เมื่อการเรียนรู้ในสิ่งต่างๆไม่มีวันสิ้นสุด และอายุเท่าไรก็ยังสามารถที่จะเรียนรู้ได้ตลอดเวลา และแหล่งความรู้นั้นก็มีให้เลือกศึกษาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในห้องเรียน อย่างสถานศึกษาที่เราส่งลูกหลานไปเรียน-เพื่อศึกษาหาความรู้ และฝึกระเบียบวินัยรวมไปถึงการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กๆในรุ่นราวคราวเดียวกัน และในวันหยุดสุดสัปดาห์อย่างวันเสาร์อาทิตย์ เราก็ยังสามารถให้ลูกได้ทำกิจกรรมต่างๆที่เสริมความรู้ และยังได้ประสบการณ์ในด้านอื่นอีกด้วย
หากแต่การเรียนรู้นั้นไม่ใช่แค่มีเพียงในห้องเรียน และครูไม่ใช่บุคคลเพียงท่านเดียวที่จะมอบความรู้ให้แก่นักเรียน แต่เด็กๆสามารถหาความรู้ได้รอบๆตัว ได้จากการเล่น หรือแม้กระทั่งการดูการ์ตูน หรือรายการสำหรับเด็กๆผ่านออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะกำหนดเวลาในการใช้สื่อออนไลน์อย่างเคร่งครัด เพราะอาจส่งผลทางอ้อมในเรื่องสมาธิและสุขภาพสายตาของเด็กๆในอนาคตได้ ด้วยหลักสูตรการศึกษาที่หลากหลายที่ให้ผู้ปกครองได้เลือกให้แก่บุตรหลานเพื่อเตรียมตัวให้เขาเป็นประชากรโลกได้อย่างแข็งแกร่งนั้นก็มีทั้งหลักสูตรอเมริกัน และหลักสูตรอังกฤษอย่าง British international school Bangkok นอกจากนี้พ่อแม่ผู้ปกครองควรเริ่มฝึกสมาธิให้ลูกๆ ซึ่งเว็บไซต์ไมโลได้แชร์ไว้ว่า ลดสิ่งเร้ารอบข้าง ในขณะที่ลูกมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น อ่านหนังสืออยู่ ไม่ควรเปิดเพลงเสียงดัง ควรทำให้สภาพแวดล้อมให้เงียบสงบที่สุด จะเป็นการฝึกสมาธิเด็กกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า สร้างแรงจูงใจ ผู้ปกครองอาจจะต้องเสริมแรงผลักดัน เพื่อให้มีกำลังใจการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้บรรลุเป้าหมาย เช่น ให้เล่นเกม 1 ชั่วโมงหลังจากที่ตั้งใจทำการบ้าน เด็กจะรู้สึกมีเป้าหมาย และจะตั้งใจทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ เลือกกิจกรรมหรือเกมฝึกทักษะ เด็กในแต่ละช่วงอายุจะมีกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไป เด็กวัยอายุ 7-12 ปี เหมาะกับฝึกเล่นเกมที่มีกฏ กติกา หรือเลือกกิจกรรมฝึกสมาธิเด็ก ที่ได้เสริมสร้างประสบการณ์ไปในตัว เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ เป็นต้น ลดความเครียด คลายความกังวล ความเครียด และความกังวลส่งผลโดยตรงกับสมาธิของเด็กในวัยประถม คุณพ่อคุณแม่เป็นปัจจัยหลักสำคัญที่จะช่วยลดปัจจัยความเครียดรอบด้านได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางบ้าน หรือความเครียดจากตัวเด็กเอง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูกหากิจกรรมคลายเครียดเพื่อให้ลูกผ่อนคลาย และสมองเปิดโล่งพร้อมตั้งสมาธิในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬากับลูก ไปจนถึง กิจกรรมที่ให้ความบันเทิงอย่างการฟังเพลง หรือเล่นดนตรี เป็นต้น เตรียมร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน หรือเลือกดื่มเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะกับเด็กอายุ 7-12 ปี จำพวกโปรตีนและแคลเซียม เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและพัฒนาการของร่างกายให้พร้อมทำทุกกิจกรรม