ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำตัดสินศาลชั้นต้น สั่งจำคุก “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” อดีตรองประธานคณะอนุกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สปท. 16 เดือนไม่รอลงอาญา ข้อหาหมิ่นประมาทคิง เพาเวอร์ด้วยการโฆษณา กรณีสัมภาษณ์สื่อเผยแพร่ข้อความให้ร้ายกลั่นแกล้ง ทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และมีผลกระทบต่อธุรกิจบริษัทคิง เพาเวอร์ฯหลายประเด็น ให้ประกันวงเงิน 500,000 บาท ออกไปสู้คดีระหว่างฎีกา
คิง เพาเวอร์ชนะคดีฟ้องหมิ่นประมาทอดีต สปท. เปิดเผยขึ้นที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 ส.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาศาล อุทธรณ์คดีหมายเลขดำที่ อ.1567/2560 บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวกรวม 3 คน (กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตรองประธานคณะอนุกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีต ส.ส.นครนายก เป็นจำเลย ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
โจทก์ฟ้องว่า นายชาญชัยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เผยแพร่ข้อความให้ร้ายกลั่นแกล้งโจทก์ ทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และมีผลกระทบต่อธุรกิจของโจทก์หลายประเด็น อาทิ กล่าวหาโครงการเช่าพื้นที่เพื่อประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากร และโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ของโจทก์มีมูลค่าเงินลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท แต่ไม่ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 กล่าวหาบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และโจทก์ ไม่ได้ดำเนินการเชื่อมต่อระบบข้อมูลการซื้อขายสินค้าแบบเรียลไทม์ (realtime) หรือที่เรียกว่าระบบพอยท์ ออฟ เซลล์ (Point of Sale หรือ POS) ตามสัญญา ทำให้เกิดความล่าช้ามานานถึง 9 ปี รวมทั้งกล่าวหาโจทก์จ่ายค่าผลประโยชน์ตอบแทนให้ ทอท.ไม่ครบถ้วนตามสัญญาบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ ทำให้ ทอท.ขาดรายได้ เป็นต้น ขอให้ศาลลงโทษ คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า จำเลย ฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการฯ มีอำนาจหน้าที่เพียงศึกษา วิเคราะห์ จัดทำแนวทาง แผนการปฏิรูป และข้อเสนอแนะ เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเท่านั้น ห้ามมิให้อนุกรรมาธิการแถลงข่าว ต่อสื่อมวลชน ปัญหาว่าโจทก์ทั้งสามได้รับสัมปทานในสนามบินโดยมิชอบ มีการทุจริตและกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบ หาใช่จำเลยไม่ และไม่ปรากฏว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีต่อโจทก์ทั้งสาม โดยเฉพาะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติยกคำร้องกรณีที่มีการกล่าวหา การกระทำของจำเลยมีลักษณะจงใจกลั่นแกล้งให้ร้ายโจทก์ทั้งสาม มิใช่การแสดงความเห็นโดยสุจริต มีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 และ 393 รวม 2 กระทง เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 328 เป็นบทหนักสุด จำคุกกระทงละ 1 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 คงจำคุกกระทงละ 8 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 16 เดือน ไม่รอลงอาญา และให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาฉบับเต็มของศาลในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ ข่าวสด มติชน เดอะเนชั่น สยามรัฐ และคมชัดลึกเป็นเวลา 15 วัน ให้จำเลยออกค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง จากนั้นศาลอนุญาตให้นายชาญชัยประกันตัวไปวงเงิน 5 แสนบาท
ด้านนายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ฯ กล่าวว่า การสืบพยานโจทก์อ้างส่งพยานเอกสารของหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ให้ศาลเห็นว่าโจทก์ ทอท. กรมศุลกากร และกรม สรรพากร รายงานการประชุมของคณะอนุกรรมาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ซึ่งมีจำเลยร่วมอยู่ในคณะอนุกรรมาธิการข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ผู้บริหาร ทอท. และหน่วยงานต่างๆมีมาตรการจัดเก็บผลประโยชน์เข้ารัฐ กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ไม่ได้หลีกเลี่ยงการส่งผลประโยชน์ให้แก่รัฐตามที่จำเลยแถลงข่าวต่อเนื่องตลอดมา ขอขอบคุณศาลอุทธรณ์ที่พิจารณาข้อเท็จจริงและเอกสารโดยละเอียดครบถ้วน ให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ฯและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์จะเป็นขวัญกำลังใจให้กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่นำส่งผลประโยชน์เข้ารัฐตามกฎหมายเพื่อประโยชน์ของประเทศ