ทุกการศัลยกรรมมีความเสี่ยงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตา จมูก หรือปาก โดยเฉพาะจมูกเพราะนอกจากปัจจัยที่เราไม่ชอบรูปทรงจมูกที่ทำมาแล้ว การทำจมูกโดยใช้ซิลิโคนโด่งจนเกินไปก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ปลายจมูกบาง เสี่ยงที่จะทะลุ หรือเมื่อศัลยกรรมไปนานๆ ตัวซิลิโคนก็อาจจะดึงรั้งซึ่งมาจากที่ร่างกายสร้างพังผืด รวมไปถึงหลังจากเสริมจมูกอาจมีอาการติดเชื้อ ดังนั้นการแก้จมูกจังไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ยิ่งในปัจจุบันมีการแก้จมูกแบบโอเพ่นซึ่งช่วยให้จมูกไม่กลับมาบางหรือทะลุได้ง่ายอีก
การแก้จมูกแบบโอเพ่นคือการเข้าไปแก้ไขโครงสร้างจมูกโดยผ่าตัดจากฐานกลางจมูก โดยวิธีนี้จะทำให้เห็นโครงสร้างจมูกได้มากกว่าการแก้จมูกทั่วไป โดยวิธีการแก้จมูกแบบโอเพ่นสามารถไม่ใช้ซิลิโคนบริเวณปลายจมูก ซึ่งเป็นจุดที่เสี่ยงจะทะลุได้ง่าย เมื่อเราเลือกใช้กระดูกอ่อนหรือกระดูกหลังหูมาเสริมช่วงปลายจมูก จะทำให้ได้ความธรรมชาติมากกว่า ร่างกายต่อต้านน้อยกว่าซิลิโคนเพราะว่าเป็นกระดูกของเราเอง นอกจากนั้นการแก้ไขจมูกแบบนี้จะช่วยให้ตะไบตัวฮัมพ์หรือกระดูกที่นูนขึ้นกลางจมูกได้ง่าย ซึ่งการแก้จมูกแบบโอเพ่นจะเหมาะกับคนที่
ซึ่งการแก้ไขจมูกจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเสริมใหม่ไม่ว่าจะแก้แบบปกติหรือการแก้จมูกแบบโอเพ่น ด้วยข้อจำกัดของเนื้อเยื่อภายในจมูกและจมูกที่ผ่านการทำศัลยกรรมมาแล้วจึงมีพังผืดเกิดขึ้นภายใน ต้องทำการเลาะพังผืดและตัวซิลิโคนออก ดังนั้นทีมแพทย์ที่ทำการผ่าตัดต้องเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญและใช้ระมัดระวังในการผ่าตัดสูง เพื่อป้องกันไม่ให้จมูกช้ำหรือบาดเจ็บเกินไป
แน่นอนว่าการแก้ไขจมูกนั้นมีข้อจำกัด ดังนั้นหากต้องการเปลี่ยนรูปทรงหรือแก้ไขก็ทำได้จากพื้นฐานเดิมของจมูกเรา เพราะหากฝืนทำจมูกที่โด่งจนเกินไปโดยไม่สนใจเนื้อบริเวณจมูกก็เสี่ยงที่จมูกจะบางและทะลุได้อีก และควรศึกษารายละเอียดให้รอบคอบโดยปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะไม่อย่างนั้นก็คงจะต้องอาจจะต้องแก้แล้วแก้อีก คงไม่มีใครอยากแก้จมูกครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ประเมินความเป็นไปได้ด้วยตัวเองและเน้นความปลอดภัยก็ช่วยให้จมูกอยู่กับเราไปได้นาน โดยไม่เสี่ยงบางหรือทะลุนั่นเอง