ตายหละหว่า งั้นหมายความว่าที่ผ่านมาประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อโควิดเป็น 0 ได้ ก็เพราะว่าไม่มีการตรวจอย่างนั้นหรือ?
“โรคแก้ไขได้ด้วยการไม่ต้องไปหาหมอฉันใด จำนวนคนติดเชื้อโควิด ก็แก้ไขได้ด้วยการไม่ตรวจเชิงรุกฉันนั้น"
การติดเชื้อจำนวนมากขนาดนี้ ทำให้เริ่มหวั่นใจว่าปีหน้าพวกเราผู้หาเช้ากินค่ำ จะต้องดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไปดี ที่ผ่านมาทำให้ทุกคนได้เรียนรู้กันแล้วว่า มันไม่ใช่แค่โรคที่จะมาทำให้ชีวิตเราเป็นทุกข์แต่มันคือสภาวะเศรษฐกิจอันแสนฝืดเคือง ผู้ประกอบการบางรายเพิ่งจะปรับตัวได้ พอจะหายใจหายคอกันได้ก็มาเจอการติดเชื้อจำนวนมากอีก
จากการติดเชื้อระลอก 2 ก็กินเวลาเกือบ 2 เดือนเต็มเข้าไปแล้ว ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะไม่ได้ประกาศล็อคดาวน์ เพราะกลัวเรื่องเศรษฐกิจจะพังครืนลงมาหนักกว่าเดิมอีก แต่ยังมีวงการหนึ่งที่ยังไม่ตื่นจากฝันร้ายสักทีคือ วงการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย อุตสาหกรรมการบิน และธุรกิจที่การซื้อขายที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และอาจจะไปสุดกว่านี้ ถ้ารัฐบาลไม่เพิ่มพละกำลังการกระตุ้นและช่วยเหลือให้มากกว่านี้
จากการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ทางด้านเศรษฐฏิจ ก่อนหน้านี้ที่มีการคำนวณออกมาว่าการท่องเที่ยวอาจจะกลับมาในอีก 3 ปี เมื่อมาเจอโควิดแพกุ้งส่งท้ายปีกันแล้ว การท่องเที่ยวยังจะกลับมาอีกภายใน 3 ปีหรือไม่? หรืออาจจะต้องถูกเลื่อนออกมาเป็น 4-5 ปีก็มีโอกาสเป็นไปได้ ดังนั้นนี่จึงเป็นงานหินของรัฐบาลชุดนี้อย่างนักหน่วง ฟังดูเหมือนจะกดดันรัฐบาลกันไปสักหน่อย แต่นั่นคือหน้าที่ที่รัฐจะต้องทำให้มันดีขึ้นด้วยความจริงใจ และเสมอภาคกันทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่ระดับรากหญ้า หรือแค่กระตุ้นการท่องเที่ยวเท่านั้น พวกผู้ประกอบการ SME รายเล็ก รายใหญ่ รัฐบาลก็ต้องห้ามลืมพวกเขาเช่นกัน
อ่านมาถึงบรรทัดนี้เดี๋ยวจะหาว่ามีแต่ความกดดัน
สิ่งที่น่าชื่นชมกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก็ยังมีอยู่ คือโครงการคนละครึ่ง ที่ผ่านมาผมว่าภาพรวมมันออกมาค่อนข้างดีเลย เพราะมันเป็นการกระจายรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจได้ทุกทั่วประเทศ ตลาดแถวบ้านผมร้านไหนที่มีคนละครึ่งร้านนั้นขายดี คนขายแฮปปี้ คนซื้อก็แฮปปี้ แม่บ้านผมก็แฮปปี้ อันนี้ก็ต้องขอชื่นชมครับ
แล้วก็เริ่มจะมีโครงการเราชนะ ที่คัดเลือกคนมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป เพื่อให้เงินเยียวยากระจายไปยังประชาชนทั่วทุกกลุ่ม
แต่ในสำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การบิน ผมยังไม่เห็นมาตรการอะไรชัดเจนเลยครับ
ก็ได้แต่หวังว่ารัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาให้แก่ประชาชนแล้ว อย่าลืมพวก SME ด้วยนะครับ พวกนี้เป็นพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศเรา พวกเขาสำคัญมากๆ เพราะหลายองค์กรก็กัดฟันฝ่าวิกฤติ ไม่ยอมไล่ลูกน้องออกก็มี ปรับตัวกันแบบพลิกฟ้าก็มี อย่างน้อยการมีงานทำมันก็เป็นเสาหนึ่งที่ค้ำเศรษฐกิจไทยไว้ ไม่ให้ล้มพับไปมากกว่านี้
ก็ได้แต่หวังว่าพวกเราทุกคน จะมีกำลังจับมือผ่านปี 64 นี้กันไปอีกครั้งหนึ่งนะครับ
สู้ๆ ครับ