมา คือ เรื่อง"หลง"ของศรีฟ้า ลดาวัลย์(เจ้าประจำ) ทีแรกตั้งใจจะเอารัชนู แสดงเป็นนางสาววิรงรอง แต่เวลาแสดงไปชนกับละครของกนกวรรณ ด่านอุดม ที่รัชนู เป็นนางเอก ทางช่อง 5 พอดี จึงให้ลินดาแสดงแทน ทั้งๆที่รัชนูเหมาะสมกว่า
ขออนุญาติส่งข้อความข้างบนไปก่อนนะครับ กลัวยาวไป เดี๋ยวพลาดที ยุ่งเลย เดี๋ยวมาต่อด้วยละครเรื่องต่อไป คือ "ชลาลัย"
โพสต์เมื่อ 9 ต.ค. 51 เวลา 15:41