บอร์ด
กระทู้: เคล็ดลับเลือก''แหวนเพชร''

เรียนรู้เทคนิค "การเลือกแหวนเพชร" ให้สวยงามตรงใจในวันสำคัญได้ไม่ยากไม่ยากอย่างที่คิด ที่ใช้เวลาเพียง 10 นาที!



เมื่อถึงวันสำคัญของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพิธีหมั้น หรืองานมงคลสมรส ย่อมจะขาดสิ่งจำเป็นอย่างแหวนเพชร ที่นับว่าเป็นเครื่องหมายสำคัญในวันแสนพิเศษนี้ไปไม่ได้ แต่เชื่อว่า หลายท่านน่าจะสงสัยไม่ใช้น้อยว่า "ขั้นตอนการเลือกแหวนเพชร" ให้คุ้มและตรงใจที่สุดนั้นควรจะเป็นเช่นไร?



วันนี้ เราจะพาไปไขข้อข้องใจ พร้อมขั้นตอนการเลือกซื้อ "แหวนเพชร" ได้อย่างง่ายดาย

 

  • กำหนด Budget แหวนเพชรในใจ

 

เป็นสิ่งที่เราควรทำเป็นขั้นตอนแรก เพื่อไม่ให้งบประมาณเกินเลยไปไกลกว่าที่คิด การจัดสรรงบประมาณสำหรับเลือกซื้อเครื่องเพชรนั้น ควรมี:)ส่วนอยู่ที่ แหวน 50% สร้อยคอ 30% ต่างหูแล้วก็สร้อยข้อมือหรือกำไล อีก 20%

  • เลือกเฟ้น "แหวนเพชร" ให้ตรงความต้องการที่สุด

เมื่อเรามีงบประมาณในใจแล้ว ต่อมาเป็นการเลือกแหวนเพชรให้ตรงใจที่สุด ซึ่งเพชรมีพื้นฐานอยู่ 4 ประการ หรือเรียกว่า 4 Cs ได้แก่ Carat Weight (กะรัต) Cut (การเจียระไน) Color (สี) และก็ Clarity (ความสะอาด)

  1. "กะรัต (CARAT)" คือหน่วยที่ใช้ชั่งน้ำหนักของเพชรและก็อัญมณีต่างๆหรือภาษาง่ายๆก็คือ การเลือกขนาดของเม็ดเพชรนั่นเอง ซึ่งกะรัตจะใช้คำย่อว่า "ct" โดยใน 1 กะรัตจะแบ่งหน่วยย่อยออกเป็น 100 หน่วยเรียกว่า Point หรือที่รู้จักกันว่า "ตัง" ได้แก่ เพชรขนาด 0.50 ct จะเรียกว่า 50 Point หรือ 50 ตัง เพราะฉะนั้น เพชรที่มีน้ำหนักเท่ากัน อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีราคาที่แตกต่างกันได้ ซึ่ง "ขนาดของเม็ดเพชร" ก็จะมีผลต่อราคาเยอะที่สุด ยิ่งเพชรเม็ดใหญ่มากยิ่งกว่าเดิมขนาดไหน ราคาก็สูงมากขึ้นตามไปด้วย
  2. "การเจียระไน (cut)" :)ส่วนของเพชรได้มาจากการเจียระไนอีกเช่นกัน "เพชรจะส่องประกายได้ดีแค่ไหนขึ้นอยู่กับการเจียระไน" ถึงแม้ว่าจะเป็นเพชรคุณภาพดี แต่ถ้าได้รับการเจียระไนที่ผิดรูปทรง จะไม่มีประกาย แต่ว่าหากยิ่งเจียระไนรูปทรงของ แหวนเพชร ดีแค่ไหน ก็จะยิ่งทำให้สะท้อนแสงแวววาวได้มากขึ้นเหมือนกัน ซึ่งการดู "รูปทรงของเพชร" นั้นพวกเราไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่า แต่ว่าให้ดูจากใบรับรองที่ได้มาตราฐาน (Certificate) โดยให้ดูจาก 3 ส่วน ดังต่อไปนี้ 1.Cut Grade: Excellent 2.lish: Excellent และ 3.Symmetry: Excellent ทั้งสามอย่างนี้เกรดที่ได้ควรต้อง 3 Excellent เพียงเท่านั้นนั่นหมายความว่าเพชรที่เจียระไนได้สมบูรณ์
  3. "สี,น้ำ (Color)" โดยปกติเราชอบพบเพชรที่มีลักษณะเป็นสีขาวหรือไร้สี การลำดับสีของเพชรนั้นเริ่มจากไม่มีสีไปจนกระทั่งปนเหลือง โดยสีของเพชรจะถูกแบ่งเริ่มตั้งแต่เพชรที่ใส ไม่มีสี(Colorless) ,กระทั่งเริ่มมีสีนวลขึ้นในระดับที่สายตาเริ่มพิจารณาได้(Near Colorless) ,สีเหลืองจาง (Yellow Tinge) และเป็นสีเหลืองอ่อน(Light Yellow) และก็ถ้าเกิดใช้มาตรฐานของ GIA จะสามารถแบ่งระดับสีหรือที่นิยมเรียกกันว่า "น้ำ"โดยใช้อักษรตั้งแต่ D เทียบเท่ากับน้ำ 100 ถัดมาเป็น E ซึ่งเทียบเท่ากับน้ำ 99 รวมทั้ง F เท่ากับน้ำ 98 ไล่ลำดับจนกระทั่ง Z ซึ่งจะสีออกเหลืองไปเลย
  4. "ความสะอาด (Clarity)" ซึ่งก็คือรอยตำหนิที่เกิดจากธรรมชาติของเพชร เพชรที่สะอาดก็คือเพชรที่มีตำหนิน้อย ฉะนั้นเพชรยิ่งมีตำหนิน้อยมากเท่าไร ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น
  • เลือกทรงของแหวนเพชรให้ตรงใจที่สุด

โดยการเลือก "เพชรเม็ดกลาง" ควรเลือกเพชรพรีเมี่ยม โดยขนาดของเพชรเม็ดกึ่งกลางที่เลือก จะช่วยทำให้เลือกแบบของแหวนได้ง่ายขึ้นจากนั้นพวกเราก็มาเลือกดีไซน์ตัวเรือนของแหวนเพชร ก็จะมีให้เลือกหลายแบบ แต่ละแบบสามารถทำให้แหวนเพชรมีเอกลักษณ์ที่ต่างกัน โดยในปัจจุบันเป็นที่นิยม 3 แบบด้วยกันดังต่อไปนี้

  1. "แหวนเกลี้ยงเพชรเม็ด (SOLITAIRE)" ถือเป็นแหวนเพชรสุดคลาสสิค เรียบหรู เป็นทรงที่ใช้ได้กับตลอดยุคทุกสมัย แล้วก็สำหรับแหวนทรงนี้ส่วนมาก จะนิยมเลือกหนามเตยเล็กๆเพื่อที่จะเพิ่มพื้นที่สำหรับการโชว์เม็ดเพชรให้เปล่งประกายได้มากขึ้น
  2. "ฝังเพชรหรือพลอยด้านข้าง (SIDESTONES/DIAMOND BAND)" ตัวเรือนจะมีการฝังเพชรเม็ดขนาดรองมาเป็นแถว ซึ่งจำนวนเพชรอาจมีตั้งแต่ข้างละ 2 เม็ดไปจนกระทั่งรอบนิ้ว
  3. "เพชรล้อมเม็ดกลาง (HALO)" เป็นรูปแบบของเพชรเม็ดเล็กๆล้อมเพชรเม็ดกลางของแหวน ซึ่งจะมีผลให้เพชรเม็ดกลางแลใหญ่แล้วก็เด่นขึ้น เหมาะกับคุณผู้หญิงที่หลงใหลความพิเศษมากขึ้นจากการออกแบบแหวนเรียบๆ
  • 4 หนามเตยจะช่วยยึดเพชรกับตัวเรือนให้เพชรมองมีขนาดใหญ่มากขึ้น แล้วก็
  • 6 หนามเตยจะเพิ่มความแข็งแรงให้กับการยึดเพชรกับตัวเรือนมากกว่า แต่ก็ไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบนัก เนื่องจากเพชรยอดจะมีขนาดไม่ใหญ่นัก

 

หลังจากพวกเราเลือกดีไซน์แหวนเพชร กันได้แล้ว จากนั้นจึงมาเลือก "วัสดุที่ใช้ทำตัวแหวน" ซึ่งวัสดุที่ใช้ทำตัวเรือนของแหวนจะมีทั้งหมด 3 ประเภท ซึ่งจะมีทองผสมใน:)ส่วนที่ไม่เหมือนกันคร่าวๆ เป็น ทองคำขาว – 18k ทอง – 22k และพิงก์โกลด์ – 18k

 

สุดท้ายที่สำคัญที่สุด เป็นการเลือก "ร้านเพชรที่มีบริการหลังการขาย"

เพราะมูลค่าของแหวนเพชรที่พวกเราซื้อไปนั้น ใครๆก็ย่อมที่ต้องการเก็บไว้นานๆดังนั้นควรที่จะเลือกร้านที่มีบริการหลังการขาย ทั้งบริการล้าง ทำความสะอาด ไปจรวมถึงบริการซ่อมแซม มีอุปกรณ์ครบครันสำหรับเพื่อการตรวจสอบเพชร พร้อมด้วย Certificate จาก GIA และ Certificate จากทางร้าน เพราะขึ้นชื่อว่า "เพชร" แล้ว... คืออัญมณีที่เลอค่าเหนือกาลเวลาและก็ที่สำคัญคือเครื่องหมายแทนความรักที่มอบให้แก่กันอย่างประเมินค่าไม่ได้

 

เมื่อทราบเคล็ดลับ "การเลือกแหวนเพชร" ให้สวยงามตรงใจในวันสำคัญได้ไม่ยากกันแล้ว ก็เข้าไปเลือกชมแหวนเพชรสวยๆให้ผู้ที่พวกเรารักกัน

 

25 มิ.ย. 62 เวลา 11:17 403