บอร์ด
กระทู้: ปลูกฝังให้เด็กรักและเคารพในตนเองและมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น

เราคงจะเคยได้ยินสำนวนไทยที่ว่า ไม้อ่อนดัดง่าย ไม่แก่ดัดยาก ซึ่งมีความหมายว่า สอนเด็กง่ายกว่าสอนผู้ใหญ่ ดัดนิสัยเด็กได้ง่ายกว่าดัดนิสัยผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นแล้ว หากเราต้องการจะฝึกหรือปลูกฝังในเรื่องใด การเริ่มปลูกฝังให้เด็กๆตั้งแต่เล็กจะทำให้เขาเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามที่เราสอนได้ แน่นอนว่า สิ่งที่เราต้องปลูกฝังนั้น ต้องเป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์ต่อลูกของเรา โดยเฉพาะทักษะในเรื่องการรักและเคารพตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นจะต้องเป็นคนที่มีทั้ง sympathy ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และ empathy ความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น หรือที่เราเข้าใจได้อย่างง่ายดายกับคำว่า ใจเขาใจเรา การส่งเสริมลูกด้านการศึกษาอย่างเต็มที่โดยให้เข้าศึกษาในสถานศึกษาที่มีความพร้อมอย่างโรงเรียนนานาชาติ และสามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้าอย่างสะดวกสบาย international school near bts

ทำไมการรักตัวเองและมีความเข้าใจเห็นอกเห็นใจผู้อื่นถึงเป็นสิ่งสำคัญ พ่อแม่ที่กำลังจะเริ่มปลูกฝังลูกในเรื่องนี้ อาจจะสงสัย เพราะในยุคของพ่อแม่ตอนที่เจริญเติบโตนั้น ไม่ได้มีการปลูกฝังในเรื่องนี้มากนัก แต่ในยุคปัจจุบัน ที่เปรียบได้ว่า เราทุกคนคือประชากรโลก Global citizen ที่เคารพในความต่างและเข้าใจในสิ่งที่แต่ละคนเลือกจะเป็น ยิ่งไปกว่านั้นก็มีความปรารถนาดีทั้งต่อตนเองและผู้อื่น เว็บไซต์ rakluke ได้แชร์บทความที่น่าสนใจไว้ว่า สอนลูกให้รู้จักรอคอย พ่อแม่สามารถฝึกให้ลูกควบคุมความต้องการของตนเอง หรือรอคอยให้เป็น เช่นหากลูกร้องงอแงอยากกินขนม แต่ยังออกไปซื้อให้ไม่ได้ ณ ตอนนั้น ก็ต้องบอกให้เขารอให้พ่อแม่ทำธุระให้เสร็จก่อน แม่ขอเวลา 10 นาที หนูรอนะคะ และต้องใจแข็งทำให้สำเร็จ ลูกจะได้เรียนรู้การรอคอยและลำดับความสำคัญก่อนหลังได้ สอนลูกให้รู้หน้าที่และอยู่ร่วมกับผู้อื่นเป็นใช้กิจกรรมง่ายๆ ที่ช่วยส่งเสริมการอยู่ร่วมกับคนอื่น เริ่มจากกิจวัตรประจำวันของลูก เช่น ช่วยพ่อแม่เข้าครัวถือของ ช่วยจ่ายตลาดซื้อของ ช่วยงานบ้าน หรือสอนเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารเมื่อต้องกินร่วมกับคนอื่นๆ สอนลูกให้พึ่งพาตนเอง เป็นการปลูกฝังความรับผิดชอบไปในตัว ตั้งแต่การการฝึกให้ลูกอาบน้ำ ให้ลูกทำงานบ้าน งานบ้านเป็นสิทธิหน้าที่เบื้องต้นที่ลูกต้องรับผิดชอบ แถมยังฝึกการควบคุมอารมณ์ และความอดทนต่อภาระหน้าที่ ทำโทษเมื่อลูกทำผิด พ่อแม่ต้องคอยห้ามปรามสั่งสอนเมื่อลูกทำผิด ต้องแยกแยะถูกผิดดีชั่วได้ โดยการทำโทษต้องไม่ใช้ความรุนแรง แต่อาจเป็นการสอน พุดคุย อธิบายให้ลูกเข้าใจด้วยเหตุผล ปลูกฝังลูกเป็นผู้ให้ ผู้ให้ย่อมเป็นผู้ที่ถูกรัก การให้เป็นการส่งความสุข ซึ่งลูกไม่จำเป็นต้องให้สิ่งของหรือเงินทอง เพียงแค่มีความรู้สึกปรารถนาดีต่อผู้อื่น มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่นตามกำลังและความสามารถของตนก็เป็นผู้ให้ได้ พูดขอบคุณและขอโทษบ่อยๆ การขอบคุณเมื่อมีผู้อื่นหยิบยื่นไมตรีให้เราเป็นเรื่องที่พึงกระทำ และการขอโทษกับสิ่งที่ผิดพลาดไม่ใช่เรื่องน่าอาย นอกจากสอนลูกให้พูดขอบคุณและขอโทษในโอกาสที่เหมาะสมแล้ว พ่อแม่เองก็ควรพูดขอบคุณลูกที่ช่วยทำงานบ้าน และควรกล่าวขอโทษเมื่อทำผิดต่อลูกเช่นกัน



28 ก.ย. 64 เวลา 15:23 392