ในช่วงหน้าฝนแบบนี้หลายคงอาจเผลอเปิดหน้าต่างหรือประตูทิ้งไว้ จนบางครั้งน้องแมวของเราหลุดออกไปเจอกับฝน หรือจะเป็นสถานการณ์ที่เดินเล่นอยู่ดีๆ ฝนดันตกลงมาเสียได้ ซึ่งทำให้น้องแมวเปียกได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ผู้ปกครองที่แสนดีอย่างเราเริ่มวิตก ว่า “แมวโดนฝนได้หรือไม่” และจะดูแลสัตว์เลี้ยงในหน้าฝนอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่ป่วย ดังนั้นในวันนี้ PCG จึงขอมาตอบคำถามเหล่านี้ พร้อมแนะนำวิธีการดูแลให้เหมาะสม
แมวโดนฝนได้หรือไม่?
แท้จริงแล้วแมวสามารถโดนฝนได้ แต่ไม่ควรให้แมวออกไปตากฝนข้างนอก เมื่อเห็นว่าฝนตกแล้วควรรีบพาแมวกลับเข้าบ้านโดยเร็วเพื่อทำความสะอาดและเป่าขนให้แห้ง เพราะในช่วงฤดูฝนนั้น ถือเป็นช่วงเวลาที่น่ากลัวอย่างมาก เนื่องจากเชื้อโรคและเชื้อไวรัสสามารถเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ขนแมวที่เปียก ที่นอนที่ชื้น จึงทำให้ในช่วงหน้าฝนแบบนี้มีโรคที่เกิดขึ้นและแพร่ระบาดหลากหลายชนิด อาทิ
- โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ: คนเราโดยทั่วไปเมื่อเปียกหรือโดนละอองฝนก็สามารถเป็นหวัดได้ สำหรับแมวละอองฝนเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เกิดโรคไข้หวัดได้ และอาจมีอาการรุนแรงถึงขนาดที่ว่าก่อให้เกิดปอดบวมได้เช่นกัน โดยเฉพาะบ้านไหนที่มีสัตว์เลี้ยงมากว่าหนึ่งตัวและมีตัวใดตัวหนึ่งเกิดป่วยขึ้นมา แนะนำให้แยกคอกนำสัตว์ป่วยออกจากกันเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไข้หวัด
- โรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา: ความชื้นสามารถทำให้เกิดโรคผิวหนังกับแมวได้ ยิ่งสำหรับลูกแมวที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ก็สามารถที่จะเกิดเชื้อราตามร่างกายได้ โดยเฉพาะตามง่ามนิ้ว ใบหู รอบจมูกและรอบดวงตาที่อาจมีอาการคันได้ รวมถึงบริเวณที่ขนร่วงตามจุดต่างๆ ของร่างกาย
- โรคพยาธิหนอนหัวใจ: ในช่วงฤดูฝนทำให้ยุงชุกชุมมากขึ้น ซึ่งกลายเป็นพาหะที่อาจนำตัวอ่อนพยาธิมาสู่แมวได้ จนทำให้พยาธิเข้าสู่หัวใจและเส้นเลือด จะมีอาการปรากฏได้แก่ การไอ เหนื่อยง่าย มีน้ำสะสมในช่องท้อง ดังนั้นเมื่อมีอาการให้พาไปพบสัตวแพทย์ทันทีและหมั่นกำจัดยุงในบ้านอยู่เสมอ
นอกจากนี้ในช่วงหน้าฝนอาจเกิดฟ้าผ่าหรือฟ้าร้อง ทำให้แมวตื่นกลัวและเครียดได้ เนื่องจากประสาทสัมผัสของแมวค่อนข้างไวต่อเสียง เมื่อได้ยินเสียงหรือรับรู้ถึงความกดอากาศที่เปลี่ยนไป ก็จะส่งผลให้แมววิ่งหนี หรือ ไปซ่อนตัวได้ ดังนั้นในช่วงที่ฝนตกรุนแรงหรือพายุเข้า คุณพ่อคุณแม่น้องแมวควรที่จะอยู่ใกล้ๆ พยายามลูบท้อง เกาคาง เพื่อคลายความกังวลใจให้กับน้องแมว
วิธีดูแลแมวในช่วงหน้าฝน
อย่างที่ทราบกันแล้วในเบื้องต้น ช่วงหน้าฝนนี้ถือเป็นอีกช่วงหนึ่งที่แมวหรือสัตว์เลี้ยงอาจป่วยได้ง่ายกว่าเดิม ดังนั้นการดูแลสัตว์เลี้ยงหน้าฝนสามารถนำไปปฏิบัติได้ดังนี้
- การพาแมวไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคหวัดแมว โดยอาจเข้ารับคำปรึกษากับทางสัตวแพทย์ก่อน เนื่องจากการฉีดวัคซีนสามารถที่จะลดความรุนแรงจากโรคหวัดและสามารถป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้อีกด้วย
- ควรเลี้ยงระบบปิดในช่วงฤดูฝน และหมั่นตรวจดูว่าปิดประตู หน้าต่าง หรือช่องต่างๆ อยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้แมวออกไปข้างนอกและลดโอกาสที่แมวจะหนีออกไปเวลาตกใจได้อีกด้วย โดยอาจเปลี่ยนเป็นการหากิจกรรมภายในบ้านทำรวมกัน เพื่อคลายเบื่อได้
- การดูแลทำความสะอาดบ้านในโล่ง ไม่อับชื้น เพื่อไม่ให้มีความชื้นอันเป็นสาเหตุของเชื้อราได้ รวมถึงที่นอนของแมวที่ไม่ควรจะเปียกชื้น เพื่อป้องกันเชื้อโรคต่างๆ เติบโต อีกทั้งกำจัดภาชนะต่างๆ ภายในบ้านที่อาจทำให้เกิดน้ำขังได้ เพื่อป้องกันการเพาะพันธุ์ของยุงลาย
- อาจเพิ่มจุดซ่อนตัวภายในบ้านให้กับแมว เพื่อให้เวลาที่แมวเกิดความเครียดหรือตกใจจากฟ้าร้อง สามารถเข้าไปซ่อนตัวได้ โดยอาจนำของเล่นชิ้นโปรดมาไว้ในบริเวณนั้น
- ไม่ควรพาแมวอาบน้ำหลังจากเปียกฝน หากจำเป็นต้องทำความสะอาดควรใช้โฟมอาบน้ำแห้ง และควรเป่าขนให้แห้งสนิท ทำความสะอาดอุ้งเท้าและบริเวณต่างๆ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและความชื้น
- สังเกตดูแมวและลูกแมวอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่ามีอาการผิดปกติต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น เหนื่อยง่าย ซึม กินอาหารแมวในปริมาณน้อย ฯลฯ หากแมวมีอาการผิดปกติไม่ร่าเริง ให้รีบนำไปพบแพทย์โดยด่วน
- ตรวจดูคุณภาพของอาหารแมวหรืออาหารลูกแมวทุกครั้ง โดยเฉพาะอาหารชนิดเม็ด เพราะความชื้นจากฝนอาจทำให้กลิ่นหอมที่ดึงดูดให้แมวอยากอาหารหายไป รวมถึงอาจเกิดเชื้อราขึ้นได้หากปิดถุงไม่สนิท ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่น้องแมวอาจจะนำอาหารแมวมาแยก แบ่งเป็นถุงขนาดเล็ก เพื่อรักษาคุณภาพอาหารแมว หรือการปิดปากถุงให้สนิททุกครั้งหลังเปิดใช้งาน
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่น้องแมวทุกท่านคงได้คำตอบแล้วว่า “แมวโดนฝนได้หรือไม่” และควรดูแลแมวอย่างไรในช่วงฤดูกาลนี้ ช่วงหน้าฝนแบบนี้นอกจากดูแลสุขภาพน้องแมวแล้วอย่าลืมดูแลสุขภาพของตนเองด้วย สำหรับท่านใดที่ไม่สะดวกที่จะออกไปซื้อสินค้าหรืออาหารแมวด้านนอก ทาง PCG ก็มีบริการสั่งซื้อได้ผ่านทางเว็บไซต์ที่ https://pcgshoponline.com/category/me-o ทางเรามีสินค้าพร้อมจัดส่งให้ถึงบ้าน