โรคเอดส์ เป็นโรคที่เกิดขึ้นมาจากการรับเชื้อไวรัส ที่เรียกว่า HIV ซึ่งไวรัสชนิดนี้จะก่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ติดเชื้อทำงานไม่ปกติ ในปัจจุบันยังไม่มีทางรักษาให้หายขาด ทำได้เพียงแต่ ควบคุมอาการและก็รักษาแบบประคอง จึงทำให้โรคเอดส์ เป็นโรคที่ใครๆต่างกลัว เพราะว่าคิดว่าเป็นแล้วต้องเสียชีวิต แต่ว่าอันที่จริงแล้วมีแนวทางประคับประคองให้ผู้ติดเชื้อสามารถมีชีวิตยืนยาวได้นานนับสิบปี วันนี้เราจึงนำความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์มาฝาก เพื่อที่พวกเราจะได้ทำความรู้จักโรคเอดส์อย่างถ่องแท้ และหาวิธีป้องกันโรคเอดส์ได้อย่างถูกต้อง
โรคเอดส์ คืออะไร?
โรคเอดส์เป็น ลักษณะของโรคภูมิต้านทานผิดปกติ (AIDS : Acquired Immune Deficiency Syndrome) โดยเกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ฮิวแมนอิมมิวโนเดฟีเชียนซีเชื้อไวรัส (Human Immunodeficiency Virus : HIV) หรือเรียกง่ายๆว่า เชื้อเอชไอวี (HIV) เมื่อเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย จะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งปฏิบัติภารกิจกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย เมื่อเซลล์เม็ดเลือดขาวถูกทำลายมากขึ้น จึงทำให้คนเจ็บมีภูมิต้านทานต่ำลง จนถึงในที่สุดร่างกายไม่มีสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆที่ไปสู่ร่างกายได้ ก็เลยทำให้คนป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีนั้นสามารถติดเชื้อโรคได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นส่งผลให้เป็นโรคติดเชื้อโรคอื่นๆตามมา ยกตัวอย่างเช่น วัณโรค ปอดบวม เชื้อรา ฯลฯ โดยส่วนมากคนเจ็บโรคเอดส์มักเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนต่างๆ
โรคเอดส์มีกี่สายพันธุ์
- เชื้อไวรัสเอชไอวีมีหลายสายพันธุ์โดยปัจจุบันค้นพบมากกว่า 10 สายพันธุ์ กระจัดกระจายอยู่ทั้งโลก แต่ว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมเป็น เอชไอวี 1 (HIV-1) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดอยู่ในยุโรป แอฟริกากลาง และก็สหรัฐอเมริกา ส่วนเอชไอวี 2 (HIV-2) แพร่ระบาดในแถบแอฟริกาตะวันตก
- เชื้อไวรัสเอชไอวีถูกศึกษาค้นพบครั้งแรกที่แอฟริกา โดยค้นพบมานานกว่า 70 ปีแล้ว และก็ปัจจุบันนี้ยังเป็นแหล่งที่พบเชื้อไวรัสเอชไอวีหลายสายพันธุ์ที่สุดด้วย
- สายพันธุ์เอชไอวีที่พบมากที่สุดในโลกคือ สายพันธุ์ซี โดยมีสูงถึง 40% สำหรับพื้นที่ที่เจอเป็น ทวีปแอฟริกา ประเทศอินเดีย จีนแล้วก็พม่า ส่วนในประเทศไทยนั้นพบเชื้อเอชไอวี 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ เออี (A/E) หรือ (E) พบได้มากถึง95% โดยแพร่ระบาดจากการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับหญิง แล้วก็สายพันธุ์บี (B) มักมีการแพร่ระบาดในกลุ่ม LGBT หรือคนที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน (ในกลุ่มผู้ใช้สิ่งเสพติด)
- สำหรับสายพันธุ์ที่ไม่เคยพบในประเทศไทยคือ สายพันธุ์ซี แต่ว่ามีการพบสายพันธุ์ระหว่าง อี-ซี ที่เป็นลูกผสมระหว่างสายพันธุ์อีในประเทศไทยกับสายพันธุ์ซี ซึ่งมีถิ่นเกิดในทวีปแอฟริกา และเมื่อไม่นานมานี้ ได้ค้นพบเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ใหม่ ที่ไม่เคยตรวจพบที่ใดในโลกมาก่อน เป็นการผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ คือ เอ อี แล้วก็จี เรียกว่า เอ อี จี(AE/G)
การติดต่อของโรคเอดส์มี 3 ทางดังต่อไปนี้
-
การร่วมเพศกับผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี
การร่วมเพศกับผู้ติดเชื้อโรคเอชไอวีเป็นต้นเหตุหลักของการติดเชื้อไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์กับเพศใดก็ตาม ดังนี้จากข้อมูลของทางกองระบาดวิทยาบอกว่า 83% ของผู้ติดโรคเอชไอวีนั้น ได้รับเชื้อมาจากการมีเพศสัมพันธ์ทั้งสิ้น
-
การรับเชื้อทางเลือด
การได้รับเชื้อโรคเอดส์เจอได้ใน 2 กรณี คือ
- 2.1 ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรือแม้แต่การใช้กระบอกฉีดยาร่วมกับผู้ติดโรคเอชไอวี ซึ่งพบบ่อยในกลุ่มผู้เสพยาเสพติด หรือฉีดยาเข้าเส้น
- 2.2 รับเลือดมาจากการผ่าตัด หรือเพื่อรักษาโรคเลือดบางประเภท ในสมัยก่อนมีการติดเชื้อโรคเอชไอวีจากวิธีนี้ค่อนข้างจะเยอะ เพราะยังไม่มีการตรวจเลือดที่ละเอียดนัก แต่ปัจจุบันได้มีการนำเลือดที่รับบริจาคไปทำการวิเคราะห์หาเชื้อก่อนทุกครั้ง ทำให้อัตราการติดเชื้อจากการรับเลือดน้อยลงเป็นอย่างมาก
-
การติดต่อผ่านแม่สู่ลูก
เกิดขึ้นจากแม่ที่มีเชื้อเอชไอวีอยู่แล้วตั้งท้อง โดยเชื้อเอชไอวีจะถ่ายทอดสู่ลูกขณะคลอด แต่ปัจจุบันนี้ได้ค้นพบวิธีการป้องกันการแพร่ระบาดจากแม่สู่ลูกได้สำเร็จโดยขั้นตอนการกินยาต้านเชื้อไวรัสในช่วงตั้งครรภ์ จะช่วยลดการเสี่ยงจากการติดเชื้อของเด็กแรกคลอดลงได้
นอกจากนี้ เชื้อเอชไอวียังสามารถติดต่อได้อีกหลายวิธี แต่ว่าก็มีโอกาสน้อยมาก อาทิเช่นการเจาะหูโดยการใช้เข็มร่วมกับผู้ติดเชื้อโรค หรือแม้แต่การสัก ไม่ว่าจะเป็นการสักผิวหนังสักขนคิ้ว นอกจากเลือดแล้ว เชื้อเอสไอวียังสามารถติดต่อกันผ่านทางน้ำเหลืองได้ด้วย โดยบางทีอาจติดเชื้อจากการที่บาดแผลของพวกเราสัมผัสกับบาดแผลของผู้มีเชื้อโรค แต่ว่าก็นับว่ามีโอกาสต่ำมากมาย โดยจะติดเชื้อได้ก็ต่อเมื่อเป็นแผลเปิด แผลสด และมีเลือดหรือน้ำเหลืองที่มีเชื้อไหลเข้าไปเป็นจำนวนมากแค่นั้น
ต้นเหตุที่ทำให้ติดโรคเอดส์
ต้นเหตุที่ทำให้ติดเชื้อเอชไอวีมีหลายประการ คือ
- ปริมาณเชื้อเอชไอวี หากได้รับเชื้อเอชไอวีในจำนวนมากก็จะมีผลให้มีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อสูงตามไปด้วย โดยเชื้อเอชไอวีพบได้มากที่สุดในเลือด รองลงมาเป็น น้ำอสุจิและน้ำในช่องคลอด
- มีรอยแผล ถ้ามีบาดแผลบริเวณผิวหนังหรือโพรงปาก ย่อมทำให้ได้โอกาสติดเชื้อสูงขึ้น (จากการมีเพศสัมพันธ์ทางโพรงปาก) เพราะเชื้อเอชไอวีสามารถไปสู่บาดแผลได้
- ความบ่อยสำหรับในการสัมผัสเชื้อ ถ้ามีการสัมผัสเชื้อไวรัสบ่อยโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรคก็มีสูงขึ้น เช่น นักค้นคว้าที่จะต้องกระทำการทดสอบ ศึกษาเกี่ยวกับเชื้อไวรัสเอชไอวี เป็นต้น
- การได้รับเชื้อแบบอื่นๆยกตัวอย่างเช่น แผลเริม ซึ่งแผลชนิดนี้จะมีเม็ดเลือดขาวอยู่ที่รอบๆแผลเป็นจำนวนมากทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการรับเชื้อได้ง่าย
การป้องกันโรคเอดส์
โรคเอดส์เป็นโรคซึ่งสามารถป้องกันได้เพียงแค่ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง และทำตามหลักดังนี้
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่ร่วมเพศ
- มีคู่รักเพียงผู้เดียว
- ก่อนแต่งงาน หรือมีบุตร ควรมีรับการตรวจสุขภาพ และก็ตรวจเลือด
- งดเว้นใช้สารเสพติดทุกจำพวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เข็ดขยาดฉีดยาร่วมกับคนอื่นๆ
ขอบคุณบทความจาก https://www.honestdocs.co/aids-hiv-infection-and-prevention
Tags : โรคเอดส์, มีเพศสัมพันธ์, hiv