บอร์ด
กระทู้: King Power กับความรับผิดชอบต่อสังคมจาก 'CSR' สู่ 'CSV'

กว่า 3 ปี กับ 12 โครงการใน 4 ด้านหลัก อย่าง กีฬา ดนตรี ชุมชน การศึกษาและสาธารณสุข ภายใต้ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย  กลุ่มคิงเพาเวอร์ ได้ดำเนินโครงการ Corporate Social Responsibility (CSR)  เพื่อแสดงความรับผิดชอบของบริษัทต่อสังคมมายาวนาน เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้พูดคุย พร้อมเล่าเรื่องราวของโครงการที่ กลุ่มคิง เพาเวอร์ ดำเนินการมา

ภายใต้  คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ได้รับเงินสนับสนุนปีละ 200 ล้านบาท ใน 12 โครงการ สามารถดำเนินการอย่างต่อเนื่อง กระจายโอกาส สร้างความสุข สู่ชุมชนทั่วทุกภูมิภาค ทั้ง 77 จังหวัดกว่า 3,000 ชุมชน จากโครงการในรูปแบบของ Corporate Social Responsibility (CSR)  โครงการที่แสดงถึงความรับผิดชอบของบริษัทต่อสังคม ก่อให้เกิดความรับผิดชอบในรูปแบบ Creating Shared Value (CSV)  ด้วยการสร้างคุณค่าร่วมกันของพันธมิตรธุรกิจ ลูกค้า ชุมชน หรือสิ่งแวดล้อม พัฒนาสู่เป้าหมายธุรกิจเพื่อสังคมอย่างยั่งยืน

ด้วยการปรับโครงสร้าง โครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย จากเดิม 4 ด้านหลัก เป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านกีฬา, ด้านดนตรี และ ด้านชุมชน ส่วนด้านการศึกษาและสาธารณสุข  ได้ปรับเปลี่ยนการดำเนินการจากรูปแบบโครงการต่างๆ สู่การร่วมสนับสนุนผ่าน มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา  เพื่อดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมสนับสนุนด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และศาสนา โดยตรงตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 เป็นต้นไป

สำหรับความสำเร็จของโครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ถือเป็นโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม  ส่งผลต่อการพัฒนาศักยภาพของคนไทย ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี

เห็นได้จาก ด้านชุมชน หรือ COMMUNITY POWER เพื่อบอกให้โลกรู้ว่าของไทยดี กับความสำเร็จของการนำสินค้าชุมชนไปอวดสายตาชาวโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ ทั้งหมด 3 คอลเลกชัน นั่นคือ ของที่ระลึก สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ คอลเลคชันผ้าครามมัดย้อมจากสกลนคร ได้แก่ อินดิโก้ 1, อินดิโก้ 2 และ Thai Natural Dye ผ้าทอตีนจกย้อมสีธรรมชาติจากภาคเหนือ

ล้วนเป็นผลงานแห่งความภาคภูมิใจที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ร่วมเป็นคู่คิดและคู่ค้ากับชุมชนต่างๆ เพื่อชูจุดแข็ง และภูมิปัญญาของชาวไทยผสานเทคนิคการออกแบบที่ทันสมัย ใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้สีจากธรรมชาติมาใช้ในขั้นตอนการผลิต โดยตั้งเป้าผลิตคอลเลคชันพิเศษจากฝีมือคนไทยทุกปี หมุนเวียนเปลี่ยนชุมชนไปตามภาคต่างๆ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ดีไซน์ใหม่ๆ น่าสะสมอย่างต่อเนื่อง

ด้านกีฬาหรือ SPORT POWER โดยชุมชนหลายแห่งที่ได้รับมอบสนามฟุตบอลหญ้าเทียมใน โครงการ 100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย พวกเขาได้ใช้ประโยชน์จากสนามเต็มที่ ได้มีโอกาสฝึกฝน และพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาของตัวเองและทีมในสนามฟุตบอลที่มีคุณภาพ ระดับมาตรฐานโลกจนกวาดรางวัลมาได้หลายแห่ง, มีเด็กและเยาวชนจาก โครงการล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย กว่าครึ่งล้านคนที่มีลูกฟุตบอลเป็นของตัวเองแล้ว

อัยยวัฒน์ บอกว่า โครงการ 100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย ตอนนี้ทำไปแล้ว 60 สนาม จากเป้าหมาย 100 สนาม จะทำให้ครบภายใน 2 ปีนี้ เราเห็นว่าชุมชน มีความเจริญขึ้น รอบๆชุมชนก็มีคนมาเล่นกีฬามากขึ้น ใช้ประโยชน์ทำกิจกรรมอื่นๆด้วย ทำให้เกิดผลรอบๆ สนามฟุตบอลขึ้น เราไม่ได้ให้แค่โอกาสแต่มันเป็นการสร้างมูลค่าให้กับเมืองให้กับชุมชนได้

โครงการ ล้านลูก ล้านพลังสร้างฝันเด็กไทย

ส่วนโครงการล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย อัยยวัฒน์ บอกว่าลูกฟุตบอลอาจจะดูเฉยๆกับเด็กในกรุงเทพฯ แต่เด็กต่างจังหวัด หรือคนไม่มีโอกาส ลูกฟุตบอล 1 ลูกของเขา คือ ความฝัน ความสนุก ทำให้เขามีสังคมมากขึ้น  ผมเองก็เล่นฟุตบอลมา พร้อมย้อนอดีตให้ฟังว่า รู้สึกว่าการที่จะได้ลูกฟุตบอล 1 ลูกที่โรงเรียน กว่าจะขอได้มันยากลำบากเหลือเกิน แต่การมีของตัวเองได้ซ้อม ได้เล่นมันน่าจะตอบโจทย์ได้ดี รวมทั้งมีสนามฟุตบอลในเมืองที่เราสร้าง พวกเขาก็ได้เอามาแชร์ร่วมกันได้ ผมว่าเป็นแรงบันดาลใจให้เขามีฝันเพิ่มขึ้น  ปีนี้แจกไปแล้วครึ่งทางคือ 500,000 ลูกทั่วประเทศ เราก็จะแจกต่อจนกว่าจะครบ 1 ล้านลูก ทยอยแจกไปเรื่อยๆ

โครงการ Fox Hunt  อัยยวัฒน์ บอกว่า Fox Hunt เป็นความฝันหนึ่งที่คนไทยดูฟุตบอลอยากให้เป็น เรารู้สึกว่าเราน่าจะทำได้ เราสามารถเอาเด็กไทยไปซ้อม ไปฝึก ไปอบรม ให้โอกาสที่เขาจะได้พัฒนาตัวเอง พัฒนาฝีมือพัฒนาความรู้ พัฒนาความเป็นมืออาชีพแล้วกลับมาช่วย ลีกในประเทศไทย และถ้าเก่งจริงก็มีโอกาสไปเล่นเมืองนอกได้ ตอนนี้บางคนก็ติดทีมชาติแล้ว หลายๆคนก็ไปอยู่ สโมสรฟุตบอลการท่าเรือ, สโมสรฟุตบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด, สโมสรฟุตบอลจังหวัดขอนแก่น เป็นต้น และอีก 4 คนไปสังกัด สโมสรฟุตบอลโอเอช ลูเวิน ประเทศเบลเยียม

ด้านดนตรี หรือ MUSIC POWER  คิงเพาเวอร์  มีการสนับสุนนวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติ  อัยยวัฒน์ บอกว่านักดนตรี 4,000 คน ได้มาแข่งเราได้สนับสนุนให้เขามีอาชีพและการงานที่ดีขึ้น การที่ได้แข่งกับระดับชาติ ต่างชาติเห็นนักดนตรีไทย ผมว่ามันสร้างอาชีพต่อเนื่องได้ ผมว่าคนไทยมีความสามารถด้านนี้สูงน่าสนับสนุนมาก  ได้แสดงความสามารถด้านดนตรีให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่าที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นการประกวดที่มีมาตรฐานสูงมีกรรมการตัดสินที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นที่จับตามองที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ด้านการศึกษาและสาธารณสุข หรือ EDUCATION & HEALTH POWER  อัยยวัฒน์ อธิบายว่าจริงๆเราทำด้านการศึกษาค่อนข้างดี ที่มหาวิทยาลัยเดอ มง ฟอร์ต ประเทศอังกฤษ ที่เลสเตอร์สนับสนุนทุน เราได้ส่งคนไปเรียนเป็นทั้งพนักงานและคนข้างนอก เข้าไปเรียนจบ 20 ทุนแล้ว เราก็จะทำต่อไป มหาวิทยาลัยเดอ มง ฟอร์ต เขาค่อนข้างอยากจะเข้าใจประเทศไทย และอยากสนับสนุนเด็กไทยด้วย อย่าง Super 10 น้องๆหลายๆคนเราก็สนับสนุนให้เรียนจนจบปริญญาตรี

โครงการ พลังคนไทย พลังชุมชนไทย

 

โครงการพลังคนไทย สุขาสุขใจ

ด้านสาธารณะสุข โครงการพลังใจให้ชีวิต มอบตู้อบเด็กให้กับโรงพยาบาล อัยยวัฒน์ บอกว่าจริงๆเราบริจาคตู้นี้มานานแล้ว ที่ครอบครัวทำเอง ตู้อบเด็กอาจจะมองเป็นเรื่องไกลตัว แต่จริงๆคนที่ต้องการใช้เยอะมาก เพราะมีคนที่คลอดก่อนกำหนดเยอะมาก เราพยายามมอบให้ไปตามโรงพยาบาลต่างๆ

อัยยวัฒน์ บอกว่าทุกโครงการที่ทำเรามองเรื่องการศึกษา กับสาธารณะสุข ผมกำลังย้ายออกจาก คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย จะไปอยู่ใน มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา มันก็จะเปลี่ยนแกนไปนิดหน่อยเหลือแค่ 3 แกน คิงเพาเวอร์ไทยพาวเวอร์ เหลือกีฬา ชุมชน ดนตรี  ส่วนมูลนิธิฯก็จะดูเรื่องสาธารณะสุข กับการศึกษา จะได้ชัดขึ้นเวลาจะช่วยช่วยตรงไหน

สิ่งที่คิงเพาเวอร์ทำทั้งหมด ทำให้ได้รับรางวัล Asia Responsible Enterprise Awards ด้าน Social Empowerment รางวัลระดับเอเชียที่คิง เพาเวอร์ได้รับในปี 2019 เป็นรางวัลที่สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน

ต้องการให้คนที่อยู่ในองค์กรทราบด้วยว่า การทำดี ไม่ต้องแอบๆทำ มาร่วมกันทำ จงภูมิใจในสิ่งที่ทำดีกว่า

อัยยวัฒน์ กล่าวว่า จริงๆไม่ใช่แค่การทำบุญ หรือตอบแทนสังคม บางคนอาจจะมองว่า ทำเพราะว่าต้องการทำข่าวให้มันดีหรือเปล่า มันน่าจะเลิกคิดอะไรแบบนี้ เพราะว่าเราทำมานานจริงๆ ผมว่าถ้ารวบรวมเป็นเรื่องแล้วช่วยคนได้น่าจะดีกว่า จริงๆนโยบายหรือแนวทางตั้งแต่แรก เราอยากให้คนมีส่วนร่วมมากขึ้นกว่านี้ด้วยซ้ำ รวมทั้งพนักงานเองที่เรามีอยู่เกือบ 12,000 คน ได้ทำกิจกรรมร่วม ต้องการให้คนที่อยู่ในองค์กรทราบด้วยว่า การทำดีไม่ต้องแอบๆทำ มาร่วมกันทำ จงภูมิใจในสิ่งที่ทำดีกว่า

ส่วนความมุ่งหวังในระยะยาวต่อการทำโครงการเพื่อสังคมของกลุ่มคิง เพาเวอร์  อัยยวัฒน์ ย้ำว่าโครงการทั้งหมดนี้จะดำเนินอย่างต่อเนื่องครบ 5 ปี ด้วยเงินสนับสนุนกว่า 1,000 ล้านบาท เท่ากับว่าเฉลี่ยปีละ 200 ล้านบาท 

สนับสนุนมูลนิธิก้าวคนละก้าว

ก้าวต่อไปเรากำลังเดินหน้าต่อยอดสู่การปลูกฝัง “POWER DNA” ให้กับพนักงานผ่านแนวคิด Creative Confidence 4 P
1. Project Engagement สร้างความรู้สึกการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ และรู้สึกว่า เป็นเจ้าของกิจกรรมร่วมกัน
2. Passion สร้างแรงผลักดันจากภายใน ก่อเกิดเป็นความกระตือรือร้นที่อยากร่วมสร้าง และสานต่อสิ่งดีๆ ต่อไป
3. People สร้างความสัมพันธ์อันดีตั้งแต่ระดับบุคคลในองค์กร จนถึงการรวมกลุ่มเพื่อรู้จักทำงานร่วมกันเป็นทีม เพื่อต่อยอดความสัมพันธ์ และความผูกพันไปยังคนนอกองค์กรอีกด้วย
4. Play อยากให้ทุกคนที่มีส่วนร่วม รู้สึกสนุก และสุขกับสิ่งที่ทำ อะไรที่เรา ‘ใส่ใจ’ ลงไป มักดีเสมอ

 

 

 

 

2 ก.พ. 63 เวลา 23:55 510
โพสต์โดย

vistion


คนดู
กระทู้ล่าสุดของ vistion