หลายวันก่อนได้รับจดหมายเชิญไปงานเลี้ยงรุ่นด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม เลยไม่คิดจะขับรถเพราะรู้ว่าน่าจะมีการกินแอลกอฮอล์ค่อนข้างแน่ แต่ด้วยความรีบเลยต้องเอารถไปด้วย พองานใกล้เลิกเลยคิดว่าจะใช้บริการ U Drink I drive สักหน่อย เพราะคิดว่าปลอดภัยไว้ก่อนเลยให้เพื่อนเรียกให้ เพื่อนถามว่าเรารู้เรื่องของบริษัท StartUp แห่งนี้ป่าวที่เค้ามีเรื่องมีราวกันอยู่ ผมก็ไม่รู้เรื่องเลยขอให้เพื่อนเล่าให้ฟัง วงแอลกอฮอลล์เลยกลายเป็นวงถกกันเรื่องบริษัทนี้ทันที ผมฟังแล้วก็เออดีนะ เป็นเหมือน Case Study ที่ดีเลย ขออนุญาตมาเล่าสู่กันฟัง (ใครฟังแล้วผ่านไปเลยนะครับ อันนี้ผมมาเล่าแบบบ้านๆให้เข้าใจง่ายๆ ) แล้วมาถกกันว่าเคสนี้ผิดพลาดยังไง และควรจบยังไง
หลักๆเท่าที่จับใจความได้ เหมือนมีผู้ถือหุ้น 3 ท่าน ผมจำชื่อไม่ได้เป๊ะๆขออนุญาตแทนด้วย A B C ละกันนะครับ โดยทั้งสามท่านเป็นเพื่อนกันและร่วมกันก่อตั้งบริษัท U Drink I Drive ขึ้นมา ซึ่งที่ผ่านมาต่อเดือน… “U Drink I Drive” มีรายได้กว่า 5 ล้านบาท… มีผู้ใช้บริการ 7 พันคน… มีการเติบโตเฉลี่ยกว่าปีละ 80%… โดย :)ส่วนผู้ถือหุ้นที่ไม่มีใครถือเกิน 50% (ซึ่งที่ถกกันมองว่าจุดนี้แหละเป็นจุดที่เพื่อนผมที่เป็นเจ้าของบริษัทบอกว่าผิดพลาด)
https://talk.mthai.com/storage/uploads/2019/11/24/c357928630845bfaee5788e76c7c4516.jpeg
ซึ่งเท่าที่คุยกันเหมือนว่าบริษัทฯ ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ก็พยายามที่จะแก้ไขปัญหาด้วยการหานักลงทุนมาลงทุน แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาเพราะงบบัญชีของทางบริษัทไม่ถูกต้อง (ซึ่งอันนี้เป็นจุดที่ 2 ที่เพื่อนผมบอกว่างบดุลไม่ถูกต้องนี่เรื่องใหญ่เลย ทำให้ไม่มีใครกล้ามาลงทุนด้วย) ซึ่งพองบมีปัญหา A ซึ่งเป็น CEO ก็ประกาศลาออก โดยขอเป็นแค่ผุ้ถือหุ้นและคณะกรรมการเท่านั้น จึงทำให้เหลือแค่ B กับ C ที่บริหารแทน
ระหว่างนั้น B กับ C ก็หาทางเพิ่มทุน ระดมทุน ซึ่งอย่างที่เพื่อนผมบอก งบดุลที่เป็นปัญหา ไม่มีทางเลยที่ใครจะเข้ามาร่วมทุนด้วย แต่ได้คนรู้จัก ได้บริษัทเอเชียพลัส แอสซิสแทนท์ จำกัด คู่ค้าของบริษัท เอเชียประกันภัย ให้มาร่วมลงทุนแต่ในการประชุมผู้ถือหุ้น A ไม่ยอมเซ็นต์รับรองงบดุลที่ตนเองเป็นคนทำไว้ตั้งแต่ก่อนที่ B กับ C จะเข้ามาดูแลแทน
ซึ่งในการประชุมครั้งนี้มีการนำข้อเสนอบริษัทเอเชียพลัสฯ ซึ่งดีลคือ ตีมูลค่าบริษัทที่ 20 ล้านบาท จ่ายก่อน 3 ล้านบาทที่เหลือจะจ่ายตาม KPI ซึ่ง A บอกว่ายังไม่ดีพอ และตนเองมีทางเลือกที่ดีกว่าแต่สุดท้ายแล้ว A ก็ไม่ได้นำข้อเสนอนั้นมาเข้าที่ประชุม ซึ่งต่อมา A ยื่นขอคำสั่งศาลห้ามชั่วคราวในการขายให้บริษัทเอเชียพลัสฯ ในการประชุมผู้ถือหุ้น แต่ศาลยกคำร้อง
ตัวบริษัทเองได้มีการติดตามบัญชีงบดุล ในสมัยที่ A เป็น CEO กลับพบจุดพิรุธของเส้นทางการเงิน ทั้งประเด็นเงินหายไปไหน จนบริษัทขาดทุนและขาดสภาพคล่องอย่างมาก ทั้งที่แจ้งคือบริษัทมีรายได้มากมาย ซึ่งสถานะตอนนี้คือกลายเป็น A ฟ้อง B กับ C ในข้อหารวมหัวกันพยายามขาย “สินทรัพย์หลัก” ของบริษัทออกในราคาที่ถูกเกินจริง (3 ล้านบาท) ซึ่งตอนนี้ศาลมีคําสั่งคุ้มครองชั่วคราว… ห้ามมิให้มีการ จ่ายหรือโอน ทรัพย์สิน และห้ามจดทะเบียนโอน ขาย ยักย้ายจําหน่ายเครื่องหมายการค้า “ยูดริ้งค์ ไอไดรฟ์”
เพื่อนๆที่คุยกันในกลุ่มเลยตั้งคำถามว่าประเด็นเกิดจากอะไร? และคิดว่าจะจบยังไง? โดยผมคิดว่าประเด็น “น่าจะ” เกิดปัญหาจากงบภายในมากกว่า เพราะเงินที่ได้มาไม่น่าจะทำให้บริษัทขาดสภาพคล่องได้ขนาดนั้น ส่วนจะจบลงยังไงอันนี้ไม่อาจทราบได้ แต่ที่แน่ๆ ความสัมพันธ์ของ A B C น่าจะเปลี่ยนตลอดไปแล้วละ ซึ่งส่วนตัวผมเองคิดว่า U Drink เนี่ย ภาพธุรกิจไปได้ดีเลยนะ เคยใช้บริการราคาก็ไม่ได้แรงมากแถมปลอดภัยแน่นอน ก็อยากขอให้ตกลงกันได้ไวไว อยากให้ธุรกิจกลับมารุ่งเรืองได้ไวไวละกันนะครับ