มะเร็งปากมดลูก นับเป็นโรคโรคมะเร็งในสตรีที่พบได้บ่อยเป็นชั้น 2 รองจากโรคมะเร็งเต้านม ปัจจุบันในปี พุทธศักราช2561 พบว่า ผู้ที่เจ็บป่วยจากโรคโรคมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ราว 8,600 ราย หรือหมายความว่าว่า ทุกๆวันจะเจอผู้ป่วยด้วยโรคโรคมะเร็งปากมดลูกรายใหม่สูงถึง 24 คนเลยทีเดียว ไม่เพียงแค่เป็นมะเร็งที่พบได้มากแล้ว มะเร็งปากมดลูกยังคร่าชีวิตสตรีไทยมากมายเป็นเป็นอันดับสองด้วย เฉลี่ยถึงวันละ 14 คน โดยเหตุนี้มะเร็งปากมดลูกก็เลยเป็นโรคที่น่ากลัวไม่น้อย
เชื้อไวรัส HPV เป็นยังไง? ทำไมจำต้องฉีดวัคซีน HPV
ต้นเหตุหลักที่ทำให้เจ็บป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกนั้นมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human papilloma virus infection: HPV) ไม่เฉพาะแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่ติดเชื้อโรคไวรัสเอชพีวีได้ เพศชายก็สามารถติดโรคประเภทนี้ได้เช่นกันและก็ก่อให้เกิดโรครุนแรงตามมาด้วย แต่ตอนนี้พวกเราสามารถลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้อย่างง่ายดายด้วยการฉีด วัคซีน HPVป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก หรือวัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก (HPV)
เชื้อเอชพีวี (HPV) เป็นไวรัสที่มีมากยิ่งกว่า 100 สายพันธุ์ สามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก รวมทั้งการสัมผัสเชื้อทางรอยแผลตามร่างกาย และก็การแพร่ระบาดจากแม่สู่ลูกในขณะคลอด หากว่าร้อยละ 90 ของผู้ติดโรคเชื้อไวรัสเอชพีวีจะสามารถหายเองได้ข้างใน 2 ปี แต่ว่าก็มีผู้ป่วยบางรายที่ติดเชื้อโรคนานกว่านั้นแล้วก็กำเนิดเป็นโรคมะเร็งท้ายที่สุด
เดี๋ยวนี้พบว่า มีเชื้อเอชพีวีอย่างน้อย 15 สายพันธุ์ที่ทำให้มีการเกิดโรคมะเร็งได้ โดย 99.7% ของสตรีที่เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก มีเหตุมาจากการรับเชื้อไวรัสเอชพีวีนั่นเอง ดังนี้เชื้อไวรัส HPV ไม่เพียงแค่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกเท่านั้น แต่ยังเป็นเหตุให้เกิดโรคอื่นๆด้วย
สำหรับผู้หญิง เป็นต้นเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งที่ช่องคลอด ปากช่องคลอด ทวารหนัก มะเร็งบริเวณปาก รวมทั้งลำคอ หูดหงอนไก่ ทั้งเชื่อมโยงกับการเกิดโรคหัวใจด้วย
สำหรับผู้ชาย การได้รับเชื้อ HPV อาจเป็นต้นเหตุกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรคมะเร็งที่ของลับ ทวารหนัก มะเร็งรอบๆปาก แล้วก็ลำคอ หูดหงอนไก่
โรคมะเร็งปากมดลูกส่วนมากจะเจอในสตรีวัย 30- 55 ปี คนที่มีเชื้อไวรัสชนิดนี้มักจะไม่มีอาการอะไรก็ตามเกิดขึ้นแรมปีทำให้แพร่ระบาดไปสู่คนอื่นๆได้โดยไม่รู้สึกตัว จนถึงมีเลือดไหล มีตกขาวแตกต่างจากปกติ ของลับแสบร้อน มีก้อนเนื้อขนาดใหญ่อุดกันรอบๆท่อเยี่ยว ช่องคลอด หรือทวารหนัก ทำให้มีอาการคันแล้วก็ปวดตามมา
ถึงแม้ว่าโรคมะเร็งปากมดลูกจะน่ากลัว แต่ว่ามีวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพพอสมควรแล้วก็ทำได้ง่าย การฉีดวัคซีน HPV ก็เลยเป็นแนวทางที่น่าสนใจไม่น้อย
วัคซีนโรคมะเร็งปากมดลูก หรือวัคซีน HPV เป็นยังไง?
วัคซีน HPV ที่ใช้ในปัจจุบันมีทั้งปวง 2 จำพวก ได้แก่
* วัคซีน 2 สายพันธุ์ (Cervarix) ป้องกันเชื้อไวรัสเอชพีวีสายพันธุ์ 16 และ 18 ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป
* วัคซีน 4 สายพันธุ์ (Gardasil) ป้องกันทั้งเชื้อไวรัสเอชพีวีสายพันธุ์ 16, 18 และสายพันธุ์ 6, 11 ที่เป็นต้นเหตุของโรคหูดหงอนไก่ เดิมฉีดได้ในช่วงอายุ 9-26 ปี แต่ว่าปัจจุบันนี้มีการศึกษารับประกันว่าสามารถฉีดได้จนถึงอายุ 45 ปีแล้ว ส่วนเพศชายฉีดได้ในช่วงอายุ 9-26 ปี
แต่ วัคซีนประเภท 2 สายพันธุ์มีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการป้องกันมะเร็งปากมดลูกจากเชื้อ HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ได้มากถึง 70% ส่วนวัคซีนประเภท 4 สายพันธุ์มีประสิทธิภาพสำหรับในการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกจากเชื้อ HPV สายพันธุ์ 6, 11 เพิ่มเติมอีก ซึ่งสองสายพันธุ์นี้เป็นต้นเหตุของโรคหูดหงอนไก่และโรคมะเร็งทวารหนักในเด็กชายได้ด้วย
ก่อนฉีดวัคซีนจำเป็นต้องตรวจว่า เคยติดเชื้อโรค HPV มาก่อนหรือไม่?
โดยธรรมดาสามารถฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV ได้เลย ไม่มีความจำเป็นที่ต้องตรวจช่องคลอด ปากมดลูก หรือตรวจหาเชื้อ HPV ก่อน โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยมีเซ็กส์
แต่ว่าการตรวจคัดกรองก่อนดีตรงที่ถ้าเกิดเจอความความผิดปกติของเซลล์บริเวณช่องคลอดหรือปากมดลูก บางทีอาจพิจารณาเป็นการรักษาแทนการฉีดวัคซีนป้องกัน
ส่วนกรณีการตรวจหาเชื้อ HPV จากปากมดลูก ผลแสดงการตรวจจะไม่ได้ระบุเฉพาะสายพันธุ์ และก็แม้ตรวจเจอว่ามีการติดเชื้อ HPV อยู่แล้ว ก็ยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV อยู่ดี
หากตรวจเจอการติดเชื้อ HPV จะสามารถฉีดวัคซีนได้หรือไม่?
ถ้าตรวจเจอการรับเชื้อ HPV แล้ว ยังสามารถฉีดวัคซีนได้ แต่ว่าวัคซีนนั้นจะป้องกันเฉพาะเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ยังไม่ติดเท่านั้น และวัคซีนไม่สามารถที่จะรักษาหรือทำลายเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ตรวจเจอแล้วได้
ฉีดวัคซีน HPV แล้วมีสิทธิติดเชื้อโรค HPV ไหม?
วัคซีน HPV ไม่สามารถที่จะป้องกันไวรัส HPV ได้ทุกสายพันธุ์ โดยเหตุนี้แม้จะได้รับวัคซีนครบก็เป็นเพียงการลดการเสี่ยงสำหรับการกำเนิดโรค ไม่ใช่ป้องกันการเกิดโรค 100% โดยเหตุนั้นควรจะตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก หรือแปปสเมียร์ ตามปกติอย่างเช่นเดิม ที่สำคัญถึงจะฉีดวัคซีนรวมทั้งอย่าเพิ่งประมาท ไม่ใช้ถุงยางอนามัยเนื่องจากว่าวัคซีนไม่อาจจะป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์อื่นๆได้
ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน HPV
ผลกระทบจากการรับวัคซีน HPV นั้นมีน้อยมาก โดยอาจมีอาการบวมบวม หรือแดงรอบๆที่ฉีดวัคซีน จับไข้ ปวดหัว คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้ออาการพวกนี้บางทีอาจเกิดขึ้นชั่วคราวรวมทั้งสามารถหายเองได้ นอกจากนี้อาจจะก่อให้กำเนิดอาการหน้ามืด เป็นลมเป็นแล้งภายหลังได้รับวัคซีน แต่ว่าก็นับว่า ได้โอกาสน้อยมาก อย่างไรก็แล้วแต่ คุณสามารถลดการเสี่ยงที่จะเป็นลมได้โดยการนั่งพักโดยประมาณ 15 นาทีภายหลังจากการรับวัคซีน
อย่างไรก็ดี แม้คุณจะฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกครบคอร์สแล้ว แต่ว่าเมื่อถึงวัยที่จำต้องตรวจคัดกรองก็ไม่ควรมองข้าม เพราะเหตุว่าวัคซีนที่ฉีดไปบางทีอาจไม่ครอบคลุมเชื้อไวรัสก่อโรคทุกสายพันธุ์ แล้วก็เชื้อไวรัสอาจมีการกลายพันธุ์ หรือพัฒนาไปได้โดยที่เราไม่รู้เรื่อง
ขอบคุณบทความดีๆ จาก https://www.honestdocs.co/vaccine-against-cervical-cancer-hpv
Tags : ติดเชื้อ, เพศสัมพันธ์