บอร์ด
กระทู้: ทำความเข้าใจThinPrep Pap Test นวัตกรรมตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

ข้อมูลที่ได้มาจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติระบุว่า โรคมะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer) เป็นมะเร็งที่มักพบเป็นชั้น 2 ของหญิงไทย รองจากโรคมะเร็งเต้านม (พุทธศักราช 2558) โดยเหตุนั้นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกก็เลยเป็นแนวทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้ทราบว่าเป็นโรคนี้ตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อทำรักษาอย่างทันท่วงที และไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากเท่ารักษามะเร็งปากมดลูกระยะแผ่ขยาย

วิธีตรวจคัดเลือกกรองที่รู้จักกันดี อาทิเช่น การตรวจแปปสเมียร์ (Pap smear test) ซึ่งเป็นการตรวจดูเซลล์เปลี่ยนไปจากปกติที่บางทีอาจเปลี่ยนเป็นเซลล์ของโรคมะเร็งต่อไปได้ แม้กระนั้น การตรวจแปปสเมียร์นั้นสามารถได้ผลลบลวงได้ เนื่องมาจากบางคราวตัวอย่างสิ่งส่งไปตรวจอาจซ้อนทับกัน มีเลือด หรือมูกปนเปื้อน ทำให้เมื่อส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์แล้วมองไม่เห็นความผิดปกติ


เดี๋ยวนี้มีแนวทางตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยเก็บตัวอย่างเซลล์ด้วยของเหลว (Liquid-based cytology: LBC) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ตินแพร็พ แป๊บ เทสต์ (ThinPrep Pap Test หรือ Cy-Prep) เรียกตามแบรนด์น้ำยาที่ใช้ตรวจ แนวทางลักษณะนี้สามารถเก็บตัวอย่างเซลล์ได้มากขึ้น ชัดขึ้น ทำให้สามารถค้นหาเซลล์มะเร็งระยะเริ่มต้นเริ่มได้ดียิ่งไปกว่าการตรวจแปปสเมียร์แบบดั้งเดิมถึง 65%

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) การตรวจ ThinPrep Pap Test ก็ได้รับการยืนยันจากองค์การของกินและยาที่ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า เป็นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบมาตรฐานอีกแนวทางหนึ่ง นอกเหนือจากการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีแปปสเมียร์เริ่มแรก

ขั้นตอนการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบ ThinPrep Pap Test
การตรวจ ThinPrep Pap Test มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

* แพทย์ใช้แปรงขนาดเล็กเก็บเซลล์รอบๆปากมดลูกของผู้รับการตรวจ
* ถอดหัวแปรงใส่ลงในน้ำยารักษาภาวะเซลล์ ซึ่งจะก่อให้จับตัวได้อย่างเซลล์ครบถ้วนสมบูรณ์
* นำเข้าเครื่องจัดเตรียมเซลล์บนสไลด์อัตโนมัติ ขั้นตอนนี้จะมีการกำจัดสิ่งปนเปื้อนต่างๆได้แก่ มูก เลือด และก็ทำให้เซลล์กระจายพอเหมาะ เรียงหน้าอย่างสม่ำเสมอ ไม่ซ้อนทับหนาแน่นเหลือเกิน
* แพทย์ทำวิเคราะห์ตัวอย่างเซลล์
* แปลผลของการตรวจ

ตรวจนานไหม นานขนาดไหนถึงรู้ผล?

* ใช้เวลาตรวจประมาณ 15-20 นาที แล้วก็รู้ผลด้านใน 3 อาทิตย์หลังวันเก็บตัวอย่างเซลล์

 

ข้อดีของการตรวจ ThinPrep Pap Test เทียบกับการตรวจแปปสเมียร์ดั้งเดิม
ความเป็นจริงแล้วทั้งการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบแปปสเมียร์แล้วก็แบบ LBC หรือที่รู้จักกันในชื่อ ThinPrep Pap Test นั้นเป็นการตรวจที่เป็นมาตรฐาน แต่การตรวจแบบหลังเป็นแนวทางที่ใหม่กว่า และก็มีข้อที่เหนือกว่าการตรวจคัดเลือกกรองแบบแปปสเมียร์ดังต่อไปนี้

* เก็บตัวอย่างเซลล์ได้มากกว่า ลดปัญหาที่เกิดขึ้นกับการเก็บตัวอย่างมาไม่พอสำหรับตรวจวิเคราะห์
* ในขั้นตอนการตรวจ มูกและก็เลือดจะถูกกำจัดออกไป ลดปัญหาสิ่งบดบังเซลล์ ทำให้เห็นตัวอย่างเซลล์เด่นชัดขึ้น
* ลดอัตราการเกิดผลจากการลบลวง
* นักเซลล์วิทยาใช้เวลาแปลผลสั้นกว่า
* สามารถนำสิ่งส่งไปเพื่อทำการตรวจที่เป็นของเหลวไปตรวจค้นเชื้อ HPV ต่อได้ ไม่ต้องเก็บตัวอย่างซ้ำ

 

ข้อด้อยของการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบ ThinPrep Pap Test

* ค่าครองชีพสำหรับในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแนวทางนี้สูงขึ้นมากยิ่งกว่าการตรวจแปปสเมียร์แบบเริ่มแรก


ควรจะเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเมื่ออายุเท่าไร บ่อยครั้งเพียงใด?
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เสนอแนะการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีตรวจเซลล์วิทยา ทั้งยังแบบแปปสเมียร์เริ่มแรกและ Liquid-based cytology ดังนี้

* ควรเริ่มตรวจเมื่ออายุ 30 ปี แล้วก็ตรวจซ้ำทุกๆ2-3 ปี
* ถ้าตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแล้วไม่พบความเปลี่ยนไปจากปกติต่อเนื่องกัน 3 ครั้ง ไม่มีรอยโรคที่ปากมดลูกในระยะก่อนเป็นโรคมะเร็ง (Cervical Intraepithelial Neoplasia: CIN) ไม่มีเรื่องราวได้รับการรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก และไม่มีภาวการณ์ภูมิต้านทานผิดพลาด บางทีอาจเว้นระยะการตรวจซ้ำออกเป็นทุกๆ3-5 ปี
* สตรีที่แก่กว่า 65 ปี ที่ 10 ก่อนหน้านั้นตรวจไม่พบความผิดปกติอะไรก็แล้วแต่แล้วก็ผลตรวจไม่พบความแปลกต่อเนื่องกัน 3 ครั้ง สามารถหยุดตรวจได้ ละเว้นว่ายังมีเพศสัมพันธ์หรือมีคู่รักคนจำนวนไม่น้อย ควรจะตรวจคัดกรองถัดไปตามเดิม
* เพศหญิงที่ตรวจพบว่ามีภาวการณ์ภูมิต้านทานบกพร่อง (Severe combined immunodeficiency disease: SCID) ใน 1 ปีแรกควรจะรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุก 6 เดือน ต่อไปควรตรวจคัดกรองปีละ 1 ครั้ง
* หญิงที่ตัดมดลูกพร้อมด้วยปากมดลูกออกแล้ว และไม่มีประวัติเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจคัดกรอง (แต่ว่าควรจะรับการตรวจภายในเพื่อหาโรคทางนรีเวชอื่นๆ)
* ผู้หญิงที่เคยรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก หรือรอยโรคก่อนโรคมะเร็งปากมดลูก ยังคงมีการเสี่ยงสูงต่อการกลับเป็นซ้ำ จะต้องตรวจติดตามตามความถี่ที่หมอระบุ และก็ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกปีจนครบ 20 ปี

 

ใครบ้างเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ควรตรวจ
คนที่อยู่ในกรุ๊ปเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก มีดังนี้

* หญิงที่มีเซ็กส์ตั้งแต่อายุยังน้อย
* เพศหญิงทั่วไปที่มีเซ็กส์
* หญิงที่มีคู่นอนผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อย หรือร่วมเพศกับชายที่มีคู่นอนผู้คนจำนวนมาก
* หญิงที่ไม่เคยมีเซ็กส์ ควรเริ่มตรวจเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป
* หญิงที่มีพฤติกรรม หรือโรคประจำตัวที่ทำให้ภูมิต้านทานต่ำ ยกตัวอย่างเช่น ดูดบุหรี่ เป็นโรคภูมิคุ้มกันขาดตกบกพร่อง อื่นๆอีกมากมาย
* เพศหญิงที่มีตกขาวผิดปกติ หรือมีเลือดไหลแตกต่างจากปกติ
* ผุ้หญิงที่เว้นว่างการตรวจมาระยะหนึ่ง
* สตรีวัยหมดประจำเดือน

 

เตรียมตัวเช่นไร ก่อนตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
มีคำแนะนำและสิ่งที่ไม่อนุญาตที่คุณควรรู้ เพื่อการตรวจเป็นไปอย่างสบายแล้วก็ได้ผลถูกต้องที่สุด ดังนี้

* ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในช่วงที่ไม่มีรอบเดือน หรือตรวจตอน 5-7 คราวหน้าประจำเดือนหมด
* ห้ามใช้ยาเหน็บช่องคลอด ครีม เจลหล่อลื่น หรือยาฆ่าเชื้อน้ำเชื้อในมดลูก ก่อนจะมีการตรวจ 48 ชั่วโมง
* ห้ามสวนล้างช่องคลอด หรือมีเพศสัมพันธ์ก่อนที่จะมีการตรวจ 48 ชั่วโมง

 

เพิ่งมีเพศสัมพันธ์ สามารถตรวจคัดกรองแบบ ThinPrep ได้ไหม?

* ห้ามมีเพศสัมพันธ์ก่อนที่จะมีการตรวจ 48 ชั่วโมง

 

เคยฉีดยา HPV แล้ว ยังจำเป็นต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกหรือเปล่า?

* ควรตรวจ เพราะว่าวัคซีนไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัส HPV ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ทุกสายพันธ์ุ


โรคมะเร็งปากมดลูกแม้ว่าจะเป็นโรคร้าย แต่ว่าสามารถรักษาให้หายสนิทได้ ถ้าหากตรวจพบเร็วตั้งแต่ระยะเริ่มแรก สตรีทุกคนจำเป็นจะต้องเข้ารับการตรวจโรคมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอเพื่อแน่ใจว่าไม่มีอันตรายแล้วยังปลอดภัยจากโรคนี้แน่
ขอบคุณบทความจาก https://www.honestdocs.co/thin-prep-cervical-cancer-screening

Tags : มีเพศสัมพันธ์

24 พ.ย. 62 เวลา 08:25 372
โพสต์โดย

ptorns_1995


คนดู
กระทู้ล่าสุดของ ptorns_1995