ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตั้งกระทู้นี้แล้วทัวร์จะลงหรือป่าว แต่ยังไงก็อย่าเพิ่งลงเลยนะ ที่ทำไป จขกท. มีเหตุผล!
เหตุผลก็เนื่องจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คือกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายปิดประเทศเพื่อป้องกันการระบาดโควิด 19 และปิดยาวจนมาถึงปัจจุบัน กลุ่มธุรกิจการบิน สายการบิน สนามบิน ร้านค้าที่ขายของให้นักท่องเที่ยว ที่พักโรงแรมรีสอร์ท ร้านอาหาร การบริการนักท่องเที่ยว ผับ บาร์ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดที่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวกระทบจริงๆ นะ
ธุรกิจเหล่านี้ เป็นกลุ่มที่โดนผลกระทบเป็นกลุ่มแรกและความหวังเดียวของพวกเขาก็คือ “การท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ” ถามว่าแล้วนักท่องเที่ยวไทยหละช่วยไม่ได้หรือ? คำตอบคือช่วยได้ แต่กำลังช่วยน้อย แล้วยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ที่คนไทยต้องทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด ก็คงไม่มีใครอยากจับจ่ายแบบสุดเหวี่ยง
ระดับประเทศสำหรับรายได้จากการท่องเที่ยวก็ถือว่าเป็นรายได้หลักของเศรษฐกิจไทย โดยในปี 62 มี:)ส่วนถึง 16% ของ GDP เป็นรายได้ที่ได้จาก นทท.ต่างชาติ 10% ของ GDP ซึ่งคิดเป็น 61% จากรายได้ท่องเที่ยวทั้งหมด แต่นั่นคืออดีตที่สวยงามของเรา ย้อนกลับไป 1 ปี สถิติรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 63 ลดลงถึง 81% เมื่อเทียบกับปี 62
ที่เศร้าไปอีกที สถิติของปี 64 รายได้จากการท่องเที่ยวก็ลดลงจากปี 63 ลงไปอีกถึง 97%
ผ่านไป 2 ปีเท่านั้น….คนที่ทำมาหากินกับการท่องเที่ยวแบบทางตรงและทางอ้อมลำบากลำบน รวมถึงประเทศก็ขาดรายได้ดังนั้นการเปิดประเทศจึงเป็นทางออกหนึ่งเดียวของการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในขณะนี้
จะผิดไหม ถ้าจะบอกว่า จขกท.เข้าใจเหตุผลของนายก!
ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ปักหัวลงแล้วไม่รู้จะลงไปได้อีกแค่ไหน…แต่ถ้ามองให้กว้างออกไปในระดับโลก นี่คือแมทช์ ที่ไทยจำเป็นจะต้องลงแข่งขันชวน นทท. มาเที่ยวไทย เพราะเจ้าโควิดนี้นอกจากทำลายสุขภาพชาวโลกแล้ว มันยังทำให้เศรษฐกิจในหลายๆ ประเทศพังไม่เป็นท่า
ดังนั้นแต่ละประเทศเขาก็จะต้องออกแคมเปญเชิญชวนนักท่องเที่ยวแบบจัดหนักจัดเต็มแน่นอน
ยกตัวอย่าง เที่ยวมัลดีฟฉีดวัคซีนฟรี เดินทางเข้าอเมริกาก็ได้วัคซีนฟรี ก็เห็นดาราเซเลปเดินทางกันไปเยอะแยะ
ปัจจุบัน ออสเตรเลียก็มีแผนที่จะปรับระเบียบการเดินทางเข้าประเทศ โดยหากผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือฉีดวัคซีนยี่ห้อที่รัฐบาลออสเตรเลียยังไม่ยอมรับ จะต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน แต่หากผู้ที่เดินทางเข้าประเทศฉีดวัคซีนยี่ห้อที่รัฐบาลยอมรับแล้ว จะใช้วิธีการกักตัวที่บ้านเป็นเวลา 7 วันแทน
อ้างอิง https://workpointtoday.com/covid-aus-open/ความ
สิงคโปร์มีโครงการ Vaccinated Travel Lane กับประเทศเยอรมนี บรูไน และวางแผนกับอีกหลายประเทศในยุโรป และสหรัฐอเมริกา (เริ่ม 19 ตุลาคม) รวมถึงเกาหลีใต้ (เริ่ม 15 พฤศจิกายน) นักท่องเที่ยวในโครงการนี้ไม่ต้องกักตัว แต่ต้องมีผลการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าประเทศ และตรวจหาเชื้ออีก 1 ครั้งเมื่อเดินทางมาถึง
ประเทศไทยช้าเรื่องวัคซีนไปแล้ว….ขอให้อย่าช้าเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจอีกเลยนะครับ
ถึงแม้ว่าการใช้ชีวิตในปัจจุบันนี้ประชาชนเกิดการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตยุคโควิด ภายใต้วิธี New normal กันได้แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ต้องมีมาตรการการรองรับที่รัดกุม
สิ่งที่รัฐควรทำอีกประการหนึ่งก็คือ การเรียกความมั่นใจให้กลับมา ประชาชนบางกลุ่มเค้าไม่ได้กังวลกับโรค แต่เขากังวลกับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ดังนั้นรัฐจะต้องอธิบายมาตรการถ้ามีการติดเชื้อขึ้นมา ระดับไหน จะมีวิธีการจัดการอย่างไร
เศรษฐกิจดีดีใครๆ ก็อยากได้ทั้งนั้น คนที่เจ๋งจะต้องจัดการให้ได้หลายๆ มิติครับ