ความหวังและความฝันของคนเป็นพ่อแม่ผู้ปกครอง ปู่ย่าตายายที่มีหลาน ก็คงไม่พ้นการได้เห็นหลานๆลูกๆนั้นประสบความสำเร็จในเรื่องการศึกษาและการใช้ชีวิตรวมไปถึงหน้าที่การงานที่มั่นคง แต่กว่าที่เด็กๆเหล่านั้นจะก้าวไปถึงจุดนั้น ระหว่างทางแห่งความสำเร็จต้องได้รับความรัก ความเอาใจใส่ จนกระทั่งถึงความฝึกฝนในหลายๆด้าน ได้ลองทำในหลายๆสิ่ง ได้เรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อให้ค้นพบตัวเอง ว่าสิ่งใดคือสิ่งที่ชอบและถนัด หากไม่เจอสิ่งที่ชอบเลย ก็ให้ทำให้เต็มที่ ตั้งใจทำสิ่งนั้นแล้วดูที่ผลลัพธ์
เมื่อมีความหวัง พ่อแม่ก็ต้องเข้าใจในความผิดหวังด้วย เพราะสองสิ่งนี้มักมาคู่กัน เราจะรับมือกับความผิดหวังนี้อย่างไร และจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบไปต่อลูก เนื่องจากเขาต้องรับมือกับทั้งความเสียใจที่ตนเองผิดหวังและยังต้องรับมือกับการทำให้คนที่รักเขาผิดหวังด้วย การแบกรับนั้นอาจมากเกินไปที่เด็กคนนึงจะรับไหว ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเขาได้ค้นพบตัวเอง เราควรสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่เราวางแผนไว้ให้เขาตั้งแต่ต้น หากลูกค้นพบว่าการได้เรียนหลักสูตร highschool diploma แล้วมีความสุข ได้เรียนในสิ่งที่เขาชอบ เราก็ควรยินดีกับเขา และทำให้เขาสบายใจให้มากที่สุด ส่งเสริมเขาในเรื่องใหม่ๆ เพิ่มทักษะให้เขา อย่างที่เว็บไซต์ serazu ได้แบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับทักษะการฟังพัฒนาขึ้น “9 วิธีการเพิ่มทักษะการฟัง” ต่อไปนี้ อาจช่วยให้มีพัฒนาการที่ดีด้านการฟัง และที่สำคัญ อาจกลายเป็นจิ้กซอว์ สำคัญในการสร้างความสำเร็จของได้ด้วย เริ่มจากเรียนรู้ที่จะฟังเสียก่อน เริ่มจากสิ่งที่ง่ายที่สุด แต่เป็นสิ่งที่เราอาจลืม หรือไม่ได้นึกถึงมากที่สุด นั่นคือ จงเริ่มต้นที่การเรียนรู้ที่จะฟังเสียก่อน เราฟังเพื่ออะไร เพื่อที่จะได้ถอดรหัสของเสียงเหล่านั้นกลายเป็นข้อมูลเพื่อการนำไปใช้ เช่น ฟังการสอน ฟังวิธีการในการทำอาหาร เสียงช่วยให้เราถอดรหัสได้ง่ายเพิ่มขึ้น คิดตามเสมอที่ฟัง อย่าฟังเรื่องใดๆแบบปล่อยผ่าน แต่จงฟังอย่างตั้งใจ และพยายามตรองเรื่องที่เราฟังไปพร้อมๆกับเสียงที่ได้ยิน การที่เรานึกถึงสิ่งเหล่านั้นไปด้วย จะช่วยให้สมองได้รับการสนับสนุนให้กระตุ้นความคิดในเรื่องนั้นๆอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ และมันจะกลายเป็นทักษะที่สำคัญ ทวนความเป็นช่วงๆ ช่วยได้ เพื่อให้การจดจำในสิ่งที่คนอื่นพูด เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว หากสนทนากับบุคคลดังกล่าวอยู่ ลองเปลี่ยนเป็น การพูดสลับออกมาจากที่ฟังด้วย โดยพูดในเรื่องที่ผู้พูดคนนั้นได้ถ่ายทอดบทความออกมา ทำแบบนี้อยู่เสมอๆ และเป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก คือสามารถจดจำเรื่องต่างๆได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ฝึกสมาธิเป็นประจำ มีงานวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์ และด้านจิตวิทยาทั่วโลกมากมาย ที่สนับสนุนให้เรารู้ว่า การฝึกสมาธิเป็นประจำอย่างน้อย 15 นาทีทุกวัน สามารถพัฒนาขีดความสามารถด้านความจำได้อย่างมาก ดังนั้นเมื่อมีการค้นพบเทคนิคง่ายๆอย่างนี้แล้ว ก็อย่ารอช้า ฝึกสมาธิเลย หรือเลือกเข้าคอร์สการอบรมเรื่องโยคะก็ได้