บอร์ด
กระทู้: 5 เรื่องของวงแอโรสมิธ (Aerosmith) ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน by Drivemate

ประวัติของวงแอโรสมิธ (Aerosmith) ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน By Drivemate.asia

 

วงแอโรสมิธ เป็นวงดนตรีเพลงร็อคสัญชาติอเมริกันที่โด่งดังไปทั่วโลก และถูกยกให้เป็นวงดนตรีร็อคที่ดีที่สุดของประเทศอเมริกาอีกด้วย เป็นเจ้าของเพลงฮิตยอดนิยมอย่างเช่น I Don't Want to Miss a Thing , Crazy (ลูกสาวนักร้องนำร่วมแสดงมิวสิควีดีโอเพลงนี้) , Amazing เป็นต้น จุดเด่นของวงนี้นอกจากจะเป็นน้ำเสียงของนักร้องนำ (สตีเวน ไทเลอร์) ที่สามารถร้องเสียงสูงได้อย่างสบายแล้วก็คือคุณภาพของเพลงนั่นเอง

สถิติยอดขายแผ่นเสียงของวง “วงแอโรสมิธ” นี่ก็ถือว่าสุดยอดเพราะสามารถขายได้มากกว่า 150 ล้านแผ่นทั่วโลก เป็นยอดขายเฉพาะในอเมริกาประมาณ 70 ล้านแผ่นนอกนั้นเป็นยอดขายในประเทศอื่นทั้งหมดเห็นกันได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขามีแฟนคลับที่อยู่นอกประเทศอเมริกาเยอะมากขนาดไหน

ถึงแม้ว่าจะเป็นวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จไปทั่วโลกแต่คนส่วนใหญ่รู้จักพวกเขาในสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าเท่านั้น ชีวิตเบื้องหลังจะมีอะไรบ้างเราไปดูกันเลยดีกว่า

1.กลุ่มแฟนคลับของวงแอโรสมิธ จะมีชื่อเรียกว่า “The Blue Army” ซึ่งเป็นชื่อที่สมาชิกวงเป็นคนตั้งชื่อขึ้นมาเอง ซึ่งคำว่า Blue นั้นแปลตรงๆว่าสีน้ำเงินแต่จริงๆแล้วเป็นเพราะแฟนคลับส่วนใหญ่ชอบใส่เสื้อและกางเกงยีนส์มาชมคอนเสิร์ต ส่วนคำว่า Army แปลตรงๆได้ว่ากองทัพนั่นเอง

2.จริงๆแล้วชื่อจริงของ “สตีเวน ไทเลอร์” นักร้องนำของวงนี้คือ “สตีเวน ทัลลาริโก้” ในช่วงแรกที่เข้ามาในวงเขาใช้ชื่อ “สตีเวน ทัลลี” และหลังจากที่ได้มีการตั้งชื่อวงเป็นแอโรวสมิธเขาเคยพยายามเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น “ไทเลอร์ บริต” แต่ในที่สุดผู้จัดการของวงก็โน้มน้าวให้เขาใช้ชื่อ “สตีเวน ไทเลอร์” และก็ใช้มาจนทุกวันนี้

3.สตีเวน ไทเลอร์ ได้พบกับ “โจ เพอร์รี่” มือกีต้าร์ชื่อดังประจำวงแอโรสมิธ ในร้านอาหารชื่อว่า “Anchorage” ซึ่งสตีเวนไปทานอาหารในร้านนั้นและกำลังพยายามที่จะกล่าวชมเชยพ่อครัวที่เป็นคนทอดเฟรนช์ฟรายด์ว่าดีที่สุดเท่าที่เคยกินมา และบังเอิญว่าพ่อครัวคนนั้นก็คือ “โจ” นั่นเอง ซึ่งอันที่จริงในตอนนั้นโจก็ไม่ค่อยชอบสตีเวนเท่าไหร่เพราะว่าเขามักจะทานเลอะเทอะทำให้โจต้องมาคอยเก็บกวาดอยู่เป็นประจำ

4.หลังจากที่ สตีเวน ไทเลอร์ โดนไล่ออกจากโรงเรียนไฮสคูลเพราะตอนนั้นเขาเล่นยา เขาตัดสินใจขโมยกีต้าร์เบสของวงดนตรีในโรงเรียน และจนป่านนี้กีต้าร์ตัวนี้ก็ยังคงอยู่ที่เขามาตลอด แถมยังเคยเอากีต้าร์ตัวนี้ไปใช้ตอนเล่นเพลงดังชื่อเพลงว่า Livin’ On the Edge อีกด้วย

5.มีสมาชิกสองคนในวงตัดสินใจเลิกเสพยาในช่วงยุค 80 ซึ่งก็คือ โจ เพอร์รี่ และ แบรด วิทฟอร์ด โดยหลังจากที่การอัดอัลบั้มเพลงชื่อ “Done with Mirrors” เสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1985 พวกเขาจงใจตั้งชื่ออัลบั้มว่า Done with Mirrors โดยมีสองความหมาย คือ 1.ก็คือวิธีการที่พวกเขาใช้ในการสร้างอัลบั้มนี้ขึ้นมา 2.ก็คือพวกเขาตั้งใจว่านับจากนี้เป็นต้นไปจะเลิกเสพโคเคนไปตลอดชีวิต

สนับสนุนบทความโดย Drivemate

บริการเช่ารถราคาถูก มีรถเช่าให้เลือกมากที่สุดในไทย

www.drivemate.asia

2 ก.ย. 62 เวลา 16:45 422