ตับเป็นอวัยวะภายในบริเวณท้อง ทำหน้าที่สำหรับการกรองเลือดก่อนที่จะไปสู่ส่วนต่างๆของร่างกาย การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดภาวการณ์ตับอักเสบซึ่งแม้มีอาการเรื้อรังจะนำมาซึ่งโรคตับแข็งและมะเร็งตับ อันเป็นสาเหตุให้คนทั่วทั้งโลกเสียชีวิตถึงกว่า 780,000 คนต่อปี โรคนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นโรคติดโรคที่รุนแรงและจำต้องเฝ้าระวัง
เป็นต้นว่า เชื้อไวรัสตับอักเสบเอ บี ซี ดี แล้วก็อี โดยไวรัสที่เป็นปัญหาในบ้านพวกเรา ตัวอย่างเช่น ไวรัสตับอักเสบบีแล้วก็ซีไวรัสตับอักเสบบีนั้นติดต่อผ่านทางการสัมผัสสารคัดเลือกหลั่งจากร่างกายของผู้ป่วย}โรคนี้ (เลือดน้ำลาย น้ำเชื้อ รวมทั้งน้ำหล่อลื่นจากอวัยวะเพศ) เหมือนกับเชื้อไวรัสตับอักเสบซีและดี ส่วนไวรัสตับอักเสบเอรวมทั้งอีนั้นจะติดต่อผ่านการรับประทานอาหารและน้ำกินที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส แม้กระนั้น ตอนนี้มีวัคซีนที่ช่วยป้องกันเชื้อไวรัสตับอักเสบประเภทบีแล้วก็ดีได้แล้ว
สถิติจากองค์กรอนามัยโลก (WHO) ประเมินว่าทั่วโลกมีผู้ป่วย}โรคตับอักเสบเรื้อรังราว 300 ล้านคน แล้วก็ขั้นต่ำ 1 ล้านคนจะแปลงเป็นโรคตับแข็งแล้วก็โรคมะเร็งตับในที่สุด โดยคาดว่าแหล่งที่มีความชุกของการรับเชื้อเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเยอะที่สุดเป็นบริเวณเอเชียตะวันออก แล้วก็แอฟริกาใต้ซาฮารา ซึ่งอาจมีประชาชนผู้ใหญ่ราวๆ 5-10% ที่เป็นผู้ติดเชื้อโรค
ส่วนในประเทศไทยคาดว่ามีผู้ติดโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบบีโดยประมาณร้อยละ 5 ของประชากร หรือราวๆ 3 ล้านคน นอกจากนั้นยังพบว่าการติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดขึ้นตั้งแต่ในวัยเด็ก
ไวรัสตับอักเสบบี ทนทานต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆได้ดี เมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อไวรัสจำพวกอื่น แล้วก็สามารถติดต่อได้ทางเลือด น้ำเชื้อ น้ำหล่อลื่น และสารคัดหลั่งต่างๆของร่างกาย โดยกรรมวิธีแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นได้ เช่น
เชื้อไวรัสตับอักเสบบีไม่สามารถแพร่ผ่านอาหารแล้วก็น้ำดื่ม (เว้นแต่ว่าอาหารนั้นจะผ่านการเคี้ยวมาก่อน อาทิเช่น แม่บดอาหารก่อนป้อนให้แก่เด็กอ่อน)
และไม่สามารถติดต่อผ่านวิธีต่างๆต่อไปนี้
การติดเชื้อเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจำนวนมากเกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก โดยพบว่าตอน 10-15 ปี แรกจะมีปริมาณไวรัสสูงมากแม้กระนั้นมักไม่มีอาการอะไรก็แล้วแต่เพราะว่าเม็ดเลือดขาวยังไม่ทราบว่ามีไวรัสอยู่ในร่างกาย จนเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น เม็ดเลือดขาวจะเริ่มตรวจเจอและทําลายเซลล์ตับที่มีเชื้อไวรัสอยู่ ก่อให้เกิดอาการของภาวะตับอักเสบเฉียบพลันได้ เป็น มีอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้ เจ็บใต้ชายโครงขวา เป็นไข้ต่ำ ตาเหลือง ตัวเหลือง และปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม ซึ่งผู้ป่วย}ที่มีอาการระยะเฉียบพลันนี้ได้โอกาสหายเป็นปกติสูงถึง 90-95%
ส่วนผู้ที่มีลักษณะตับอักเสบแบบเรื้อรังมักจะไม่มีการแสดงอาการใดๆไม่เหมือนอาการระยะเฉียบพลัน และอาจมีผลการตรวจร่างกายปกติ จึงต้องใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการเท่านั้น ซึ่งถ้าเซลล์ตับของผู้ป่วย}ถูกทำลายมากมายเข้า ก็จะทำให้เกิดโรคตับแข็ง ทำให้มีพังผืดในตับ รวมทั้งกำเนิดโรคมะเร็งตับตามมาได้ เหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยโรคนี้เสียชีวิตนั่นเอง
อาการจากโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบแบบเฉียบพลันสามารถดีขึ้นไปได้เองเมื่อนอนพักอย่างพอเพียง และก็กินอาหารที่มีสาระครบ แต่มีผู้ป่วย}บางรายมั่นใจว่าการดื่มน้ำหวานมากจะช่วยทุเลาอาการให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการแบบนี้ผิด รวมทั้งแพทย์ไม่แนะนำ เพราะว่าน้ำตาลจากน้ำหวานนั้นจะกลายเป็นไขมันในตับ ทำให้ตับโตแล้วก็จุกแน่นกว่าธรรมดา
ส่วนผู้ป่วย}ที่มีอาการเชื้อไวรัสตับอักเสบแบบเรื้อรัง ซึ่งมักไม่มีการแสดงอาการ แต่อาจตรวจพบจากการตรวจสุขภาพ หมอจะให้การรักษาโดยฉีดยาอินเตอร์เฟอรอน (Interferon) ให้ผู้ป่วย} โดยจำเป็นต้องฉีดตรงเวลาต่อเนื่องกันอย่างต่ำ 4-6 เดือนก็เลยจะได้ผล ผู้ป่วย}ราวๆ 30-40% มีอาการอักเสบของตับรวมทั้งปริมาณเชื้อไวรัสน้อยลงจากการใช้วิธีนี้ อย่างไรก็ตาม ตัวยาที่ใช้แพงออกจะสูงและมีผลใกล้กันมาก การใช้ยาควรต้องอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของหมอผู้ที่มีความชำนาญด้านระบบทางเดินอาหารเท่านั้น
นอกเหนือจากยาฉีดอินเตอร์เฟอรอนแล้ว ยาอีกชนิดหนึ่งที่หมอบางทีอาจแนะนำให้ใช้ก็คือยาลามิวูดีน ซึ่งเป็นยาแบบรับประทาน มีคุณภาพพอควรแล้วก็ส่งผลข้างๆน้อยกว่า แต่ถ้าเกิดใช้ไปเป็นเวลานานๆอาจส่งผลให้กำเนิดเชื้อดื้อยาได้ โดยได้โอกาสกำเนิดเชื้อดื้อยาได้ถึง 20% ตั้งแต่ในปีแรกที่ใช้ และจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆยิ่งกว่านั้นยานี้จะใช้ไม่ได้ผลในผู้ป่วย}ที่มีการทำงานของตับปกติ หรือเป็นกรุ๊ปพาหะ
ทั้งนี้ การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยต่อสู้กับโรคโดยผู้ป่วย}โรคนี้ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกจำพวก เลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็นออกกำลังกายบ่อย และก็ตรวจร่างกายเสมอๆแม้ปรารถนากินยาคุมกำเนิดสามารถกินได้ตามเดิม แล้วก็แม้ปรารถนามีบุตร คุณก็สามารถตั้งท้องได้
Tags : ไวรัสตับอักเสบ, ติดเชื้อไวรัส, การติดเชื้อ