หากเราตามเรื่องหลักสูตรการศึกษา เราจะทราบว่าในประเทศไทยนั้นมีหลากหลายหลักสูตรให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้เลือกให้แก่ลูกหลาน แต่ละหลักสูตรก็จะมีทั้งความโดดเด่นและความนิยม ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรไทยเองที่เน้นความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความมีวินัย หรือจะเป็นหลักสูตรอเมริกัน อังกฤษ แม้กระทั่งหลักสูตรแคนาดาอย่าง Canadian international school ที่เข้ามาเพิ่มความน่าสนใจให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองที่เลือกจะส่งบุตรหลานเข้าไปเรียนรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพและเติมเต็มความรู้ความสามารถในด้านต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ
แม้ว่าจะมีหลักสูตรหลากหลายให้เลือก แต่พ่อแม่เองก็ไม่ควรมองข้ามความต้องการของลูก เพราะเขาคือผู้ที่จะต้องเข้าศึกษาและหากหลักสูตรนั้นไม่ตอบโจทย์ในการเพิ่มศักยภาพของเขา เราอาจจะต้องเสียทั้งเงินและเวลา เพราะทุกหลักสูตรนั้นต่างก็สร้างมาเพื่อพัฒนาและให้ความรู้แก่เด็กๆ และเด็กๆเองนั้นก็เปรียบเสมือนต้นกล้าต้นเล็กๆที่ต่างก็เหมาะกับป่าที่ต่างประเภทกัน นั่นก็หมายความว่า หากเราเจอหลักสูตรที่ใช่สำหรับเด็ก เด็กก็จะได้รับความรู้และความสนุกอย่างเต็มที่ ซึ่งเว็บไซต์ไมโลได้แชร์บทความเกี่ยวกับเด็กวัย 9- 10 ปีไว้ว่า ลูกวัย 9 ปี ผ่านมาถึงครึ่งทางของลูกวัยประถม เด็กวัยนี้จะเริ่มมีเหตุผลและความรู้รอบตัวกว้างขึ้น เราจะสังเกตได้ว่า ลูกเริ่มรู้จักการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ฟังเหตุผลมากขึ้น เรียกได้ว่ามีพัฒนาการทางอารมณ์ค่อนข้างชัดเจน ในขณะเดียวกันเด็กวัยนี้ก็ต้องการอิสรภาพมากขึ้นในการทำสิ่งต่าง ๆ กิจกรรมเด็กประถมที่อายุอยู่ในช่วงวัยนี้จึงควรเป็นกิจกรรมที่เขาได้มีโอกาสในการเลือกทำด้วย หรือหากเป็นกิจกรรมสำหรับเด็กประถมที่พ่อแม่เห็นว่าเหมาะสมกับลูกและต้องการพาไปก็ควรมีการอธิบายเหตุผลให้ลูกฟังว่า เพราะอะไรถึงพามาทำกิจกรรมนี้ อย่างเช่นการพาไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะที่เอื้อต่อการพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดใหญ่ หรือการพาไปชมการแสดง อย่างเช่น ละครหุ่น ละครใบ้ หรือภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเหมาะกับเด็ก ซึ่งกิจกรรมอย่างหลังนี้ พ่อแม่สามารถใช้เป็นโอกาสในการฝึกและอธิบายให้ลูกรู้ว่า พฤติกรรมอย่างไรที่แสดงในที่สาธารณะได้ พฤติกรรมแบบไหนที่ไม่ควรทำ นอกจากเด็กจะสนุกแล้วและเขายังได้ฝึกพัฒนาการทางอารมณ์ไปด้วยในเวลาเดียวกัน ลูกวัย 10 ปี พัฒนาการทางสติปัญญาคือจุดเด่นของลูกวัยนี้ เด็กมีการใช้ความคิดและเหตุผลกับสิ่งต่างๆ มากขึ้น และมีทักษะการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น สามารถตัดสินใจด้วยด้วยตัวเองได้ในหลายเรื่อง กิจกรรมสำหรับเด็กประถมอีกอย่างหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถชวนลูกในวัยนี้ทำได้โดยไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรเป็นพิเศษและไม่ต้องออกจากบ้าน ก็คือการฝึกให้ลูกทำงานบ้านง่ายๆ ที่เขาสามารถรับผิดชอบได้ หรือการฝึกทำอาหารเช้าง่าย ๆ สำหรับตัวเด็กเอง เพราะในการทำงานบ้านบางครั้งก็ต้องอาศัยการแก้ปัญหาบางเรื่องเช่นกัน ลูกจะได้มีทักษะเรื่องนี้มากขึ้น และมั่นใจในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ เพิ่มขึ้น ส่วนกิจกรรมนอกบ้านเด็กวัยนี้จะเริ่มแสดงออกชัดเจนว่าชอบอะไร หน้าที่ของพ่อแม่คือสังเกตและพูดคุยเพื่อให้เข้าใจความสนใจของลูกมากขึ้น หรือบางครั้ง ลูกอาจเป็นฝ่ายบอกเองว่าอยากจะไปไหนหรือทำอะไร ซึ่งเราควรเปิดโอกาสให้เขาเสนอความคิดและรับฟังเหตุผลของลูกก่อนจะอนุญาตหรือปฏิเสธ แต่หากจะปฏิเสธอะไรกับลูกวัยนี้ ต้องอย่าลืมว่า การให้เหตุผลเป็นเรื่องสำคัญ