"เราจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้ต่อนะ" อากิโกะเลือกที่จะทำงานนี้ต่อ ถึงแม้ว่าจะเจอความจริงที่ปวดใจอีกก็ตาม
"แต่ว่า เรื่องของ นารุมิ โซคิจิหนะ......"
"หยุดเถอะ นายไม่ต้องพูดอะไรหรอกนะ ฟิลลิปคุง เพราะว่าฉันอยากได้ยินจากปากตาบ้านั่นเองมากกว่า"
ทางด้านคฤหาสน์โซโนซากิที่กำลังมีการจัดงานฉลองเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส ก็มีแขกเหรื่อมาร่วมงานมากมาย และทำให้ข่าวลือเรื่องคนตายคืนชีพได้เข้าหูของริวเบย์ไปด้วย
"เรื่องของคนตายฟื้นคืนชีพหนะเหรอ ฮ่ะๆๆๆๆ คิดได้อย่างเดียวว่าคงเป็นเพราะเมมโมรี่ที่พ่อให้ไปเป็นของขวัญนั้นแน่ๆเลย" ริวเบย์เหมือนจะรู้อยู่แล้ว ว่าใครที่อยู่เบื้องหลังข่าวลือครั้งนี้
"เราน่าจะลองไปตรวจสอบดูนะคะ" ซาเอโกะเสนอความเห็นขึ้น ซึ่งทางคิริฮิโกะก็เข้ามาได้ยินเรื่องนี้เข้าพอดีเช่นกัน
"พอฟังแบบนี้ หนูก็อยากไปด้วยนะคะ ท่าทางน่าสนใจดีออก" ทางวาคานะเองก็ดูมีทีท่าสนใจในในตัวผู้ครองครองเมมโมรี่อันนี้พอสมควร ซึ่งในระหว่างการพูดคุยนั้นทำให้คิริฮิโกะนึกอะไรบางอย่างออกขึ้นมาในใจ
"จะว่าไป หลายวันก่อนเราก็เห็นคุณพ่อตาไปนั่งดริงค์กับใครบางคนด้วยนี่นา หรือว่าเขามอบให้กับชายคนนั้น เมมโมรี่ที่มีพลังน่าเหลือเชื่อแบบนั้น" คิริฮิโกะนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนเองเห็นริวเบย์ไปนั่งดื่มกับคนที่ท่าทางน่าจะเป็นเพื่อนของริวเบย์คนหนึ่งเข้า ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร ลุงฮิคาริเองนั่นแหละ
"เอ-จัง" "ริว-จัง" "ชนแก้ว" ดูสนิทกันดีนะ 2 คนนี้
"แล้วมิคเป็นยังไงบ้างหละ"
"นายก็น่าจะรู้ ว่ามันอยู่กับลูกสาวฉันตลอดเลยนะหนะ 555+" สงสัยจะเมากันทั้งคู่ คนหนึ่งถามอย่างอีกคนตอบไปอีกอย่าง
วันรุ่งขึ้น ทางด้านโชทาโร่ก็นั่งเรือมาที่เกาะแห่งหนึ่ง ที่เกาะนั้นยังมีซากตึกของตึกหนึ่งที่ตอนนี้พังเละไม่เหลือซาก โชทาโร่เมื่อมาถึงก็วางช่อดอกไม้ไว้ที่ซากตึกนั้นราวกับจะไว้อาลัยให้กับคนตายซักคนที่นี่
"ที่แท้ นายตั้งใจจะมาไหว้หลุมศพของ นารุมิ โซคิจิเองหรอกเหรอเนี่ย" ฟิลลิปที่ตามมาด้วย Hard Slasher กล่าวทักโชทาโร่อย่างรู้ทัน แถมยังเตรียมหมวกมาเผื่อด้วย
"ฉันนึกว่าการที่ไม่พบศพของเขา มันน่าจะทำให้พวก Half-Boiled อย่างนายไม่ต้องรู้สึกผิดหรือต้องรับผิดชอบอะไรซะอีก"
"หมายความว่าไงวะเฮ้ย" โชทาโร่ปรี่ไปคว้าคอเสื้อของฟิลลิปด้วยความโมโห แต่ดูท่าฟิลลิปเองจะไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรกับท่าทีของโชทาโร่เลย
"ฉันยังจำได้นะ ครั้งแรกที่เราพบกันที่นี่ นายก็กระชากคอเสื้อฉันแบบนี้นี่นะ" ฟิลลิปพูดถึงความหลังที่ทั้งสองได้พบกันเป็นครั้งแรก คำพูดนี้ทำให้โชทาโร่ใจเย็นลงได้บ้าง
"นึกให้ดีๆสิ โชทาโร่ นึกถึงครั้งแรกที่เราเป็นมาสค์ไรเดอร์ เหตุการณ์ที่เริ่มต้นตั้งแต่คืนนั้น Begin's Night ไงหละ"
"นั่นสินะ ถ้าคืนนั้นฉันทำตามที่ลุงบอกหละก็ ลุงคงไม่ต้องมาตายในที่แบบนี้หรอก" โชทาโร่หวนนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นอีกครั้ง เหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของทั้งเขาและฟิลลิปไปตลอดกาล
"บุตรแห่งโชคชะตา....งั้นเหรอ" โชทาโร่ในตอนนั้นบุกเข้ามาพร้อมกับโซคิจิเพื่อจะไปช่วยใครบางคน ซึ่งคนๆนั้นก็คือบุตรแห่งโชคชะตาคนนั้นนั่นแหละ
"อืม นั่นคือชื่อของเด็กคนหนึ่งที่มีความรู้เหมือนสรรพวิทยาทั้งมวลในโลกอยู่ภายในตัวเขา ศัตรูของพวกเราขังเขาไว้ที่นี่ หวังจะใช้ความรู้ของเขาเพื่อการสร้างปีศาจขึ้นมา เราถึงต้องไปช่วยเขา นี่คืองานที่มีผู้ว่าจ้างฉันมาหนะนะ" โซคิจิอธิบายสถานการณ์รวมถึงเรื่องราวของบุตรแห่งโชคชะตาให้โชทาโร่ได้ฟัง ซึ่งโชทาโร่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกอยากโชว์ฝีมือขึ้นมาบ้าง
"ลุง งานนี้ให้ฉันช่วยด้วยนะ" โชทาโร่หวังว่างานนี้โซคิจิคงยอมให้เขาทำอะไรบ้าง แต่ผิดคาด
"อย่าลืมสิว่าอย่างแกจะทำอะไรได้ ไข่ที่ยังไม่สุกอย่างแกไม่มีพลังพอหรอก ทำตามคำสั่งของฉันซะ" คำตอบนี้ทำเอาโชทาโร่ถึงกับเซ็งไปเลย
"ให้ตายสิ ขนาดมาในที่แบบนี้ ยังจะ....." โชทาโร่ออกอาการน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด แต่โซคิจิก็รีบเตือนขึ้นมาซะก่อน
"เพราะว่าเป็นที่แบบนี้ต่างหากหละ ฉันถึงได้ห้ามหนะ!!" น้ำเสียงของโซคิจิดูเด็ดขาดและจริงจัง ทำให้โชทาโร่ต้องรับฟังทันที
"ครับ ลุง สั่งมาได้เลยครับ" แต่ไม่ทันที่ทั้งสองจะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ก็มีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นมาซะก่อน ทั้งหมดในตึกนั้นรู้แล้วว่าทั้งสองบุกรุกเข้ามา ทำให้เกิดการไล่ล่าผู้บุกรุกขึ้นทันที ในขณะนั้นเอง Taboo Dopant ก็ปรากฎตัวขึ้นเพื่อตามหาตัวผู้บุกรุกในเวลาเดียวกัน
"ออกมาซะเถอะ เจ้าโจรตัวน้อย ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายถูกจ้างวานมาจากใคร แต่สิ่วที่นายกำลังทำมันไม่ได้ต่างอะไรไปจากปลาตัวน้อยๆที่กำลังจะว่ายไปหาน้ำตกนั่นแหละ" การปรากฎตัวของ Taboo Dopant ทำเอาโชทาโร่ถึงกับเหวอไปเลยทีเดียว ซึ่งในตอนนั้นโซคิจิก็มอบหมายงานบางอย่างให้กับโชทาโร่ทันที
"โชทาโร่นี่คือสิ่งที่นายต้องทำ ถือกระเป๋านี่ไว้ และห้ามขยับไปไหนจากตรงนี้แม้แต่ก้าวเดียวนะ"
"ลุง นี่เอาจริงเหรอเนี่ย??" โซคิจิห้ามโชทาโร่ไว้และออกไปลุยกับกับพวกศัตรูเพียงลำพัง
แต่ถึงอย่างนั้น เหล่าการ์ดของของตึกนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรโซคิจิได้เลย ทั้งหมดจึงแปลงร่างเป็น Masquerade Dopant ทันที รู้ตัวอีก โซคิจิก็ถูกล้อมเอาไว้รอบด้านซะแล้ว
"ไม่เลวเลยนะ สำหรับขโมยอย่างนาย ถึงนายจะดูน่าสนใจดีก็เถอะ แต่คงต้องให้มันจบแค่นี้แหละนะ" Taboo Dopant ปรากฎตัวขึ้นและเตรียมจะเล่นงานโซคิจิ แต่ถึงอย่างนั้นโซคิจิเองกลับไม่มีทีท่าของความหวั่นเกรงเลยซักนิด
"อยากจะบุกก็บุกมาได้เลย ถ้าไม่กลัวฉันเล่นงานเธอกลับหละก็นะ Lady" แน่นอน Taboo Dopant คงนึกไม่ถึงว่าจะมีคนที่ไม่กลัวเธอยืนอยู่ตรงหน้าแบบนี้ได้
"ปกติ ฉันไม่เคยคิดจะใช้ไกอาเมมโมรี่เลยไม่ว่าจะในงานไหนๆ แต่ดูท่างานนี้ฉันคงต้องใช้หละนะ" โซคิจิหยิบไดร์เวอร์ขึ้นมาสวมที่เอวทันที
"นั่นมัน Lost Driver ทำไมนายถึงมีมันได้" Taboo Dopant ท่ทางจะรู้จักไดร์เวอร์ตัวนี้เป็นอย่างดี แต่ที่สำคัญที่เธอตกใจคือทำไมศัตรูคนนี้ถึงมีมันได้มากกว่า
"แปลงร่าง!!" "เอาหละ มานับความผิดที่แกก่อขึ้นได้แล้ว" โซคิจิแปลงร่างเป็น Skull ต่อหน้าทุกคนตรงนั้นรวมถึงโชทาโร่ด้วย เล่นเอาโชทาโร่เหวอไปอีกรอบ
แล้วฉากต่อสู้รอบ 2 ก็เริ่มขึ้น Skull ยังคงโชว์ฝีมือรุกไล่เหล่าลูกกระจ๊อกจนพวกมันต้องหนีไม่เป็นท่า แต่ผลจากการต่อสู้กับลูกกระจ๊อกและ Taboo Dopant ครั้งนั้นทำให้ส่วนหมวกของ Skull มีรอยขาดไปนิดหน่อยด้วย โดยที่ระหว่าง Skull กำลังต่อสู้อยู่นั้น โชทาโร่ก็ได้พบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินหายเข้าไปในมุมตึก
"หรือว่าจะเป็นหมอนั่น" โชทาโร่ที่เลือกจะเดินตามไปก็นึกถึงคำพูดของโซคิจิขึ้นมาว่าห้ามไปไหน แต่ถึงอย่างนั้นท่าทางโชทาโร่จะดื้อไม่ใช่เล่น
"เอาน่า....ไม่แน่ถ้าฉันช่วยหมอนั่นออกมาได้ คราวนี้ลุงจะได้ยอมรับในตัวฉันขึ้นมาบ้างซะที" โชทาโร่เพิกเฉยต่อคำเตือนนั้นและไล่ตามชายคนนั้นไปจนทัน
"นี่นาย....หรือว่านายคือบุตรแห่งโชคชะตาที่ว่า" โชทาโร่กล่าวทักขึ้นก่อน
"แล้วนายหละเป็นใคร ท่าทางนายจะไม่ใช่คนที่นี่สินะ เพราะดูจากท่าทางนายแล้ว นายดูไม่น่าฉลาดพอที่องค์กรนี้จะเรียกตัวนายเข้ามาหรอกนะ" แน่นอน โชทาโร่โดนด่าตรงๆแบบนี้ไม่โกรธก็แปลกแล้ว
"เฮ้ย!! พูดจาอะไรมีสัมมาคารวะหน่อยสิ" แต่ไม่ทันที่โชทาโร่จะได้พูดอะไรมากกว่านั้น ทันทีที่เขาตามชายคนนั้นเข้ามาในห้องเขาก็ได้เห็นกระบวนการในการสร้างไกอาาเมมโมรี่กับตาตัวเอง
"นี่มัน ไกอาเมมโมรี่ หรือว่านายเป็นคนสร้างมันขึ้นมา เฮ้ย ตอบสิ" โชทาโร่พยายามให้อีกฝ่ายสนใจต่อคำถาม แต่ท่าทางชายคนนั้นจะสนใจกับกระเป๋าที่โชทาโร่เอามามากกว่า ซึ่งเมื่อเปิดกระเป๋าออกมา ก็พบว่ามีไกอาเมมโมรี่อยู่ 6 อันและไดร์เวอร์นั่นเอง
"นี่มัน สุดยอดเลย ใครเป็นคนสั่งให้เอามาให้เหรอ ไม่ว่าใครก็ตามที่ใช้ไดร์เวอร์นี้จะรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกับตัวฉันโดยการใช้เมมโมรี่สองอันให้ทำงานพร้อมๆกัน และด้วยพลังความรู้ของฉันที่รวมเข้าไปด้วย ก็จะก่อกำเนิดสุดยอดนักรบขึ้นมาเลยนะ" ท่าทางของชายคนนั้นสนใจเพลิดเพลินแต่ของที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งทำให้โชทาโร่หงุดหงิดเข้าไปใหญ่
"นี่แก สนุกอะไรนักหนาห๊ะ ไอ้เจ้าปีศาจ นี่แกรู้ไหมว่าเพราะเมมโมรี่ที่แกประดิษฐ์ขึ้นทำให้ผู้คนต้องเสียน้ำตามามากเท่าไหร่แล้ว" โชทาโร่ปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อชายคนนั้นทันที
"ถ้างั้น นายหมายความว่าคนที่ทำงานผลิดอาวุธทุกคนก็เป็นปีศาจเหมือนกันสินะ" คำตอบของชายคนนั้นทำเอาโชทาโร่ถึงกับคาดไม่ถึงและจำต้องเงียบไปแต่โดยดี
"ก็ไม่ใช่ ใช่ไหมหละ เพราะจริงๆแล้วคนที่ใช้มันไปในทางที่ผิดนั่นแหละ ปีศาจ ฉันเองก็แค่อยากเห็นเมมโมรี่ที่ทรงประสิทธิภาพเท่านั้นเอง"
"หุบปากเถอะน่า" โชทาโร่ทนฟังต่อไปไม่ไหว จึงผลักชายคนนั้นเข้าเต็มแรง ผลคือชายคนนั้นหลุดเข้าไปในเครื่องย้ายมวลสารเข้าสู่ Gaia Tower ทำให้ตอนนี้ร่างของชายคนนั้นถูกขังเอาไว้ใน Gaia Tower ในที่สุด ซึ่งโชทาโร่ที่ทำอะไรไม่ถูกกับสถานการณ์ตรงหน้า จึงรีบกลับไปหาโซคิจิที่จุดนัดพบอีกครั้ง
"ไอ้เจ้าบ้าเอ๊ย ทำไมแกไม่ทำตามที่ฉันบอก ถ้าแกไม่ทำแบบนี้หละก็....." โซคิจิต่อยสั่งสอนโชทาโร่ไปหนึ่งที ทำให้โชทาโร่รู้สึกผิดต่อสิ่งที่ตัวเองทำลงไปในระดับหนึ่ง
"เป็นความผิดของฉันเอง เพราะฉันไม่ทำตามคำสั่งของลุง ลุงถึงได้......ถูกล้อมยิงจนเสียชีวิตในคืนวันนั้น" และเหตุการณ์ก็ดำเนินเรื่อยไปจนกระทั่งโซคิจิช่วยชายคนนั้นออกมาได้ แต่ก็พลาดถูกยิงจนไม่สามารถไปไหนต่อได้ และเพราะโซคิจิเองก็รู้ชะตากรรมของตนเอง จึงฝากฝังเรื่องที่เหลือให้กับโชทาโร่ต่อไป
"โชทาโร่ ฉันฝากแกจัดการต่อทีนะ ฝากดูแลเด็กคนนั้นด้วย" โซคิจิหยิบหมวกของตัวเองสวมให้กับโชทาโร่เป็นการฝากฝังครั้งสุดท้าย
"อย่าพูดแบบนั้นสิ ผมหนะยังเร็วเกินไปที่จะใส่หมวกใบนี้ไม่ใช่เหรอ"
"ถ้างั้นก็เติบโตขึ้นเป็นชายที่เหมาะสมกับมันซะสิ" ในวาระสุดท้าย โซคิจิยังคงสั่งสอนโชทาโร่ด้วยวิธีของตัวเอง โดยไม่มีการกล่าวโทษโชทาโร่เลยแม้แต่น้อยจนกระทั่งสิ้นลมหายใจลงไป ณ ตรงนั้น
"ลุงงงงงงงงงงงงง!!!!" เสียงแห่งความโศกเศร้าของโชทาโร่ที่ดังออกมา สะท้อนถึงความเสียใจที่เกิดขึ้นอย่างมากมายมหาศาล
"และในที่แห่งนั้น ฉันกับฟิลลิปก็ได้แปลงร่างร่วมกันเป็นครั้งแรก" โชทาโร่นึกไปถึงตอนที่ทั้งสองแปลงร่างเป็น W ครั้งแรกกันอีกครั้ง โดยที่โชทาโร่ยังคงสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพอสมควร
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น แล้วฉันเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย"
"ฉันเดาว่านายคงยังไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าไหร่หรอกนะ" ซึ่งผลจากการระเบิดอย่างรุนแรงของ Gaia Tower ทำให้พื้นบริเวณนั้นถล่มลงมา ซึ่งทั้ง W และร่างของชายคนนั้นก็หล่นลงมาในเวลาเดียวกัน
แต่ร่างของชายคนนั้นกลับถูกเมมโมรี่รูปร่างไดโนเสาร์ช่วยเอาไว้ก่อนจะตกถึงพื้นทำให้ไม่บาดเจ็บอะไรมากนัก และโดยทันทีที่ W ถอนออกจากการแปลงร่าง สติของชายคนนั้นก็กลับคืนมาทันที
"มาเปลี่ยนกัน เราจะออกไปจากที่นี้ด้วยกันเดี๋ยวนี้เลย" ชายคนนั้นเปลี่ยนเมมโมรี่รูปร่างไดโนเสาร์นั้นให้กลายเป็น Fang Memory
"แปลงร่าง" คราวนี้กลับกลายเป็นฝั่งโชทาโร่ที่หมดสติลงไปแทน W เปลี่ยนร่างไปเป็น Fang-Joker แต่ทันที่เปลี่ยนร่างไป ท่าทางของ W ก็เปลี่ยนไปด้วย ราวกับสัตว์ป่าที่กระหายการต่อสู้
ถึงแม้เหล่ากองทัพ Masquerade Dopant จะพยายามเข้ามาขวางยังไง ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของ W ในตอนนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
"พลังนั่น...มันอะไรกัน??" แม้แต่ Taboo Dopant ที่ลงมาหวังจะหยุด W เอาไว้ให้ได้ ยังไม่วายโดนลูกหลงจากการต่อสู้อย่างป่าเถื่อนของ W ไปด้วย และเมื่อได้จังหวะ W ก็แบกร่าของโชทาโร่หนีออกไปได้ในที่สุด ก่อนที่ตึกหลังนั้นจะพังทลายลงแทบไม่เหลือซาก
"เหตุการณ์นั้นแหละนะ ที่ทำให้นายกับฉันกลายเป็น W หลังจากนั้นฉันเองก็ต่อสู้มาตลอดเพื่อหวังว่าจะชดเชยบาปที่เกิดขึ้น" โชทาโร่พูดขึ้นหลังจากที่พาคนดูอย่างเราย้อนอดีตจนอิ่มแล้ว
"แต่ฉันคิดว่ายังมีความจริงบางอย่างที่นายยังไม่รู้เกี่ยวกับคืนนั้นนะ" ฟิลลิปพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนที่โซคิจิพยายามช่วยตนออกจาก Gaia Tower จากการทำเช่นนั้น ทำให้จิตใจของทั้งสองเกิดการเชื่อมโยงขึ้นชั่วคราว จนโซคิจิสามารถเข้าไปหาตนเองในห้องสมุดโลกได้
"ที่ผ่านมา นายเคยทำอะไรด้วยความต้องการของตัวเองบ้างรึเปล่า" ชายคนนั้นส่ายหัวเป็นทำนองบอกว่าไม่เคย
"ถ้างั้น ก็เริ่มจากวันนี้ไปนี่แหละ นายสามารถหนีจากโชคชะตาแบบนี้ได้ขอเพียงแค่นายคิดอยากจะทำ แล้วหลังจากนั้นเมื่อนายเป็นอิสระ ก็จงนับความผิดที่ตนเองก่อขึ้นไว้ด้วยหละ"
"ความผิด....ของฉัน งั้นเหรอ??" ชายคนนั้นคงนึกไม่ถึงว่าจะมีผู้ที่ให้อิสระกับตัวเองด้วยตัวเองได้ถึงขนาดนี้
"นายชื่ออะไรหละ??" โซคิจิถามชื่อชายคนนั้น แต่ดูท่าทางแม้แต่ชื่อ ชายคนนั้นก็ลืมไปหมด เพราะว่าอยู่แบบไร้ตัวตนมาตลอด
"ถ้างั้น ฉันขอเรียกนายว่า Philip ที่มาจาก Philip Marlowe เป็นชื่อของบุคคลที่ฉันชื่นชมและเป็นตัวอย่างของคนด้วยกัน เขาเป็นผู้ที่จัดการและคลี่คลายทุกอย่างด้วยพลังและทางเลือกของตัวเขาเอง" ซึ่งภายหลังจากการสนทนานั้นฟิลลิปที่ได้เห็นการตายของโซคิจิตรงหน้าจึงได้เข้าใจทันทีว่าตนได้สร้างความผิดขึ้นมาแล้ว (ชอบ Soundtrack ตอนนี้อีกและ)
"ความผิดของนายคือการเลือกหนทางที่เห็นแก่ตัว ส่วนตัวฉันก็คือการมีชีวิตอยู่โดยไม่เคยอาศัยการเลือก เราต่างคนต่างมีพันธะที่จะต้องสู้ร่วมกันเพื่อจะชดเชยความผิดที่ตนเองเคยก่อขึ้น เพราะเหตุนั้นเราถึงได้กลายมาเป็น W จนถึงตอนนี้ ไม่ใช่หรือไง" ฟิลลิปพูดเตือนสติโชทาโร่อีกครั้งให้เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นและเพื่อย้ำความตั้งใจในการเป็น W อีกครั้งกับโชทาโร่
"ฟิลลิป นี่นายอุตส่าห์มาถึงที่นี่ เพื่อจะให้ฉันนึกเรื่องนี้ให้ออกอย่างงั้นเหรอ....."
"ถ้าไม่มีนาย ฉันก็ไปต่อไม่ได้ ฉันขอถามแบบเดียวกันกับที่ฉันเคยถามเมื่อคืนนั้นนะ โชทาโร่ นายกล้าพอที่จะร่วมทางไปกับปีศาจรึเปล่าหละ" ถึงโชทาโร่จะไม่ตอบอะไร แต่การเขารับหมวกจากฟิลลิปกลับไปสวมอีกครั้ง นั่นหมายความว่าเขาเองก็พร้อมที่จะเผชิญเหตุการณ์ตรงหน้าอย่าไม่กลัวเกรงอีก ฟิลลิปเมื่อเห็นดังนั้นจึงเข้าสู่ห้องสมุดโลกอีกครั้ง เพื่อตามหาเบาะแสต่อไป
"ฟิลลิป เราต้องหาตัวคนร้ายตัวจริงให่ได้ คีย์เวิร์ด ความตาย แล้วก็ มุตสึกิ เอริกะ" การค้นหาเป็นไปเรื่อยๆ แต่ข้อมูลก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก
"ฉันเคยลองหาแบบที่นายลองแบบนี้มาแล้วนะ แต่ว่าจำนวนหนังสือมันไม่ยักกะลดลงเลยแฮะ" ฟิลลิปเองก็ท่าทางจะจนความคิด เพราะว่าไม่มีคียเวิร์ดจะใส่เพิ่ม
"ท่าทางจากข้อมูลที่คุณจินโนะให้มา อาจจะทำให้เราได้คีย์เวิร์ดอะไรเพิ่มเติมก็ได้นะ" ทันทีที่โชทาโร่หยิบไฟล์เอกสารออกมาดูก็พบว่ามีข้อมูลบางอย่างที่เหมือนกันอยู่ โชทาโร่จึงให้ฟิลลิปตรวจสอบต่อทันที
"5 วันก่อนคริสต์มาสงั้นเหรอ ฟิลลิป ฉันรู้แล้ว คีย์เวิร์ดคือ วันที่ 19" ทันทีที่ใส่คีย์เวิร์ดตัวสุดท้ายลงไป ข้อมูลต่างๆที่ไม่เกี่ยวข้องก็ถูกคัดกรองออกจนหมด จนเหลือแต่หนังสือที่หน้าปกเขียนว่า Priest อยู่เล่มเดียว ซึ่งทันทีที่ฟิลลิปอ่านข้อมูลนั้นเสร็จ ฟิลลิปก็สรุปความทั้งหมดออกมาให้โชทาโร่ฟังทันที
"จากข้อมูลบอกว่าทุกวันที่ 19 ของทุกเดือนจะมีการรวมตัวกันของกลุ่มทางศาสนากลุ่มหนึ่ง โดยกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า "ในนามแห่งความสงัดและรัตติกาล" โดยกลุ่มที่ว่านี้ก่อตั้งขึ้นโดยบาทหลวงรูปหนึ่งหนะนะ"
"บาทหลวง หรือว่าจะเป็นหมอนั่น ดีหละ ไปกันเถอะคู่หู" โชทาโร่เมื่อนึกถึงบาทหลวงที่ตนเองเจอตอนไปไหว้ศพของเอริกะก็เหมือนจะนึกอะไรออกไปด้วย จึงรีบออกเดินทางจากเกาะตรงนั้นทันที ซึ่งทางด้านอากิโกะที่คอยสะกดรอยตามบาทหลวงคนนั้นอยู่ก็คอยรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังด้วย
"เชิญทางนี้ครับ " บาทหลวงคนนั้นพาอาซามิเข้ามาในโบสถ์แห่งหนึ่ง ซึ่งอาซามิเองก็ยังรู้สึกหวาดๆเกรงๆในสถานที่แห่งนีพอสมควร แต่แล้วเธอก็หันไปเห็นอากิโกะที่แอบตามเข้ามาด้วยเข้าพอดี
"คุณอาซามิ ทำไมจะมาที่นี่ถึงไม่บอกพวกเราหละคะ รีบออกไปจากที่นี่เถอะค่ะ หมอนั่นหนะเป็นโดแพนท์นะ" อากิดกะก็พยายามเตือน แต่ว่า.....
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันรู้ว่าบาทหลวงท่านนั้นดูน่ากลัว แต่ว่า ไม่ว่ายังไงฉันก็อยากเจอพี่หนะค่ะ" อาซามิเลือกอยู่กับคนอันตรายเพียงเพื่อที่จะเจอพี่ของเธอเท่านั้น
"แต่คนที่ตายไปแล้วหนะ ไม่มีวันที่จะกลับมาหาเราหรอกนะคะ" คำพูดของอากิโกะประโยคนี้ทำให้ใจของอาซามิโยกคลอน แต่ไม่ทันไรบาทหลวงคนนั้นก็ปรากฎตัวออกมา
"ท่าทางพวกเธอจะรู้ตัวจริงของฉันแล้วสินะ" บาทหลวงผลักทั้ง 2 คนเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ซึ่งห้องนี้เต็มไปด้วยโลงศพมากมาย และก็มีคนหลายคนที่นอนอยู่ในโลงนั้นด้วย
"ที่นี่แหละ เป็นที่ๆพวกเรา ในนามแห่งความสงัดและรัตติกาล มาพบกันเป็นประจำ แถมบรรดาคนมีหน้ามีตาของเมืองฟูโตะก็มาที่นี่กันทั้งนั้น เพราะว่าพวกเขาทุกคนต่างเป็นผู้ที่ต้องการจะได้พบกับบุคคลอันเป็นที่รักอีกครั้งไงหละ" ระหว่างที่บาทหลวงพล่ามไปเรื่อยๆ อากิโกะก็พยายามพาอาซามิออกจากบริเวณนั้น แต่อากิโกะกลับถูกบาทหลวงต่อยซะกระเด็นลงโลงไปซะก่อน
"พวกเขาเหล่านั้นหนะไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตในฟูโตะอีกแล้ว พวกเขาจะหลับอยู่ที่นี่ตลอดไป เพื่อที่วันหนึ่งเขาจะได้ไปพบกับคนที่เขารักไงหละ" คำพูดของบาทหลวงทำให้อาซามิต้องรีบผละออกมาทันที
"ทำไม ทำไมต้องทำกันแบบนี้ด้วย"
"เธอเองก็มาอยู่ที่นี่ซะเถอะ นอนหลับไปชั่วนิรัดร์เพื่อที่จะฝันถึงพี่สาวที่เธอรักมากที่สุดคนนั้นไงหละ" แต่ก่อนที่บาทหลวงคนนั้นจะได้ทำอะไรมากกว่านั้น ทั้งโชทาโร่และฟิลลิปก็เข้ามาขวางซะก่อน
"หยุดอยู่แค่นั้นแหละ หัวหน้าชมรมในนามแห่งความสงัดและรัตติกาล โรเบอร์โต้ ชิจิมะ ไม่สิ ต้องเรียกว่า Death Dopant ถึงจะถูกสินะ"
"พวกแกนี่นะ เอาหละ ถ้างั้นฉันจะแสดงให้ดูถึงพลังที่ครอบงำได้กระทั่งความเป็นและความตายของฉัน" ชิจิมะหยิบเมมโมรี่ D ขึ้นมาแปลงร่าง ซึ่งทันทีที่ชิจิมะแปลงร่างเรียบร้อยก็เกิดความมืดเข้ามาครอบคลุมทั่วบริเวณ และในตอนนั้น นารุมิ โซคิจิก็ปรากฎตัวขึ้นในเวลาเดียวกัน
"คราวนี้ฉันจะไม่อ่อนข้อให้หรอกนะ โชทาโร่" โซคิจิแปลงร่างเป็น Skull ต่อหน้าโชทาโร่อีกครั้ง และเสียงของ Death ก็ดังขึ้นในเวลาเดียวกัน
"ชายคนนั้นคือคนที่แกไม่มีทางสู้ได้ แล้วคราวนี้แกจะทำยังไง"
"โชทาโร่ แกไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่นะ"
"ลุง คุณผู้หญิงคนนี้เป็นผู้จ้างวานของผม"
"แล้วไงหละ หรือว่าแกจะขัดคำสั่งฉันอีกครั้ง แกจะฆ่าฉันอีกครั้งงั้นเหรอ หลบไปซะ โชทาโร่" Skull กดดันจิตใจของโชทาโร่จนถึงขีดสุด
"โชทาโร่คุง อย่าไปฟังนะ" อากิโกะเองก็พยายามเตือนสติ ทางโชทาโร่พยายามหวนนึกถึงภาพของโซคิจิในความทรงจำของเขาแล้วเขาก็ทำในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง โดยการต่อยหน้า Skull จนกระเด็นไป (แต่มือก็เกือบแหกไปด้วยหละนะ)
"ผมจะสู้เพื่อปกป้องผู้จ้างวานของผม แม้ว่าจะต้องใช้ชีวิตของตนเองเข้าแลกก็ตาม ผมจะทำตามที่ลุงเคยสอนผม ฉะนั้นต่อให้ลุงคิดจะหยุดผม ผมก็จะสู้กับลุงเอง สิ่งที่ลุงสอนให้ผมนี่แหละ คือสิ่งเดียวของลุงที่เหลืออยู่ในใจผม"
"บ้าชะมัด แกเป็นใครกันแน่" เสียงของ Death ดังขึ้น แต่ดันถามอะไรไม่ถาม ดันถามเรื่องที่เข้าทางบทพระเอกซะจริงๆ
"ฉันหนะ ไม่สิ พวกเราหนะ คือผู้รับช่วงต่อจิตวิญญาณจากนารุมิ โซคิจิ นักสืบและมาสค์ไรเดอร์สองคนในร่างเดียวยังไงหละ ไปกันเถอะ ฟิลลิป"
"แปลงร่าง!!" ทันที่ที่ทั้งสองแปลงร่าง W ก็ตรงเข้าเล่นงาน Skull อย่างไม่มีการยั้งมือทันที ทางด้านฟิลลิปที่หมดสติไปแล้ว ก็ได้อากิโกะช่วยพยุงออกไป (เหมือนเคย)
"อ๊ะ คุณอาซามิ ฉันว่าหาที่หลบก่อนน่าจะดีกว่านะคะ เอ้าฮึบ!!" อากิโกะก็พูดไปแบกฟิลลิปไป โดยที่ทั้ง W และอากิโกะไม่ได้รู้เลยว่าด้านนอก โดแพนท์ระดับสูงทั้งสามกำลังใกล้เข้ามา
ทางด้านนอกที่ W กำลังซัดกับ Skull อยู่นั้น เมื่อ W ไม่มีการออมมืออย่าง Skull ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลยแม้แต่น้อย
"โชทาโร่ นี่นายไม่สนใจเลยรึไง ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉันหนะ" ถึงแม้ตอนนี้ Skull จะพูดอะไรออกมา ก็ไม่ทำให้จิตใจของ W หวั่นไหวอีกต่อไปแล้ว W เปลี่ยนร่างตนเองเป็น Heat-Joker และเข้าต่อย Skull ด้วยหมัดเพลิงเต็มแรง จนร่างของ Skull หายไปจากตรงนั้นยและกลับคืนร่างเป็นชิจิมะเหมือนเดิม
แต่ดูเหมือนชิจิมะจะไม่สนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังคงหยิบเมมโมรี่ขึ้นมาแปลงร่างต่อ เสียงเมมโมรี่ดัง Dummy และทันทีที่แปลงร่างเสร็จ ร่างของชิจิมะก็สลับกันไปมาระว่างระหว่างร่างของเอริกะพี่สาวอาซามิ ร่างของ Skull ร่างของโซคิจิ จนในที่สุดก็กลับมาอยู่ในร่างของ Death ในที่สุด
"นั่นมันอะไรกันหนะ" ท่าทางโชทาโร่จะแปลกใจกับภาพที่เกิดขึ้นเล็กน้อย
"งั้นเองหรอกเหรอ ฉันเข้าใจหมดแล้ว โชทาโร่ เมมโมรี่ของหมอนั่นไม่ใช่ Death หรอก แต่ D ที่ว่าหนะ หมายถึง Dummy ต่างหาก" W เปลี่ยนร่างเป็น Heat-Trigger แล้วปล่อยกระสุนเพลิงเข้าเผาผลาญร่างของ Death จนเมื่อผ้าคลุมของ Death ไหม้หมดไป ก็ปรากฎร่างของ Dummy Dopant ขึ้นมาแทน
"นั่นหนะเหรอ ร่างจริงของหมอนั่น พิลึกชะมัด" อากิโกะที่ตามมาทันเห็นพอดี ก็อดวิพากษ์วิจารณ์รูปร่างของโดแพนท์ตนนี้ไม่ได้
"ความสามารถของฉันหนะ คือจะเปลี่ยนร่างตนเองไปเป็นใครก็ได้แม้กระทั่งคนที่ตายไปแล้ว และฉันก็จะใช้ประโยชน์จากความทรงจำของคนที่ตายไปแล้วนี่หละมาควบคุมคนอื่นๆที่ยังรักและมีความผูกพันกับคนๆนั้นต่อไป ซึ่งมันก็จะทำให้ฉันอยู่ได้สุขสบายเหนือคนอื่น และในท้ายที่สุดตัวฉันก็จะ..........โอ้ย!!!!" ระหว่างที่ Dummy Dopant มัวพล่ามมากอยู่นั้น ก็โดนอากิโกะตบด้วยเกิบเข้าซะหนึ่งป๊อก
"ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีตัวสวะสังคมแบบนี้มีชีวิตอยู่ด้วย พวกนาย จัดการมันเลย" อากิโกะคงจะหงุดหงิดเอาเรื่องที่เจอคนแบบนี้ ถึงขนาดทิ้งร่างของฟิลลิปเอาไว้ตรงนั้นเลย
"อย่างนายหนะ คงไม่ต้องถามอะไรแล้วหละนะ เอาหละมานับความคิดที่แกก่อขึ้นกันได้แล้ว" W ลั่นไกใส่ร่าง Dummy Dopant ทันที แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรมากกว่านั้น เหล่าโดแพนท์ทั้ง 3 อันได้แก่ Taboo Dopant Nazca Dopant Claydoll Dopant ก็เข้ามาขวางเอาไว้ซะก่อน
"พลังของนายหนะค่อนข้างน่าสนใจและน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับพวกเรา พวกเราเลยมาช่วยนายยังไงหละ"
"จงภูมิใจเถอะ"
"คราวนี้แหละที่เราจะตัดสินกันไปเลย มาสค์ไรเดอร์"
ทาง W เองเมื่อต้องเจอกับศึกใหญ่ขนาดนี้ก็เลยเปลี่ยนร่างตนเองเป็น Heat-Metal เข้าต่อสู้ทันที การรุกรับเป็นไปอย่างสูสีระหว่างไรเดอร์และเหล่าโดแพนท์ โดยที่ Dummy Dopant พอเห็นช่องทาง ก็รีบชิ่งออกจากวงการต่อสู้นั้นทันที แต่เมื่อ W พอเห็น Dummy Dopant จะรีบชิ่งออกไป จึงชิงใช้ Maximum Drive ขวางเอาไว้ซะก่อน
"คิดจะหนีเรอะ ฝันไปเหอะ Metal Branding" W ฟาดพลังเพลิงเข้าใส่โดแพนท์ทั้ง 4 เต็มแรง ซึ่ง Dummy Dopant เองก็ได้รับผลกระทบจากการโจมตีนั้นไปด้วยแต่ก็ไม่มากนัก
"เมมโมรี่เบรคไม่ได้ผลงั้นเหรอ หมอนันอึดพอควรเลยนะนั่น" ฟิลลิปเองก็คงนึกไม่ถึงว่า Dummy Dopant จะยังหลุดรอดจากการโจมตีเมื่อครู่ไปได้
ทาง Dummy Dopant เองด้วยความกล้าหาญ (แบบสุดกำลัง) จึงหาทางหนีด่วน พอเห็นล้อรถแถวนั้นก็เลยแปลี่ยนร่างตัวเองเป็นล้อรถ (ซะงั้นเว้ยเฮ้ย!!) หนีไปแทน
"หนอย เจ้าหนอนแมลงนั่น ดันหนีไปซะได้" ทางพวกโดแพนท์เองคงนึกไม่ถึงว่าคนที่ตัวเองอุตส่าห์มาช่วยจะลี้ได้เร็วปานนั้น
"คิดจะหนีงั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก ฉันจะตามแกไปจนกว่าจะถึงสุดขอบโลกนั่นแหละ" W เรียก Revolcarry ออกมาเพื่อไล่ตามทันที
เส้นทางของ W จะไปจบลง ณ ที่ใดกัน??
Masked Rider Decade X Double : Movie Taisen 2010
ทั้ง Decade และ W ต่างคนละเส้นทาง ฝ่ายหนึ่งไล่ตาม ฝ่ายหนึ่งหนีการไล่ตาม แต่ถึงอย่างนั้น อีกไม่นานเส้นทางของทั้ง 2 กำลังจะประสานกันกลายเป็นเส้นทางเดียว
โพสต์โดย
echoecho
25 พ.ค. 53 เวลา 18:47
622